ผู้ว่าฯ สระบุรี ชวนนักเที่ยวชมทุ่งทานตะวัน สูดโอโซนบริสุทธิ์ พร้อมซื้อสินค้าโอทอป 5 อำเภอ ตั้งแต่ 14 ธ.ค.56 - 5 ม.ค.57
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมความงามของทุ่งทานตะวัน และสัมผัสอากาศหนาวเย็น สูดโอโซนบริสุทธิ์ ซึ่งอยู่ในอันดับ 7 ของโลก ในงานท่องเที่ยว “ทุ่งทานตะวันบาน” จ.สระบุรี พร้อมซื้อหาผลิตภัณฑ์จากดอกทานตะวัน เป็นของฝาก เช่น น้ำดอกทานตะวัน เมล็ดทานตะวันคั่ว อบเกลือ อบน้ำผึ้ง ทองม้วนทานตะวัน และผลิตภัณฑ์ของฝากซึ่งเป็นสินค้าโอทอปขึ้นชื่อของ จ.สระบุรี อีกมากมาย
ทั้งนี้ทางจังหวัดได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกดอกทานตะวัน ในเขต 6 อำเภอ รวมพื้นที่กว่า 10,100 ไร่ ประกอบด้วย อ.แก่งคอย 1,200 ไร่ อ.มวกเหล็ก 800 ไร่ อ.วังม่วง 700 ไร่ อ.พระพุทธบาท 6,000 ไร่ อ.หนองโดน 1,250 ไร่ และ อ.เฉลิมพระเกียรติ 150 ไร่ โดย นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางมาเที่ยวได้ตลอดเวลา เลือกชมได้ในหลายๆ พื้นที่ เพราะแต่ละพื้นที่จะมีความงดงามแตกต่างกันออกไป การจัดงานเทศกาลทุ่งทานตะวันบานในพื้นที่อำเภอต่างๆ เริ่มจาก อ.แก่งคอย วันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.นี้ อ .หนองโดน วันที่ 15 ธ.ค. อ.พระพุทธบาท จัดวันที่ 20 ธ.ค. อ.มวกเหล็กจัดวันที่ 25 ธ.ค. และ อ.เฉลิมพระเกียรติจัดวันที่ 5 ม.ค.ปีหน้า
“ใครสะดวกมาท่องเที่ยวพื้นที่ไหนเลือกได้ตามความสะดวก อากาศเย็นสบายช่วงต้นฤดูหนาวแบบนี้ เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติเพื่อสูดโอโซนเป็นอย่างยิ่ง สายลมเย็นพัดฉิว แสงแดดอ่อนๆ และท้องฟ้าสดใส เหมาะแก่การชักภาพไว้เป็นเป็นที่ระลึก เพื่อเก็บความทรงจำเอาไว้ และสถานที่ที่เหมาะกับการมาสัมผัสธรรมชาติในช่วงนี้เป็นอย่างยิ่งคือ ทุ่งทานตะวันใน จ.ลพบุรี ซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหร่นัก”
สำหรับการเดินทางมาชมทุ่งทานตะวัน หากใครชื่นชอบการขับรถชมทุ่งทานตะวันกลางบรรยากาศเนินเขา ทุ่งหญ้า ฟาร์มม้า โคนม และไร่องุ่น ไปได้ในพื้นที่อ.มวกเหล็ก และวังม่วง เหมาะสำหรับท่องเที่ยวแบบครอบครัว ขับรถชมทิวทัศน์ ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดผ่านที่ราบเชิงเขาในสองอำเภอนี้ทานตะวันจะบานสะพรั่งสวยงามจนถึงเดือน ม.ค.2557 หรือจะชอบแนวแรลลี่ครอบครัว ชมความงามตามหุบเขา ต้องไปที่ ต.หินซ้อน อ.แก่งคอย ขณะนี้ทานตะวันเริ่มบานแล้วไปจนถึงปลายปี หากอยากสัมผัสบรรยากาศทุ่งทานตะวันสลับกับไร่ข้าวฟ่าง ชูงวงสีน้ำตาลเต็มทุ่งกว้างต้องไปที่ ต.บ้านกลับ อ.หนองโดน พื้นที่นี้ทานตะวันจะบานไปจนถึงปลายปี
แต่ถ้าใครจะดูทุ่งทานตะวันบนไร่กว้าง มีฉากหลังเป็นแนวทิวเขาสวยงาม ต้องไปดที่ ต.นายาง อ.พระพุทธบาท ปีนี้ทานตะวันบานตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ไปจนถึงปลายเดือน ธ.ค.นี้ หากใครมีเวลาไม่มากนักสามารถขับรถแวะชมทุ่งทานตะวัน พร้อมกับถ่ายรูปได้ริม ถ.สายพุแค-เพชรบูรณ์ อ.เฉลิมพระเกียรติ จะมีให้ชมตั้งแต่วันที่ 5-20 ม.ค.เช่นกัน
จ.สระบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 107 กม.สามารถเดินทางมา จ.สระบุรีได้อย่างสะดวกหลายวิธี ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และรถไฟ หากมารถยนต์จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่าน อ.วังน้อย อ.หนองแค พอถึงสี่แยกสะพานต่างระดับสระบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ตรงไปจนถึงตัวเมืองสระบุรี
ส่วนใครสะดวกมารถประจำทาง มีรถออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ หมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 หรือ www.transport.co.th ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com หรือถ้าอยากนั่งรถไฟสัมผัสธรรมชาติอีกบรรยากาศหนึ่ง มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพง ทุกวัน ทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ และ รถพิเศษชานเมือง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชม.เท่านั้น ยิ่งช่วงนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดโปรแกรมพิเศษ นำนักท่องเที่ยว ชมทุ่งทานตะวันบานทางรถไฟถึง 6 เที่ยวพิเศษช่วงวันหยุด ต้นทางสถานีหัวลำโพง ปลายทาง สถานีโคกสลุง ไปกลับภายในวันเดียวกัน
โดยเที่ยวปฐมฤกษ์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.เที่ยวที่ 2 วันที่ 15 ธ.ค.เที่ยวที่ 3 วันที่ 21 ธ.ค.เที่ยวที่ 4 วันที่ 22 ธ.ค.เที่ยวที่ 5 วันที่ 28 ธ.ค.และเที่ยวสุดท้ายวันที่ 29 ธ.ค.ทริปทางรถไฟนี้ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสายลมหนาวในท้องทุ่งทานตะวันเหลืองอร่าม และเก็บภาพแห่งความประทับใจกับการนั่งรถไฟลอยน้ำ ณ เขื่อนป่าสักฯ เพราะรถไฟเที่ยวพิเศษนี้จะจอดกลางทุ่งทานตะวันกลางเขื่อนป่าสักฯ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความมหัศจรรย์กลางทุ่งทานตะวัน และเขื่อนป่าสักฯ สำหรับค่าโดยสารถ้าเป็นรถนั่งพัดลม 280 บาท รถนั่งปรับอากาศ 490 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะเก็บเท่ากัน
สำหรับปีนี้ จุดท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ที่เส้นทางรถไฟผ่านจะมี 2 จุด ได้แก่ ต.หินซ้อน อ.แก่งคอย พื้นที่ 300 ไร่ ทานตะวันจะบานประมาณวันที่ 12-31 ธ.ค.และจุดที่ 2 ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย พื้นที่ 100 ไร่ ทานตะวันจะบานประมาณปีใหม่จนถึงกลางเดือน ม.ค.ปีหน้าโน่น ค่าเข้าชมเก็บเพียงคนละ 10 บาท โดยคิดรวมอยู่ในค่าโดยสารแล้วรวบรวมให้กับเกษตรกรนำไปเป็นทุนต่อไป
