“ศชอ.” เตือน 3 จ. ยังต้องเฝ้าระวัง “นครศรีฯ-พัทลุง-สุราษฎร์” ชี้ “อ.พุนพิน” ยังน่าเป็นห่วง เพราะเป็นจุดรับน้ำ เผย “กองทัพ-บก-เรือ” ร่วมแรงร่วมใจให้การช่วยเหลือเต็มที่ ขณะที่เส้นทางคมนาคมชำรุด 80 จุด ต้องใช้เวลาปรับปรุง 4-5 วัน
วันนี้(4 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทเยนทร์ มุตตามระ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย( ศชอ.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมใต้พัดปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นบางแห่ง และในช่วงวันที่ 5-7 เม.ย. 54 จะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนลงมาปกคลุมภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร มีฝนฟ้าและลมกระโชกแรงเพิ่มขึ้นในระยะนี้
นายวิทเยนทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีพื้นที่เฝ้าระวัง 3 จังหวัด คือจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และสุราษฎร์ธานีโดยสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ถึงปัจจุบัน 100 อำเภอ 646 ตำบล 5,229 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 581,085 ครัวเรือน 2,009,134 คน ยอดผู้อพยพทั้งหมด 40,981 คน ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช 1,530 คน สุราษฎร์ธานี 35,651 คน กระบี่ 3,800 คน เสียชีวิต 45 ราย นครศรีธรรมราช 19 ราย สุราษฎร์ธานี 10 ราย พัทลุง 2 ราย กระบี่ 9 ราย ชุมพร 2 ราย ตรัง 2 ราย และพังงา 1 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 24 หลัง บางส่วน 2,608 หลัง สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายเบื้องต้น ถนน 3,133 สาย ท่อระบายน้ำ 321 แห่ง ฝาย 52 แห่ง สะพาน/คอสะพาน 295 แห่ง วัด/โรงเรียน 340 แห่ง สถานที่ราชการ 76 แห่ง ลุ่มน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี อ.พระแสง ล้นตลิ่ง 1.2 เมตร อ.พุนพิน น้ำล้นตลิ่ง 1.7 เมตร ประปาหยุดให้บริการ 4 วันแล้ว เนื่องจากน้ำท่วมโรงสูบน้ำ จ.นครศรีธรรมราช อ.ชะอวด น้ำล้นตลิ่ง 0.50 เมตร แม่น้ำตรัง บ้านป่าหมาก อ.เมือง น้ำล้นตลิ่ง 1.0 เมตร
นายวิทเยนทร์ กล่าวอีกว่า ทางด้านความเสียหายด้านการเกษตร ข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านพืช เกษตรกร 176,518 ราย พื้นที่การเกษตรประสบภัย 1,049,634 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 311,383 ไร่ พืชไร่ 53,577 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 684,674 ไร่ สำหรับยางพารา ประมาณการพื้นที่ คาดว่าจะเสียหายจากดินโคลนถล่มไม่เกิน 50,000 ไร่ เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ คาดว่าจะยาวนาน จึงไม่ทำให้ต้นยางพาราที่มีอายุมากเสียหาย ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 89,217 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 4,360,518 ตัว แบ่งเป็น โค-กระบือ 181,415 ตัว สุกร แพะ แกะ 665,643 ตัว สัตว์ปีก 3,513,460 ตัว แปลงหญ้า 5,304 ไร่ และสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 498,100 กิโลกรัม และดูแลสุขภาพสัตว์ 1,130,113 ตัว แร่ธาตุและเวชภัณฑ์ 1,200 ก้อน ด้านประมง เกษตรกร 22,909 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์ประสบภัย 36,265 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 58,168 ไร่ และ 7,421 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 107,842 ตารางเมตร เรือประมงประสบภัย 62 ลำ
นายวิทเยนทร์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์อ่างเก็บน้ำ ขณะนี้มีน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ 10 แห่ง ได้แก่ ห้วยน้ำใส คลองกระทูน คลองดินแดง เสม็ดจวน จ.นครศรีธรรมราช ป่าพะยอม ป่าบอน จ.พัทลุง และคลองท่างิ้ว จ.ตรัง บางกำปรัด คลองหยา ห้วยลึก จ.กระบี่ โดยสถานการณ์คลี่คลายอยู่ระหว่างการฟื้นฟูมี 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพังงา นราธิวาส และจังหวัดสตูล ด้านการคมนาคม ทางหลวงแผ่นดิน มีน้ำท่วม 42 สาย จำนวนรวม 47 แห่ง ผ่านไม่ได้ 31 แห่งสนามบินปิดให้บริการ 1 แห่ง คือสนามบินนครศรีธรรมราช รถไฟสายใต้ให้บริการได้ถึงสถานีรถไฟไชยา จำนวน 2 ขบวน (ขบวนที่ 39, 43)และรถไฟสายนครศรีฯ-สุไหงโกลก เปิดให้บริการได้ บริษัทขนส่ง (บขส.) ให้บริการเป็นปกติ เว้นแต่จังหวัดที่สถานีขนส่งถูกน้ำท่วม จะจัดจุดรับ-ส่ง ณ ที่ที่เหมาะสม เรือเฟอร์รี่ จ.สุราษฎร์ธานี และเรือเร็วลมพญา ชุมพร-เกาะเต่า สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว ถนน ขนอม-กระบี่ สาย 44 กม. 85 สะพานขาด ให้ใช้เส้นทางเบี่ยงสะพานคู่ขนานขาเข้าสุราษฎร์แทน ถนนสาย 41 บริเวณสี่แยก Co–op.–หน้าสนามบินสุราษฎร์ธานี น้ำท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านได้
นายวิทเยนทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการช่วยเหลือจากรายงานของกองทัพไทย กองทัพบก ได้จัดเครื่องบินออกช่วยเหลือ 10 ลำ ได้แก่ Blackhawk 1 ลำ, 212 2 ลำ, เฮลิคอปเตอร์ทั่วไป 5 ลำและชีนุก 2 ลำ ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมถึงถุงยังชีพ สุขาเคลื่อนที่ และเต็นท์ กองทัพเรือ จัดเรือรบหลวงนราธิวาสสนับสนุนการลำเลียงถุงยังชีพจำนวน 4,000 ถุงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ อ.ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพอากาศ จัดรถยูนิม๊อค 5 คันจาก ขส.ทอ. พร้อมบรรทุกอาหารแช่งแข็งของมูลนิธิเพื่อนพึ่งพาประมาณ 5 ตันไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจัดลำเลียงถุงยังชีพ 3,000 ถุง สุขาเคลื่อนที่ 10 ตู้และเต็นท์ผ้าใบ 3 หลังพร้อมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายวิทเยนทร์ กล่าวอีกว่า ด้านรายงานจากกระทรวงคมนาคม ถนนสายหลักส่วนใหญ่สถานการณ์คลี่คลาย ส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้ ยกเว้นที่ อ.พุนพิน - อ.เมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งยังประสบปัญหาอยู่ การเดินทางโดยรถไฟให้บริการถึงสถานีไชยา เนื่องจากเส้นทางขาดจากอำเภอไชยา ถึงสถานีชุมทาง เขาชุมทอง (นครศรีธรรมราช) มีจุดชำรุด 80 จุด คาดใช้เวลาในการซ่อมแซม 4-5 วัน หลังน้ำลด จึงจะเปิดให้บริการได้ตามปกติ สนามบินที่จังหวัดนครศรีธรรมราช คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันพรุ่งนี้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางด้านการบิน ด้านกรมทรัพยากรน้ำ แจ้งว่าขณะนี้สถานการณ์เฝ้าระวังปัญหาดินโคลนถล่มเริ่มคลี่คลาย แต่ยังเตือนประชาชนอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่ลาดเชิงเขา ให้ไม่ประมาทและเฝ้าระวัง คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติใน 3-5 วัน หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม ยกเว้นที่ อ.พุนพิน ที่เป็นจุดรับน้ำลงมาจากพื้นที่ต่างๆ คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นใน 5-7 วัน