น้องชาย “อ.หนู กันภัย” แจ้งความกลับดำเนินคดีเจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ โพสต์ข้อความลงเว็บทำให้เสียชื่อเสียง ยันมีหลักฐานการจ่ายเงินชัดเจน ชี้มีภาพถ่ายการรับมอบเงินบริจาคเพื่อนำซื้อที่ดิน 1 ล้านบาท
วันนี้ (1 พ.ย.) เวลา 13.00 น. นายสมฤกษ์ กันภัย หรืออาจารย์นิด น้องชายอาจารย์หนู กันภัย อายุ 47 ปี พร้อมด้วยนายธนาพนธ์ ชูชยานนท์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.โอสถ ผ่าโผน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โคกคราม เพื่อดำเนินคดีต่อพระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ได้รับความเสียหาย ทำให้ดูหมิ่นเกลียดชัง โดยทนายความของ อ.นิด นำเอกสารซึ่งเป็นหลังฐานที่พระใบฎีกาเทียนชัยได้เขียนข้อความหมิ่นประมาท อ.นิด ในหน้ากระดานเว็บไซต์ พลังจิตดอตคอม (http://board.palungjot.com) เมื่อเวลา 16.03 น.วันที่ 28 ก.ค ที่ผ่านมา
นายสมฤกษ์เปิดเผยว่า ตนได้เข้ามาพร้อมทนายเพื่อแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาท และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ปี 2550 และได้นำหลักฐานเข้ามาชี้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ และตนจะดำเนินคดีต่อพระใบฎีกาเทียนชัยให้ถึงที่สุด เนื่องจากทำให้ชื่อเสียงของสำนักสักได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงได้รีบเข้าแจ้งความเพื่อปกป้องสำนักของตนและอาจารย์หนู นอกจากนี้ นายสมฤกษ์ยังได้นำหลักฐานมาชี้แจงในเรื่องของการจัดสร้างหลวงปู่ทวด โดยตนได้นำหลักฐานการจ่ายเงินจากโรงหล่อพระเป็นจำนวนเงิน 18.5 ล้านบาท ซึ่งอาจารย์หนูเป็นผู้จัดการทั้งหมด ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่ได้บริจาคให้วัดนั้น ทุกครั้งจะมีใบอนุโมทนาบัตรจากวัดแม่ตะไคร้ทุกครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 70 ล้านบาท ในส่วนของเรื่องที่อาจารย์หนูถูกหมิ่นประมาทจากพระใบฎีกาเทียนชัย ทางอาจารย์หนูได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่แล้วเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่พระเทียนชัยอ้างว่าไม่เคยได้รับเงินบริจาคของสำนักสักยันต์ ตนมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่าพระเทียนชัยได้เคยมารับเงินบริจาคจำนวน 1 ล้านบาทที่สำนักสักยันต์จริง เพื่อซื้อที่ดินถวายวัด
ด้าน ร.ต.อ.โอสถกล่าวว่า เบื้องต้นจะทำการตรวจสอบเอกสารต่างๆ เพื่อดูข้อเท็จจริงว่าเป็นการหมิ่นประมาทตามข้อกล่าวหาหรือไม่ พร้อมทั้งจะเรียก อ.หนู กันภัย มาสอบปากคำเพิ่มเติมในกรณีเงินบริจาคว่ามีการบริจาคจริงหรือไม่ มีข้อตกลงและมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างไร พร้อมจะประสานไปทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อขอข้อมูลในเรื่องดังกล่าวมาประกอบในการพิจารณา ก่อนที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป