สำนักพระราชวัง จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ เรียบง่ายแต่สมพระเกียรติ 7 วัน 7 คืน 3-9 ธ.ค.นี้ เผย “ในหลวง” ออกมหาสมาคม 5 ธ.ค.นี้ ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เตรียมตั้งจอทีวีทุกจุดที่เสด็จฯผ่านให้ประชาชนชื่นชมพระบารมี พร้อมชมการแสดงแสง เสียง สื่อผสม “84 ปีแห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์” และเปิดพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ให้ ปชช.เข้าชมความสวยงามยามค่ำคืน
วันนี้ (29 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.54 ว่า เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยและคนไทยกว่า 6 ล้านคน ต้องประสบกับมหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่รัฐบาลจึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติอย่างเรียบง่าย หากแต่สมพระเกียรติ ซึ่งกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3-9 ธ.ค.54 ศกนี้ โดยในวันที่ 5 ธ.ค.เวลา 10.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท แต่พระราชพิธีจริงนั้นจะเริ่มมีตั้งแต่เวลา 07.30 น.โดยเจ้าพนักงานจะทำพิธีอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ผ่านกระทรวงกลาโหม และตัดเข้าประตูวิเศษไชยศรี เพื่ออัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จากนั้นเวลา 10.00 น.ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จำนวน 480 นาย จะเคลื่อนขบวนจากกระทรวงกลาโหม มายังบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อมากล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ พร้อมด้วยแขกของรัฐบาลอีกจำนวน 5,000 คน
“ในวันนั้น ณ หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จะมีแขกของรัฐบาลจำนวน 5,000 คน และทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์อีกจำนวน 480 นาย และในส่วนของบริเวณสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง ได้จัดไว้ให้แขกของกรุงเทพฯอีก 5,000 คน สำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ตลอดสองข้างทางที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินผ่าน โดยปีนี้เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ทางรัฐบาลได้จัดเตรียมจอทีวีทุกจุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ผ่านตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช จนถึงประตูวิเศษไชยศรี ยกเว้นบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า ที่ไม่ได้มีการติดตั้งจอทีวี”
ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษฯ ยังกล่าวต่อว่า ระหว่างวันที่ 3-9 ธ.ค. ประชาชนทุกคนจะมีโอกาสได้ชม การแสดงแสง เสียง และสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษา มหาราชา” ฟรีทุกวัน ณ เวทีใหญ่ท้องสนามหลวง ฝั่งพระบรมมหาราชวัง ซึ่งจะจัดแสดงวันละ 1 รอบ ความยาว 90 นาที อันเป็นการแสดงที่ใช้นักแสดงกว่า 150 ชีวิต บนเวทีขนาด 60 เมตร โดยมีนักแสดงและนักร้องผู้มีชื่อเสียงมาร่วมแสดงด้วย อาทิ จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ ผู้รับบท “จิตตสยาม” และในวันที่ 3, 4, 5, 8 และ 9 ธ.ค. พ.ท.วันชนะ สวัสดี และ น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ จะมาร่วมแสดงสดด้วย โดยมี ครูอ้วน-มณีนุช เสมรสุต เป็นนักร้องรับเชิญขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในทุกรอบ
อีกหนึ่งกิจกรรมพิเศษที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย คือ ทุกวันจะมีการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปีแห่งความเรืองรองของกรุงรัตนโกสินทร์” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการใช้เทคนิค 3D ณ Illusion Live Wall เพราะไม่เพียงแต่เป็นการนำเทคนิคสมัยใหม่มาใช้เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการแสดง ตลอดแนวกำแพงพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรกอีกด้วย บนความยาว 200 เมตร เริ่มตั้งแต่ถนนหน้าพระลาน ช่วงต้นถนนด้านหน้าศาลหลักเมือง ไปจนถึงประตูวิเศษไชยศรี โดยนำเสนอเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์แผ่นดินทองใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาราแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความงดงามทางศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งนี้ ในส่วนที่นำเสนอเกี่ยวกับจิตรกรรมฝาพนังเรื่อง “รามเกียรติ์” ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น จะมีการแสดงโขนประกอบบริเวณด้านหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวังประกอบด้วย ซึ่งภาพยนตร์ชุดนี้มีความยาว 20 นาที โดยจัดฉายต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 19.00-22.00 น.
นอกจากนี้ นายรัตนาวุธ ยังอธิบายเสริมอีกว่า นับเป็นครั้งแรกที่สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมและถ่ายภาพอันงดงามของพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางคืนเป็นกรณีพิเศษ จากประตูวิเศษไชยศรี ถึงบริเวณด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท หรือเขตพระราชฐานชั้นกลางในวันที่ 5-9 ธ.ค.ตั้งแต่เวลา 19.00-24.00 น.
“การเปิดให้เข้าชมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท อันเป็นเขตพระราชฐานชั้นกลางนั้น ไม่บ่อยครั้งนักที่ประชาชนทั่วไปจะได้เข้าชมในยามค่ำคืน เพราะโดยทั่วไปการเปิดให้เข้าชมพระที่นั่งจักรีในช่วงค่ำนั้นจะเปิดให้ชมเฉพาะพระราชอาคันตุกะเท่านั้น แต่ครั้งนี้เนื่องจากเป็นพระราชพิธีมหามงคลคนไทยทั้งประเทศจะได้มีโอกาสได้ชื่นชมความงดงามนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน” นายรัตนาวุธ สรุปทิ้งท้าย