สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ณ เมรุหลวง หน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงยังเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ได้เสด็จฯขึ้นพลับพลาอิศริยาภรณ์ และประทับพระเก้าอี้ที่หน้าอาสนสงฆ์ เจ้าพนักงานลาดผ้าภูษาโยง จากนั้นเสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 10 รูปบังสุกุล ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วเสด็จฯลงจากพลับพลา
ในเวลาต่อมาเสด็จฯ ขึ้นเมรุหลวง ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธีวางข้างโกศ ทรงหยิบธูปเทียนดอกไม้จันทน์ จุดไฟที่ชนวนตำรวจวังชูถวาย จากนั้นพระราชทานเพลิง ชาวพนักงานประโคมแตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ และกลองชนะ และเสด็จฯลงจากเมรุหลวง ไปประทับพระเก้าอี้ที่มุกหน้าพลับพลา ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพิธีในวันที่ 10 มี.ค.นั้น เวลา 07.00 น.พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 3 รูป พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล และรับพระราชทานภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิ จากนั้นเวลา 08.00 น.เชิญอัฐิสมเด็จพระพุฒาจารย์ กลับยังวัดสระเกศฯ โดยใช้เส้นทางถนนหลวง ผ่านห้าแยกพลับพลาไชย แยกโรงพยาบาลกลาง เลี้ยวขวาสี่แยกวรจักร เคลื่อนขบวนไปตามถนนวรจักร ผ่านสี่แยกแม้นศรี ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่วัดสระเกศฯ
พระพรหมสุธี (เสนาะ ปัญญาวชิโร) เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวว่า ในวันที่ 10 มี.ค.ช่วงเวลา 07.00 น.จะมีพิธีเชิญอัฐิสมเด็จพระพุฒาจารย์ จากเมรุหลวง กลับยังวัดสระเกศฯ โดยหลังจากสวดพระพุทธมนต์ฉลองอัฐิเสร็จแล้ว จะมีการนำอัฐิของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ไปเก็บไว้ยังตำหนักสมเด็จฯ โดยตั้งไว้เคียงคู่กับอัฐิของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) อดีตสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 15 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งเป็นคำสั่งของสมเด็จพระพุฒาจารย์เองที่เคยพูดไว้เมื่อประมาณกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ มีอายุประมาณกว่า 70 ปี และท่านเห็นว่าสังขารเริ่มร่วงโรย จึงบอกว่าหากว่ามรณภาพเมื่อใด ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องสร้างเจดีย์ แต่ให้นำอัฐิไปวางไว้ใกล้ๆ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) ซึ่งเป็นทั้งพระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อขบวนเชิญโกศศพสมเด็จพระพุฒาจารย์มาถึงยังเมรุหลวง ได้มีการปรับขบวนให้เหลือเพียงขบวนหลวงเท่านั้น และได้เคลื่อนขบวนวนซ้ายเมรุหลวงฯ 3 รอบก่อนที่จะเชิญโกศศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ขึ้นตั้งบนจิตกาธาน เมรุหลวง
ส่วนบรรยากาศภายในงาน มีพุทธศาสนิกเฝ้ารอเข้าร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์เต็มทุกศาลาที่จัดไว้บริเวณโดยรอบเมรุหลวง และล้นออกมาบริเวณรอบๆ วัด อย่างไรก็ตาม ภายในงานได้มีการแจกของที่ระลึก อาทิ หนังสือภาพเล่าเรื่องประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์ หนังสือประวัติวัดสระเกศฯ และประวัติพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมด้วยพระผงหลวงพ่อดวงดี และล็อกเกตรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์ ให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมงานด้วย