หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตร เผยตำรวจกลับมากั้นแบริเออร์ กำหนดเขตพื้นที่ใช้แก๊สน้ำตาอีกครั้ง ตำหนิ “บิ๊กแจ๊ด” ไม่เห็นหัวพระ-เณร อนาถตำรวจตากเสื้อผ้า กางเกงในหน้ากุฏิผู้ช่วยเจ้าอาวาส
วันนี้ (28 พ.ย.) พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตร ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หลังจากที่ตนกลับจากการปฏิบัติศาสนกิจในภาคใต้กับเจ้าคณะภาค 17 ตนมาถึงหน้าวัดแล้ว แต่กลับเข้าวัดไม่ได้ ใช้เวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นแบริเออร์และรั้วลวดหนาม พร้อมป้ายข้อความ “เขตพื้นที่ใช้แก๊สน้ำตา ห้ามฝ่าฝืนกฎหมายเข้ามาโดยเด็ดขาด” ซึ่งเป็นปัญหาเดิมๆ ที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่เคยคิดจะแก้ไขให้กับทางวัด
พระมหาอภิชาติ กล่าวว่า ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลประะกาศให้พื้นที่หน้าวัดเบญจมบพิตร ซึ่งเป็นวัดประจำพระราชวังดุสิต และเป็นโบราณสถานของชาติไทย เป็นเขตพื้นที่ใช้แก๊สน้ำตา ห้ามฝ่าฝืนบุกรุกเข้ามาเด็ดขาด ซึ่งเห็นว่าพระภิกษุและสามเณร 80 รูปที่อยู่ในวัด คงไม่อยู่ในสายตาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเวลานี้พระวัดเบญจมบพิตรส่วนมากแขวนบาตรแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยปราบจลาจลบางคน นำเสื้อเครื่องแบบชุดตำรวจปราบจลาจลสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้น ผ้าขาวม้า และกางเกงชั้นในชายตากอยู่ริมรั้วของเจ้าคุณผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร ซึ่งเห็นว่า ตนสงสารที่พวกเขาต้องมาลำบาก แต่เขาทำไม่ถูก ภาพมันฟ้องอยู่แล้วว่าพวกเขาทำอะไรไว้ในวัด ตนถามว่าการทำแบบนี้สร้างความลำบากใจให้พระเณรมากแค่ไหน
ก่อนหน้านี้ พระมหาอภิชาติ เคยร้องเรียนว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแท่นแบริเออร์และลวดหนามมาปิดกั้นทางเข้าออกวัด ในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทำให้พระและสามเณรอยู่แบบอดอยากมาเป็นเดือน เนื่องจากไม่มีประชาชนเข้ามาทำบุญตักบาตร และพระสงฆ์ในวัดก็ไม่สามารถออกไปบิณฑบาตได้ สุดท้ายพระเณรต้องทำอาหารฉันกันเอง นอกจากนี้ตำรวจได้เข้ามาอาศัยวัดเป็นที่กินนอน ซ้ำยังทิ้งเศษขยะให้พระและสามเณรต้องตามเก็บเอาไปทิ้ง และยังใช้สถานที่ของวัดฝึกปราบจลาจล
ภายหลังตำรวจได้นำแท่นแบริเออร์และลวดหนามออกไประยะหนึ่ง ก่อนจะกลับมาติดตั้งใหม่อีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับมีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายนำถุงดำครอบกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกวัดเบญจฯ อีกด้วย