xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ"สนธิ" เชื่อปี 54 พิษดินแดน-ค่าเงิน ทำการเมืองเน่ากว่าเก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" ห่วงปี 54 การเมืองไทยวุ่นวายกว่าเก่า เหตุรบ. เดินเกมตามเขมร จุดเริ่มต้นเสียดินแดนครั้งใหญ่ที่สุดจนปชช.ลุกฮือขับไล่ ท้ายสุดเชื่อ "มาร์ค"โยนเผือกร้อนยุบสภาก่อนสิ้นปีแน่ ส่วนวิกฤตทางเศรษฐกิจ ชี้พิษค่าบาทแข็งอาจทำระบบแลกเปลี่ยนล่ม แนะรบ.แปลสภาพเงินดอลลาร์ในคลังเป็นทองคำ พร้อมทำนายเลือกตั้งครั้งหน้า ปชป.จับมือ พท. ตั้งรัฐบาล


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ช่วงที่ 3  

รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ทุกวันศุกร์ ช่วงเวลา 20.30-22.30 น. วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2554 นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ดำเนินรายการ

สโรชา - กลับเข้าสู่เมืองไทยรายสัปดาห์นะคะ เมื่อสักครู่นี้ทิ้งท้ายกันในส่วนของเรื่องราวสื่อ คุณสนธิมีอะไรจะเพิ่มเติมไหมคะ

สนธิ - ผมอยากจะเพิ่มเติมเรื่องบุคลากรในสื่อนิดหนึ่ง ตอนนี้ปัญหาใหญ่ของสื่อมันอยู่ที่บุคลาการ เท่าที่ผมสังเกตการณ์สัมภาษณ์ของสื่อที่มีต่อผู้นำประเทศ หรือคนที่เกี่ยวข้องในวงการ ผมดูแล้วคุณภาพนักข่าวภาคสนามเราค่อนข้างต่ำ ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มาก ที่ต่ำนี่คือการที่จะสัมภาษณ์เรื่องอะไรให้รู้ ต้องเข้าใจประเด็น แล้วบางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นมันกะทันหัน ถ้านักข่าวคนนั้นไม่มีองค์ความรู้อยู่บนพื้นฐานแล้ว คำถามที่ออกไปมันจะเป็นคำถามที่ฟังดูแล้วค่อนข้างจะทุเรศ เช่น ท่านมีความคิดเห็นเรื่องนี้ว่าอย่างไร คำว่า ท่านมีความคิดเห็นเรื่องนี้ว่าอย่างไรเนี้ย สื่อไม่ได้ทำหน้าที่สื่อ สื่อทำหน้าที่เป็นคนถือไมค์ แล้วเอาไมค์จ่อปากเท่านั้นเอง ถ้าเพียงแต่ถือไมค์แล้วจ่อปาก สมัยหนึ่งที่ผมเคยฝึกนักข่าว ผมบอกว่าถ้านักข่าวผมไปแล้วไม่สามารถจะมีความคิด คำถามที่สร้างสรรค์ได้ ผมไม่อยากจะจ้างนักข่าว ผมจ้างเด็กวินมอเตอร์ไซค์ให้ถือไมค์ แล้วบอกว่า รัฐมนตรีไปยืนที่ไหนแล้วให้ไปยื่นแล้วเอากลับมาถอดเทปใช่ไหมครับ นั่นข้อที่ 1

ข้อที่ 2 ที่ทำเนียบก็ยังหนีไม่พ้นความเป็นเจ้าแม่ ยังมีเจ้าแม่สื่ออยู่ คือสื่อมวลชนข่าวที่ทำเนียบจะมีลักษณะที่ข่าวจะเหมือนกันหมดทุกคนเลยนะ ไม่เหมือนไม่ได้นะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมกำชับโดยพิเศษเลยว่านักข่าวผู้จัดการจะรับงานจากทำเนียบมาไม่ได้ต้องเขียนเอง ถามเอง มีประเด็นเอง พักหนึ่งนักข่าวผู้จัดการเลยกลายเป็นแกะดำในบรรดาสื่อทำเนียบด้วยกัน จะโดนคนว่าค่อนขอดตลอดเวลา อยากทำตัวเด่นเหรอ

จินดารัตน์ - ถามอะไรโง่ โง่

สนธิ - คนที่ทำอันนี้ก็ทำตัวเป็นเจ้าแม่ แล้วก็เป็นเจ้าแม่อยู่ทุกวันนี้ คนพวกนี้ผมไม่เคยกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว มาปะทะกับผมในเวลาสาธารณะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อย่าให้ผมต้องเอ่ยชื่อเลย ถ้าผมเอ่ยขึ้นมาแล้วจะเดือดร้อนเปล่าๆ แต่ว่าที่ผมเป็นห่วงคือว่า กระบวนการให้การศึกษา หรือฝึกอบรมสอนคนให้เป็นสื่อมวลชนจากสถาบันอุดมศึกษามันผิดเพี้ยนไปหมดแล้ว สังเกตอะไรอย่างไหม จะมีคณะนิเทศศาสตร์ กับคณะวารสารศาสตร์ และคณะสื่อสารมวลชน แล้วแต่เขาจะเรียกคณะอะไร แต่ในนั้นจะแบ่งเป็นประชาสัมพันธ์ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ ที่เรียนมากที่สุด เด็กเรียนมากที่สุดคือประชาสัมพันธ์ เหตุผลเพราะ 1.จบง่าย ไม่ต้องฝึกฝน ทฤษฎีอะไรมากมาย ที่เรียนมากรองลงมาคือโฆษณา เพราะเด็กรุ่นใหม่มีความรู้สึกอยากจะเป็นก็อปปี้ไรท์เตอร์ นักเขียนทำโฆษณาเท่ห์ๆ ที่เรียนมากที่สุด เผลอๆมากกว่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ และรองมาจากประชาสัมพันธ์ คือวิทยุโทรทัศน์ เพราะเด็กสมัยนี้อยากดัง อยากออกทีวี ออกวิทยุ อยากจะเป็นนักข่าวบรรทัดเดียวกันหมด คือไปเคยชินกับคลื่น วิทยุต่างๆ ฝันอยากจะเป็นดีเจ มีความเคยชินกับบรรดาโดยลักษณะของผู้หญิงที่ปั้นจิ้มปั้นเจ๋อแต่งตัวนั่งหน้าจอ และนั่งอ่านสคริปต์โดยที่หัวสมองนั้นกลวงไปหมด อยากจะเท่ห์ มีคนรู้จัก สื่อสาขาที่คนเรียนน้อยที่สุดยิ่งวันยิ่งน้อยคือหนังสือพิมพ์ เพราะมันยาก ที่มันยากคือมันต้องฝึก ต้องลงไปฝึก ทำเขียนข่าว ไปโน้นไปนี่

ผมเคยมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ใมหาวิทยาลัย คือคณะสื่อสารมวลชน หรือคณะนิเทศศาสตร์ต้องแยกออกให้ชัด ประชาสัมพันธ์ไม่ควรจะอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ เพราะประชาสัมพันธ์สอนให้คนโกหกให้กับองค์กร พูดให้ดีที่สุด องค์กรทำเลวขึ้นมาต้องปิดความเลวให้องค์กรเอาไว้ เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือหน่วยงานคณะภาควิชาที่ควรจะอยู่กับบริหารธุรกิจ เข้าใจไหม โฆษณาก็ควรจะอยู่กับบริหารธุรกิจ อันเดียวกัน เหลืออยู่อย่างเดียวคือวิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ 2 สาขาเท่านั้นเอง ที่ควรจะอยู่อย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมหลักการของการเป็นสื่อนั้น ย่อมทำได้ง่ายกว่า เพราะว่าในด้านหนึ่งคุณให้คนที่เรียนประชาสัมพันธ์ แล้วก็ไปเทคคอร์สทางด้านวิทยุโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ด้วย และในขณะเดียวกัน ปรัชญามันตรงกันข้ามหมดเลย เพราะว่าหนังสือพิมพ์สอนให้คุณค้นหาความจริง แต่ประชาสัมพันธ์สอนให้คุณโกหก และเด็กมันไม่สับสนเหรอ เพราะฉะนั้นแล้วอันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แล้วคุณภาพของเด็กรุ่นหลังสู้เด็กรุ่นก่อนไม่ได้ สื่อมวลชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายหนังสือพิมพ์ที่ผมเห็น สมัยก่อนนี่ ที่ผมคิดว่าฝีมือดี ก็จะมาจากพวกมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ใช้ได้ ธรรมศาสตร์ แต่ก่อนใช้ได้ เดี๋ยวนี้มือตกไปมากแล้ว มหาวิทยาลัยกรุงเทพใช้ได้นะ ทั้งวิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ เท่าที่ผมสังเกตดูจะมีพวกนี้

ส่วนหลังๆจะมีพวกราชภัฏที่มาเน้นทางด้านสื่อสารมวลชนเหมือนกัน ผมคิดว่าคุณภาพมาตรฐานยังไม่ถึง ยังห่างไกลอีกนานโดยเฉพาะสายหนังสือพิมพ์ รังสิตดี แต่รังสิตจะดีเฉพาะวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ผมยังไม่เคยเห็นรังสิตมีจุดเด่นอะไรหลุดออกมาเลย ฉะนั้นผมจึงมีความรู้สึกว่าถ้าสถาบันการศึกษารู้จักแยกเอาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ไปอยู่คณะบริหารธุรกิจไป เพราะว่าแผนกบัญชี คณะบัญชี เช่นธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เขาเรียกว่าบัญชีการตลาด ก็เรียนไปทางการตลาดเลย เข้าใจยัง หรือบัญชีบริหาร เพราะฉะนั้นแล้วถ้าคุณจะเรียนทางด้านบริหารธุรกิจก็คือ เรียนบริหารธุรกิจประชาสัมพันธ์ บริหารธุรกิจโฆษณา ไปสายนั้นเลย แต่ดันทะลึ่งเอามารวมกัน เพราะเขาต้องการให้คณะนิเทศดูใหญ่ นั่นคือข้อผิดพลาด แยกให้ชัดเจน

ทีนี้เรามามองว่าประเทศไทยปี 2554 เหลือเวลาอีก 5-6 นาที เอาสั้นๆ ดีกว่า มันจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ส่วนที่ผมจะเป็นห่วงมากที่สุดคือ 3 ส่วน คือส่วนการเมือง ส่วนการเงิน แล้วก็ส่วนพื้นที่อธิปไตยดินแดน ผมมองว่า 2554 นั้นจะเป็นปีแห่งความขัดแย้งอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพื้นที่ดินแดน เพราะว่าด้านหนึ่งรัฐบาลนี้เล่นเกมเข้าทางเขมรหมด เพราะฉะนั้นโอกาสที่เราจะสูญเสียดินแดนค่อนข้างจะ 99 % ไปแล้ว แล้วก็นำจุดที่สูญเสียดินแดนบนพื้นที่ 1:200,000 ลากโยงไปสู่พื้นที่ในทะเล นั่นคือจุดแบ่งผลประโยชน์ของพื้นที่ในทะเล ซึ่งคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธานฝ่ายไทย แล้วก็นายซก อาน เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา ผมมองว่าความเป็นนักการเมืองนี่ผมไม่ไว้ใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแล้วการเจรจาอะไรก็ตามที่อยู่บนพื้นฐานที่นักการเมืองเป็นผู้เจรจานั้น จะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องแน่นอน และประเทศชาติจะเสียผลประโยชน์ จะไม่ได้ผลประโยชน์มากเท่าที่ควร ประกอบกับพื้นที่ที่เราจะต้องสูญเสียดินแดนตามแผนที่ 1:200,000 ของมรดกโลก 4.6 ตารางกิโลเมตร 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นจุดเริ่มต้นของการเสียดินแดนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ที่จะเป็นเหมือนโดมิโนที่ล้มไปทีละอันๆ แล้วก็ล้มไปทั้งแผงเลย ตรงนี้คือความขัดแย้ง เพราะตรงนี้มันจะนำไปสู่การเมืองแล้ว เพราะตรงนี้จะมีคนที่ไม่ยอม อย่างน้อยผมนี่ไม่ยอมคนหนึ่งแล้ว และผมเชื่อว่าประชาชนอีกไม่น้อยเลยในประเทศนี้ จะไม่ยอม และถึงวันนั้นแล้ว เมื่อเสียดินแดนจริงแล้ว มันก็จะเป็นการเปิดหูเปิดตาประชาชนอีกมากหลายที่ไม่สนใจเรื่องนี้ และสื่อมวลชนอีกมากหลายที่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ เริ่มมาบอก เฮ้ย เราเสียดินแดนได้ยังไง แล้วเขาก็จะต้องเริ่มมีความละอายแก่ตัวเองว่า เขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้ หรือว่าเขาเริ่มมีความรู้สึกผิดที่เขาเคยไปเขียนแล้วฟังความเห็นของฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดียว เมื่อความจริงมันปรากฏอย่างนี้ มันก็จะเริ่มพลิกแล้ว พอเริ่มพลิกแล้วมันจะไปกระทบทางการเมือง มันจะต้องไปกระทบทางการเมือง การเมืองนี่แน่นอนที่สุด ถ้านายกฯ เขาแก้รัฐธรรมนูญได้เสร็จเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีคนนี้เขายุบสภา หรือถ้าเขามีความมั่นใจในตัวเขามากพอสมควร เขาก็จะลากไปจนถึงสิ้นปีเพื่อจะยุบสภา จะไปช่วงไหนก็ตาม เขาคงต้องยุบสภาก่อนสิ้นปีแน่ เพราะความขัดแย้งเรื่องดินแดนจะทำให้เขาไม่กล้าอยู่ต่อ เขาจะโยนเผือกร้อนให้คนอื่นไป นั่นคือวิกฤตทางการเมือง วิกฤตทางดินแดน แล้วก็ต่อด้วยวิกฤตทางเศรษฐกิจ วิกฤตทางเศรษฐกิจนั้น ผมมองว่าปัญหาเรื่องค่าเงินในโลกนี้จะมีปัญหา และจะทำให้กระบวนการ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน มันเข้าสู่จุดที่ไม่ล่มสลายก็เหมือนจะล่มสลาย เหตุผลเพราะว่าอเมริกาพิมพ์เงินออกมา ดันเงินให้ทะลัก ดันให้เงินในประเทศต่างๆ ที่อยู่ในพื้นภูมิภาคเอเชียนั้นแข็งขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล จีนเองก็ดื้อด้าน เพราะจีนก็ไม่ยอมที่จะเพิ่มค่าเงินของตัวเอง เพราะจีนต้องการจะเก็บระดับค่าเงินของตัวเองนั้นให้ต่ำเอาไว้ โดยที่ผูกอเมริกา ประเทศที่กำลังโต ประเทศที่กำลังเป็นมหาอำนาจอยู่ เช่น บราซิล ก็โกรธ บราซิลนี่โกรธทั้งจีน ทั้งอเมริกา เพราะทั้งสองประเทศเป็นตัวการที่ทำให้บราซิลมันตาย มันก็พูดในทำนองว่ากูไปเกี่ยวอะไรกับพวกมึง ทำให้กูต้องลำบากด้วย เพราะฉะนั้นแล้วก็จะเริ่มมีการเจรจาทวิภาคีกันแล้ว ประเทศต่อประเทศ บราซิลเจรจาประเทศนี้ ใช้เงินเรียล แลกกับเงินนี้ หรือประเทศไทยก็จะเริ่มเจรจากับจีนใช้เงินหยวน อะไรพวกนี้

แต่ทั้งหมดและทั้งนี้ทั้งนั้น ประเทศไทยจะมีปัญหาที่เผชิญปีนี้คือ ปัญหาข้อแรกที่ต้องเผชิญมากที่สุดคือ ปัญหาตลาดหุ้น ผมเชื่อว่ามีการเทขายหุ้นไปรอบหนึ่งแล้ว

สโรชา- เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

สนธิ - นั่นละ และจะมีการเทขายต่อปีหน้า อีกอย่างน้อย 2-3 รอบ คุณกรณ์มองว่า ดัชนีจะต้องขึ้นถึง 1,400 หรือ 1,700 ผมไม่แน่ใจ ผมกลับมองว่า ถึงปีหน้า ปลายปีหน้านั้น ดัชนีจะตกลงมาต่ำกว่าพัน อันที่ 2 ที่เกิดขึ้นคือว่า ประเทศไทยจะทำอย่างไรกับเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินที่ตัวเองเก็บสะสมไว้ ประมาณแสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ ประเทศไทยมีความภูมิใจเหลือเกินว่า ตอนนี้มีวินเสิร์ฟเยอะ สำหรับผมแล้วผมมองว่า ประเทศไทยยังบริหารการเงินไม่เป็น ผมพูดไปคนก็ด่าอีกว่า มึงเรียนประวัติศาสตร์มาแล้วทะลึ่งอะไรมารู้เรื่องเกี่ยวกับการเงิน แต่แอ้มก็รู้ว่าผมไม่เคยทายอะไรผิดเรื่องนี้ ประเทศไทยต้องตัดสินใจแล้ว จะต้องถอยออกมาจากความเคยชิน ผมพูดถึงความเคยชิน คือ คนแบงก์ชาติ คนกระทรวงการคลัง เคยชินในการคิดระบบการเงินแบบฝรั่ง จะต้องรู้จักถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วหันมามองดูตัวเองว่าเงินดอลลาร์จะทำอะไรกับมันได้บ้าง เงินดอลลาร์นี้จะลด หลังจากหักหนี้ต่างประเทศเรียบร้อยเหลือเท่าไหร่ จะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อพันธบัตรอเมริกันต่อรึเปล่า หรือจะไม่ซื้อพันธบัตรอเมริกัน หรือจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อทองคำแทน สะสมทองคำไว้เลย เพราะทองคำเขาตั้งเป้าไว้ว่ามันจะขึ้นไปถึง ออนซ์ละประมาณ ผมคิดว่าน่าจะถึง 1,400 เหรียญ แต่บางคนตั้งไว้ 1,800 วันนี้ทองคำขึ้นมาบาทละ 2 หมื่น 1.9 หมื่นถึง 2 หมื่น ผมเชื่อว่าจะต้องเป็น 2 หมื่นกว่าภายในปีนี้อย่างแน่นอนที่สุด เผลอๆ อาจจะขึ้นถึง 23,000 - 25,000 ซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้วเราต้องรีบสะสมทองคำ เผื่อกรณีระบบแลกเปลี่ยนล่มสลาย อย่างน้อยที่สุดดอลลาร์ที่เราถือไว้มันจะไม่เป็นเศษกระดาษ มันยังเป็นทองคำก้อนหนึ่ง จำนวนหนึ่ง เพราะฉะนั้นที่ผมห่วงผมเป็นห่วงเรื่องนี้

อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วง คือผมเป็นห่วงเรื่องเงินเฟ้อค่าครองชีพ ในขณะนี้ค่าครองชีพสูงมาก สินค้าอะไรทุกอย่างแพงหมด เมื่อสินค้าอะไรทุกอย่างแพงหมดแล้ว อัตราฐานเงินเดือนคนยังไม่ปรับกัน ข้าราชการปรับได้แต่ภาคเอกชนยังไม่ปรับ มีปัญหามากในขณะนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว 3 ตัว เรื่องหุ้น เรื่องค่าเงิน เรื่องพวกนี้ กับเรื่องของดินแดนที่จะมาผูกพันกับการเมือง มันจะทำให้การเมืองวุ่นวายกว่าเก่า และจะทำให้การเมืองเน่ากว่าเก่า ผมทำนายไว้ก่อนเลย ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ จับตาดูให้ดีๆ ว่าจะเป็นการจับมือกันระหว่างเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล

จินดารัตน์ - ขออย่าให้จริง

สนธิ - ถ้าเป็นจริงก็ไม่มีอะไรประหลาดใจ เพราะทำไมรู้ไหม เพราะเลวพอๆ กัน ตอนนี้เลวพอๆ กันแล้ว

จินดารัตน์ - เรามีรัฐบาลเป็นลิง ลิงแก้แห แอ้มเคยได้ยินไหมสุภาษิตไทย ลิงกำลังแก้แหอยู่ตอนนี้
กทม.บอกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ สุรินทร์บอกให้กำลังใจคุณวีระและคนไทยทั้ง 7 จากลพบุรีบอก เมื่อไหร่คุณวีระจะได้รับการปล่อยตัว มีวี่แววไหมคะคุณสนธิ

สนธิ - ลำบาก

จินดารัตน์ - ครูติ่งระยอง บอกว่า เคยได้รับคำอธิบายจากรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ว่า MOU ทำให้เขมรไม่รุกล้ำพื้นที่ไทย แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ลพบุรีอีกสายหนึ่งบอกว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตร ร้องเพลงชาติเขมร จากนครสวรรค์ ในวิกฤตยังมีโอกาส เชื่อว่าประเทศไทยยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง กฎแห่งกรรมมีจริง
แอนเริ่มรู้สึกว่าคนหมดหวัง หันหน้าไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันหมดแล้ว

สนธิ - ถูกต้องครับ

จินดารัตน์ - คุณเมธาวีบอกว่า จะทำอย่างไรจึงจะกระชากหน้ากากรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ให้เห็นว่าใครเลว ใครดีได้อย่างชัดเจน คุณสมหวังจากนราธิวาสบอก เป็นแผนของคุณอภิสิทธิ์รึเปล่าที่ปล่อยตัวคุณพนิชแต่ยังไม่ปล่อยกลุ่มวีระ คุณชัย กทม.บอกว่า คุณอภิสิทธิ์ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กจึงไม่ทราบประวัติศาสตร์ไทย ประเทศไทยพัง จ.เลย บอกว่า อยากให้ปิดด่านพรมแดนเขมรไปเลยเพราะคนไทยชอบไปเล่นกาสิโนกันดีนัก แต่มีนักจัดรายการวิทยุบางคนบอกว่า ชอบมีคนออกมาบอกปิดด่านไปเลย กาสิโนไม่ต้องไปเล่นกันอีกแล้ว มันเสียหายนะครับนักธุรกิจ เลยอยากโทรเข้าไปถามว่า เจ้าของกาสิโนกี่คน แล้วคนไทยเดือดร้อนกี่คน

สนธิ - ดีเจคนนั้นคงจะได้รับค่าจ้างเจ้าของกาสิโน

สโรชา - หรือไม่ก็ไปเป็นประจำ

จินดารัตน์ - อีกหลายสาย เรื่องเขาพระวิหารมากันเยอะ

สนธิ - พูดเรื่องกาสิโนสั้นๆ ก่อนจบ เขาบอกมีนักการเมืองเมืองไทยชอบไปเล่นกาสิโนที่เขมร แล้ววันที่นักการเมืองเมืองไทยเข้าไปจะเป็นวันที่กล้องวงจรปิดเสียทุกที นี่เรื่องจริง

สโรชา- อิทธิพลแรงกล้ามาก

สนธิ - นี่เรื่องจริง

สโรชา- หมดเวลาแล้วคะสำหรับเมืองไทยรายสัปดาห์ พบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีค่ะ




กำลังโหลดความคิดเห็น