ด่านช่องจอมเงียบเหงา ชาวบ้านไทย-เขมร รอฟังศาลโลกตัดสินคดีพระวิหาร คนงานกัมพูชาบางส่วนเดินทางกลับประเทศ เหลือแรงงานเกี่ยวข้าวที่เดินทางเข้ามา ด้านรองผู้ว่าฯ สุรินทร์ ยืนยันประชาชนสองฝั่งใช้ชีวิตปกติ วอนอย่าเชื่อข่าวลือ
เช้าวันนี้ (11 พ.ย.) บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ ก่อนศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร มีชาวเขมรบางส่วนที่เข้ามาทำงานในไทยทยอยเดินทางกลับเข้าประเทศ ขณะเดียวกันก็มีชาวเขมรที่เข้ามารับจ้างเกี่ยวข้าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยมีนายจ้างที่เป็นคนไทยมารับที่หน้าด่าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านได้ทำการตรวจตราอย่างเข้มงวด ส่วนประชาชนทั่วไปทั้งฝั่งไทย-เขมร ยังใช้ชีวิตตามปกติ
ด้านนายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า บรรยากาศก่อนฟังคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม มีนักท่องเที่ยวน้อยลง ไม่คึกคักเท่าที่ควร พ่อค้าแม่ค้าทั้งชาวไทยและกัมพูชา ยังคงมีการเปิดร้านค้าตามปกติ ชาวบ้านชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ และฝั่ง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ต่างภาวนาลุ้นคดีปราสาทพระวิหารให้เสมอกันทั้ง 2 ประเทศ การค้าขายและชีวิตคนชายแดนจะได้กลับสู่ภาวะปกติ
ส่วนที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ มีพื้นที่ 4 ตำบล 55 หมู่บ้าน มี 2 ตำบลคือ ตำบลตาเมียง และตำบลบักได รวม 32 หมู่บ้าน ที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกหมู่บ้านตามแนวเขตชายแดนได้ตรวจเช็กความพร้อมของหอกระจายข่าว หลุมหลบภัย และรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ ย้ำว่า อย่าได้เชื่อข่าวลือ เพราะอาจจะทำให้ตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุได้ ซึ่งการใช้ชีวิตของชาวบ้านในขณะนี้ยังคงเป็นปกติ
สำหรับจังหวัดสุรินทร์ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจังหวัดสุรินทร์ เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ได้แก่ บุคลากร เงินงบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ ยานพาหนะ การบริหารจัดการ ระบบสื่อสาร และซักซ้อมแนวทางปฏิบัติภายในหน่วยงาน
ทั้งนี้ สามารถสนับสนุนแก่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจังหวัดสุรินทร์ได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ หรือได้รับการร้องขอตลอด 24 ชั่วโมง
