จากเหตุการณ์คนร้ายกระทำการอุกอาจยิงใส่รถข่าว และอาคารสำนักงานของASTVผู้จัดการ เมื่อช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ ที่ผ่านมา โดยหมายข่มขู่คุกคามการทำงานของเรา เราขอบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุในลักษณะนี้ เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้ง ASTVผู้จัดการ ผ่านมาถึงวันนี้ เราก็เผชิญการข่มขู่คุกคามมาโดยตลอด
คลิกที่นี่ เสียงแถลงการณ์ โดย "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์"
ผู้ที่ข่มขู่คุกคามเรา มีมาในทุกรูปแบบ ทั้งจากนักเลงกเฬวรากไปจนถึงอำนาจรัฐ แต่เราก็หาหวาดหวั่นสั่นกลัวไม่ นั่นเพราะเรายึดมั่นในจิตวิญญาณของการทำสื่ออย่าง ASTVผู้จัดการ ตามปฏิธานของ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งที่ขอทำหน้าที่สื่อรายงานความจริงด้วยความกล้าหาญ โดยไม่หวั่นไหวต่อภยันอันตรายใดๆ
ย้อนหลังไปในสมัยที่ผู้จัดการเพิ่งก่อตั้ง ขณะที่อิทธิพลบารมีของเจ้าพ่ออย่าง แคล้ว ธนิกุล ใหญ่คับฟ้า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นสื่อเดียวที่กล้านำเสนอเปิดโปงขบวนการอิทธิพลอำนาจเถื่อนของเจ้าพ่อรายนี้ จนส่งผลกระทบกระเทือนต่อเขาอย่างมาก สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกแคล้วสั่งให้เข้าพบ เพื่อหวังยุติการนำเสนอข่าว แต่เมื่อสนธิปฏิเสธ ก็เลยทำให้เขาถูกข่มขู่คุกคามหมายเอาชีวิตในเวลาต่อมา
ปี 2535 ช่วง “พฤษภาทมิฬ” เกิดเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง ทหารยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็เป็นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ที่กล้าต่อสู้เหล่าเผด็จการ นำเสนอความจริงยืนหยัดกับประชาชนที่ถูกปิดหูปิดตา
ข่าวของผู้จัดการไปกระทบกับผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะกลุ่มนายทหาร จปร.5 จึงได้ส่งทหารในสังกัด ปตอ.บุกสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จะจับตัว สนธิ พร้อมทั้งหาทางปิดหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ทว่า เราก็ยืนหยัดอยู่ได้
เวลาผ่านไป การนำเสนอข่าวของผู้จัดการยังคงเป็นเหมือนเดิม ในอีกหลายปีต่อมา เมื่อเกิดวิฤตเศรษฐกิจ เราได้เปิดโปงทุนสามานย์ธุรกิจน้ำเมา ที่ไม่เคยมีใครกล้าแตะ อิทธิพลของกลุ่มทุนนี้ได้แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ ปรากฏว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนบุกสำนักงานผู้จัดการ ทำร้าย รปภ.ใช้ก้อนหินและอุจจาระปาใส่สำนักงานได้รับความเสียหาย
จนมาถึงปี 2548 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน เมื่อเราได้เข้าร่วมกับประชาชน มวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้กับรัฐบาลทักษิณ ทั้งเรื่องเปิดโปงเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน การรวบอำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อน เรา ASTVผู้จัดการ ถูกข่มขูคุกคามต่างๆ นานา
สำนักงานของเราถูกปาระเบิด ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามหนัก ถูกยิงด้วย M79 กล่าวได้ว่า เป็นสื่อเดียวในประเทศไทยที่ถูกอาวุธสงครามยิงถล่มหนักที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว!
แต่...เราก็ไม่ได้หวั่นไหว ตรงกันข้ามทำให้เข้มแข็ง ทำหน้าที่ของเราต่อไปโดยไม่ย่อท้อ ไม่เพียงถูกอาวุธข่มขู่คุกคาม เรายังถูกบุคคลอย่าง พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับ ทักษิณ ชินวัตร อาศัยความเป็นนายทหารผู้ใหญ่ขณะนั้น บุกสำนักงานยื่นหนังสือยัดเยียดข้อกล่าวหา สนธิ ลิ้มทองกุล ดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
ตามด้วยการส่งนักเลงชั้นสวะ อย่าง เป๋ คลองเตย, ดา ตอร์ปิโด นำม็อบหลายร้อยคนมาปิดสำนักงาน ASTVผู้จัดการ กล่าวหาเราในท่วงทำนองเดียวกัน
แต่..เวลาที่ผ่านมา มาถึง ณ วันนี้ นับว่าได้พิสูจน์ให้สังคมได้ประจักษ์ ว่า คนเหล่านี้เป็นอย่างไร และทำให้สังคมรู้ว่า หากเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แล้ว ASTVผู้จัดการ ก็พร้อมเสมอ การข่มขู่คุกคามเราแต่ละรูปแบบนั้นไม่นับเป็นอย่างไร
ประการสำคัญ สำหรับข้อพิสูจน์นี้ คือ การที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามกว่า 200 นัด กลางกรุงเทพฯ ขณะนั่งรถมาทำงานในเช้าวันที่ 17 เม.ย.2551 แต่ปรากฏว่า ปาฏิหาริย์มีจริง สนธิไม่ตาย
กระสุน 200 นัด ตั้งใจจะฆ่า สนธิ ตั้งใจจะหยุด ASTVผู้จัดการ แต่ผลลัพธ์ก็หาได้หยุดเราได้!
จากเหตุการณ์นี้ ยิ่งทำให้เราตระหนักว่า เมื่อเรายืนอยู่บนความกล้าในการนำเสนอความจริง คนที่มีแต่ความเท็จ คนที่ไม่จริงก็จะทนไม่ไหว จะต้องทำทุกอย่างให้เรากลัวและเข็ดขยาดที่จะทำหน้าที่
เราขอบอกว่า การข่มขู่คุกคามไม่เพียงทำอะไรเราไม่ได้ เรายังจะเดินหน้าต่อ ทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์แบบตามที่ควรจะทำ
ฉันใดก็ฉันนั้น ต้นปีนี้มานี้ ทหารกลุ่มหนึ่งที่เชลียร์นาย อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไม่ลืมหูลืมตา จัดม็อบทหารมาข่มขู่เราที่หน้าสำนักงาน ตามมาด้วยเหตุการณ์คนร้ายบุกยิงรถข่าว ASTVผู้จัดการ อย่างใจเย็น เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว
ในทางคดี เราไม่ได้คาดหวังว่าตำรวจภายใต้การนำของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้ซึ่งสนิทสนมกับท่านรองนายกฯ เฉลิม อยู่บำรุง จะจับคนร้ายมาลงโทษได้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า คดีนี้ก็จะเป็นเช่นเดียวกับคดีก่อนๆ ที่ผ่านมาคือ หายไปกับสายลม
เราเพียงอยากจะบอกว่า เราเป็นสื่อที่มีจิตวิญญาณแบบนี้ มีโจทก์เยอะ เป็นศัตรูกับพวกชั่วๆ ก็มาก หากจะส่งคนมาข่มขู่คุกคามเรา เราจะไม่ปริปากร้องขออะไร เราแค่อยากจะขอให้คนเหล่านั้นไม่ต้องบอกว่า รับใช้ใครมา ใครจ้างวานมา ทำอะไร อย่างไร แต่ขอให้ทิ้งนามบัตรไว้บ้าง บอกเราว่า ข่มขู่คุกคามเราเรื่องอะไร เพื่อที่เราจะได้ไม่เข้าใจผิด ป้ายสีคนผิดไป
สุดท้าย เราขอย้ำว่า การข่มขู่คุกคามในทุกรูปแบบ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่เราเผชิญมา บ่งบอกตัวตนของ ASTVผู้จัดการ ได้อย่างชัดเจนว่าเราไม่ได้หวั่นไหว ไม่เคยหวาดกลัว
พวกเรา ASTVผู้จัดการ ไม่ใช่ขี้ข้าใคร ไม่ได้มีวันนี้เพราะพี่ให้ หรือใครให้ แต่เราเป็นสื่อของประชาชน