“หลวงตามหาบัว” แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ละสังขารแล้วเมื่อเวลา 03.53 น. สิริรวมอายุ 98 ปี หลังอาพาธด้วยอาการปอดติดเชื้อมาเป็นเวลานาน
วันนี้ (30 ม.ค.) เมื่อเวลา 04.30 น.ที่ผ่านมา คณะแพทย์และคณะศิษยานุศิษย์ของพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งว่า หลวงตามหาบัวได้ละสังขารแล้วเมื่อเวลาประมาณ 03.53 น.ที่ผ่านมา หลังอาพาธต่อเนื่องด้วยอาการปอดติดเชื้อ สิริรวมอายุ 98 ปี โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้
ทั้งนี้ หลวงตามหาบัวเข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลศิริราช มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามคำนิมนต์ของคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ให้การรักษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเดินทางกลับมาพักรักษาตัวที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 3 มกราคม
สำหรับหลวงตามหาบัว กำเนิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2456 เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 16 คน ของนายทองดี และนางแพง โลหิตดี ชาวนาในจังหวัดมหาสารคาม ที่อพยพมาลงหลักปักฐานอยู่ที่บ้านตาด จ.อุดรธานี จากนั้นเมื่ออายุ 20 ปี ได้บวชให้พ่อแม่ตามประเพณี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ที่วัดโยธานิมิตร จ.อุดรธานี กระทั่งได้ค้นพบหลักธรรม และเรียนรู้ ปฏิบัติเรื่อยมา โดยไม่เคยลาสิกขาออกมาทางโลกอีกเลย
นอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติธรรมแล้ว หลวงตามหาบัวยังเป็นพระนักสงเคราะห์ ในการบริจาคทุนทรัพย์ช่วยเหลือแก่หน่วยงานราชการต่างๆ มาโดยตลอด เช่น การช่วยเหลือบริจาคอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ก่อสร้างโรงพยาบาล สถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศ คือประเทศ สปป.ลาว
ความเมตตาสงเคราะห์โลกของหลวงตาบัว มิใช่ว่าจะสิ้นสุดเพียงที่กล่าวมา ท่านยังให้ความเมตตาเผื่อแผ่ไปช่วยเหลือหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมาย เช่น กก.ตชด.24 อุดรธานี สถานีรถไฟอุดรธานี ตำรวจทางหลวง ตำรวจภูธร รพช. เรือนจำ สถานสงเคราะห์เด็กหญิงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์สงเคราะห์บุคคลปัญญาอ่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บ้านเด็กแสงตะวัน ศูนย์เลี้ยงเด็ก โรงเรียนต่างๆ บ้านเลี้ยงสุนัข บ้านสงเคราะห์เด็กปากเกร็ด บ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ ฯลฯ ซึ่งในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ด้วยความเมตตาสงสารอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องชาวไทย หลวงตามหาบัวจึงได้ปรารภขึ้นด้วยความห่วงใยว่า “จำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีของพี่น้องไทยทุกคน ให้ต่างเสียสละช่วยกันอย่างจริงจัง” เมื่อคำปรารภดังกล่าวกระจายออกไปสู่สังคมกว้างขึ้น ผู้ที่เคารพศรัทธาในหลวงตามหาบัว และผู้มีความรักชาติ ต่างออกมาแสดงน้ำใจสละเงินทองช่วยกัน เมื่อคนไทยทั้งในและต่างประเทศรับรู้เรื่องมากขึ้น น้ำใจแห่งความรักชาติจึงเริ่มหลั่งไหลมาช่วยเหลือไม่ขาดสาย กลายเป็นที่มาของ “โครงการผ้าป่าช่วยชาติ” ที่หลวงตามหาบัวต้องฝืนสังขารไปแสดงธรรมเทศนาเพื่อรับบริจาคในการช่วยชาติ แล้วหลวงตามหาบัวก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 เม.ย.41 ว่าจะยกเงินทองที่ได้จากการบริจาคให้กับคลังหลวงทั้งหมด โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธาน