ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันนี้ (18 ต.ค.) พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ตำบลทาเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ร้องเรียน นายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย นักสักยันต์ชื่อดัง ในฐานะอดีตประธานจัดสร้างวัตถุมงคลของวัดแม่ตะไคร้ เพื่อนำรายได้ไปก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด และพระพุทธรูปจำลองหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ประทานพร ขนาดสูง 19 เมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าโครงการประมาณ 50 ล้านบาท อ้างดำเนินการไม่โปร่งใส เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปี 2551 ทางวัดแม่ตะไคร้ มีโครงการจัดสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด และพระพุทธรูปหลวงปู่ทวดเนื้อทองเหลืองใหญ่ที่สุดในประเทศ น้ำหนักประมาณ 18 ตัน พร้อมจัดสร้างเหรียญ 5 แถว-ฉัตรเพชร เหรียญดวงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร และวัตถุมงคลออกให้ประชาชนเช่าบูชา จำนวน 84,000 เหรียญ ในช่วงแรก ราคาเหรียญละ 1,000-1,500 บาท โดยมี นายสมพงษ์ กันภัย หรือ อ.หนู กันภัย เจ้าของสำนักยันต์ใน จ.ปทุมธานี เป็นประธานจัดสร้างผู้ดำเนินการนำเหรียญวัตถุมงคลของวัดแม่ตะไคร้ ออกประชาสัมพันธ์ให้กับที่สนใจผ่านรายการในสถานีเคเบิลทีวีของ นายภุชงค์ สริธัญผล โดยพูดผ่านรายการว่าจะนำรายได้ทั้งหมดนำมาสร้างหลวงปู่ทวดองค์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดที่วัดแม่ตะไคร้
เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการก่อสร้างองค์หลวงปู่ทวด มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ร่วมกันบริจาคเงินบูชาวัตถุมงคล ทั้งในรายงานเคเบิลทีวีและที่สำนักสักยันต์ อ.หนู กันภัย โดย นายสมพงษ์ หรือ อ.หนู จะเป็นผู้ถือเงินที่ได้จากการจัดสร้างวัตถุบูชาแต่เพียงผู้เดียว ทางวัดแม่ตะไคร้ไม่มีโอกาสรับรู้เกี่ยวกับรายได้ในการจัดสร้างวัตถุมงคล ที่ผ่านมา นายสมพงษ์ ได้นำเงินมอบให้วัดเพียง 15 ล้านบาท จึงสร้างได้เพียงฐานพระ 50 เปอร์เซ็นต์ และทำให้การก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวด ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ เชื่อว่า เงินรายได้จากศรัทธาสาธุชนที่ร่วมกันบริจาคเช่าวัตถุมลคลนั้นมีจำนวนมากกว่า 300-400 ล้านบาท เมื่อวัดทวงถามไปยังนายสมพงษ์ กลับบอกว่าไม่มีเงินแล้ว เรื่องนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหนังสือแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ตรวจสอบ ก่อนมายื่นให้ดีเอสไอสอบสวนเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้มอบให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบการพิจารณาต่อไป