ศปภ.เผยน้ำเหนือลดลงต่อเนื่อง เล็งลดปริมาณน้ำไหลผ่านเจ้าพระยา แก้น้ำขังฝั่งตะวันออกของ กทม. พร้อมเร่งสำรวจอุดรอยรั่วคันกั้นน้ำให้เสร็จก่อนน้ำทะเลหนุนอีกรอบหลังวันที่ 15 พ.ย. มั่นใจสามารถรับมือได้ดีกว่าครั้งนี้ โวระบายน้ำฝั่งตะวันตกได้ผลดีจะยึดแนวทางเดิมต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ” แถลงการณ์
วันนี้ 31 ต.ค. พล.อ.พลางกูร กล้าหาญ ที่ปรึกษากองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ. แถลงสถานการณ์น้ำในภาพรวมว่า ปริมาณน้ำจากตอนเหนือของประเทศที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากนี้ไปกรมชลประทานจะใช้วิธีหน่วงน้ำ และลดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านประตูน้ำเขื่อนเจ้าพระยา และประตูน้ำอื่นในแนวใกล้เคียงลงร้อยละ 10 ของปริมาณน้ำปกติ เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน ซึ่งจะทำให้น้ำจากตอนเหนือลดจำนวนลงพอสมควร ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดปริมาณน้ำที่ท่วมขังจากตะวันออกของกทม. พื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ลุ่มแม่น้ำท่าจีน ในระหว่างที่ระดับน้ำทะเลลดต่ำลง ระหว่างวันที่ 3-15 พ.ย. และระหว่างนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเริ่มสำรวจรอยรั่วต่างๆ คันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เพื่ออุดรอยรั่วให้ทันก่อนน้ำทะเลหนุนในรอบต่อไป เชื่อว่าหลังวันที่ 15 พ.ย. ศปภ.จะสามารถรับมือสถานการณ์ในช่วงน้ำทะเลหนุนได้ดีกว่าครั้งนี้
ส่วนการระบายน้ำฝั่งตะวันออกของ กทม.ถือเป็นผลดี ดังนั้น ศปภ.จะยึดแนวทางเดิม โดยเร่งสูบน้ำตามคูคลองต่างๆ เพื่อเร่งระบายน้ำในทุ่งเข้าสู่คลองแสนแสบ เพื่อป้อนน้ำเข้าสู่ระบบการสูบน้ำของกทม. ให้เต็มศักยภาพ จุดสำคัญอีกทางหนึ่งคือ บริเวณเมืองเอกรังสิต พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายงานว่า ตอนนี้ได้ใช้กระสอบทรายขนาดใหญ่ ขนาด 3x3 ฟุต จำนวน 3 พันลูก มาสร้างแนวกั้นน้ำใหม่ระยะทางยาว 3.5 กิโลเมตร ตั้งแต่ปากคลองเปรมประชากรฝั่งใต้ จนถึงบริเวณหลักหก ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 3 พ.ย.ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำใน ถ.วิภาวดีรังสิต และ ถ.พหลโยธิน ลดระดับลงและป้องกันไม่ให้น้ำเสียจากเมืองเอกไหลเข้าสู่คลองประปา