“ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” ตรัสถึง “ในหลวง” พระอาการทรงปลอดภัยแล้ว โดยผลทำซีทีสแกนเป็นที่น่าพอใจของคณะแพทย์ ขณะนี้ กำลังถวายกายภาพบำบัด เพื่อบำรุงพระชงค์ (ขา) ให้แข็งแรงเหมือนเดิม ทรงตรัสระหว่างที่รักษาพระองค์ได้รับกำลังพระทัยจาก “พระราชินี” รวมทั้งพระบรมศานุวงศ์ทุกพระองค์ ฝากถึงให้คนไทยสบายใจ เหตุที่รักษาพระวรกายนาน เพราะต้องการให้ทรงออกจากโรงพยาบาลด้วยความพร้อมมากที่สุด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระวโรกาสให้ นายจริยวัฒน์ สันตะบุตร เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต พร้อมด้วยชุมชนชาวไทยในนครแฟรงก์เฟิร์ต เฝ้าอย่างใกล้ชิด
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับสั่งถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พระเจ้าอยู่หัว ทรงประชวรด้วยพระอาการปอดอักเสบ ทรงมีไข้สูง โดยภายใน 2 อาทิตย์แรกที่ทรงอยู่โรงพยาบาล ก็ทรงมีไข้เลยทำให้เสวยได้น้อย ทำให้ต้องถวายอาหารทางหลอดเลือด แต่พอมาถึงก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาที่นี่ ทรงพระอาการดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ทรงมีไข้ และปอด แพทย์ที่ถวายการรักษารายงานว่า อยู่ในเกณฑ์ใกล้ปกติ เหลือเป็นเงาๆ อีกนิดเดียวในฟิล์มเอกซเรย์
ตอนนี้ สิ่งที่แพทย์ทำ คือ พยายามให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยมากขึ้น เพราะขณะนี้เขาไม่ได้ถวายอาหารทางหลอดเลือดแล้ว เพราะพอไข้ลดลงท่านก็ทรงเสวยได้ ทรงมี appetite ที่จะเสวย ก็ทรงเสวยได้ แล้วแพทย์ก็พยายามดูแลเรื่องทางปอดให้อย่างละเอียดที่สุด เท่าที่ทราบจากแพทย์วันนี้ ที่ได้โทร.ไปถามพระอาการก็บอกว่าได้ทำซีทีสแกนอีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่าผลเป็นที่น่าพอใจ
ขณะนี้ได้ทำการถวายกายภาพบำบัด อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ประทับบนพระแท่นนาน 2 อาทิตย์ เพื่อทำ muscle ที่พระชงค์ หรือขาของท่านที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้น ต้องทำกายภาพบำบัด ซึ่งกายภาพบำบัดนี้ ก็คงจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง กว่ากล้ามเนื้อจะมีแรงอย่างเดิม แต่ว่าอย่างที่ทุกๆ ท่านก็คงคิดเหมือนข้าพเจ้า ซึ่งนอกจากจะเป็นลูกแล้ว ยังถือว่าข้าพเจ้าเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านด้วย เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้นแพทย์ที่ถวายการรักษาย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แล้วก็ดูแลเป็นพิเศษ ก่อนที่จะให้ทรงออกจากโรงพยาบาล ต้องแน่ใจว่า ทุกๆ อย่างว่าดีหมด พร้อมทุกด้าน จึงจะให้ทรงออกจากโรงพยาบาล นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงได้ประทับอยู่นาน แต่ประทับอยู่ท่านก็ไม่ทรงเหงา เนื่องจากว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงประทับเฝ้า ถวายกำลังพระทัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอด จนเกือบเดือนที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ก็ทรงค้างอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และทรงคอยเข้าไปดูแลเสมอ
นอกจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะค้างที่โรงพยาบาลศิริราช แล้ว ก็ยังมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และก็ตัวข้าพเจ้าเองที่ค้างอยู่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลพระอาการ คือ เวลามีงานก็ออกไปทำงานกัน แต่ว่าพอค่ำก็ไปค้างอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช
นอกจากนนี้ ถึงแม้ว่า สมเด็จพระบรมฯ กับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ จะไม่ได้ทรงค้าง แต่ท่านก็ทรงมาถวายเยี่ยมอยู่เสมอๆ ก็คิดว่าตอนนี้ให้ทุกคนสบายใจได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลอดภัยแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่นสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระวโรกาสให้ นายจริยวัฒน์ สันตะบุตร เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต พร้อมด้วยชุมชนชาวไทยในนครแฟรงก์เฟิร์ต เฝ้าอย่างใกล้ชิด
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับสั่งถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า พระเจ้าอยู่หัว ทรงประชวรด้วยพระอาการปอดอักเสบ ทรงมีไข้สูง โดยภายใน 2 อาทิตย์แรกที่ทรงอยู่โรงพยาบาล ก็ทรงมีไข้เลยทำให้เสวยได้น้อย ทำให้ต้องถวายอาหารทางหลอดเลือด แต่พอมาถึงก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาที่นี่ ทรงพระอาการดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ทรงมีไข้ และปอด แพทย์ที่ถวายการรักษารายงานว่า อยู่ในเกณฑ์ใกล้ปกติ เหลือเป็นเงาๆ อีกนิดเดียวในฟิล์มเอกซเรย์
ตอนนี้ สิ่งที่แพทย์ทำ คือ พยายามให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสวยมากขึ้น เพราะขณะนี้เขาไม่ได้ถวายอาหารทางหลอดเลือดแล้ว เพราะพอไข้ลดลงท่านก็ทรงเสวยได้ ทรงมี appetite ที่จะเสวย ก็ทรงเสวยได้ แล้วแพทย์ก็พยายามดูแลเรื่องทางปอดให้อย่างละเอียดที่สุด เท่าที่ทราบจากแพทย์วันนี้ ที่ได้โทร.ไปถามพระอาการก็บอกว่าได้ทำซีทีสแกนอีกครั้งหนึ่ง แล้วพบว่าผลเป็นที่น่าพอใจ
ขณะนี้ได้ทำการถวายกายภาพบำบัด อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ประทับบนพระแท่นนาน 2 อาทิตย์ เพื่อทำ muscle ที่พระชงค์ หรือขาของท่านที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้น ต้องทำกายภาพบำบัด ซึ่งกายภาพบำบัดนี้ ก็คงจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง กว่ากล้ามเนื้อจะมีแรงอย่างเดิม แต่ว่าอย่างที่ทุกๆ ท่านก็คงคิดเหมือนข้าพเจ้า ซึ่งนอกจากจะเป็นลูกแล้ว ยังถือว่าข้าพเจ้าเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านด้วย เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้นแพทย์ที่ถวายการรักษาย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แล้วก็ดูแลเป็นพิเศษ ก่อนที่จะให้ทรงออกจากโรงพยาบาล ต้องแน่ใจว่า ทุกๆ อย่างว่าดีหมด พร้อมทุกด้าน จึงจะให้ทรงออกจากโรงพยาบาล นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงได้ประทับอยู่นาน แต่ประทับอยู่ท่านก็ไม่ทรงเหงา เนื่องจากว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงประทับเฝ้า ถวายกำลังพระทัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอด จนเกือบเดือนที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ก็ทรงค้างอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และทรงคอยเข้าไปดูแลเสมอ
นอกจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะค้างที่โรงพยาบาลศิริราช แล้ว ก็ยังมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และก็ตัวข้าพเจ้าเองที่ค้างอยู่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อดูแลพระอาการ คือ เวลามีงานก็ออกไปทำงานกัน แต่ว่าพอค่ำก็ไปค้างอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช
นอกจากนนี้ ถึงแม้ว่า สมเด็จพระบรมฯ กับทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ จะไม่ได้ทรงค้าง แต่ท่านก็ทรงมาถวายเยี่ยมอยู่เสมอๆ ก็คิดว่าตอนนี้ให้ทุกคนสบายใจได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปลอดภัยแล้ว