ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าเผย ผลการรณรงค์เลิกเหล้าภาพรวมได้ผลแต่น่าเป็นห่วงเพราะเด็กและเยาวชนดื่มเป็นประจำเพิ่มขึ้น พร้อมแฉประเทศไทยต้องเสียเงินเพราะแอลกอฮอล์ถึงปีละเกือบ 5 แสนล้านบาท
วันนี้(31 ก.ค.)นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(ศคล.) กล่าวถึงปัญหาเด็กและเยาวชนไทยกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมากเพราะนักดื่มหน้าใหม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมิหนำซ้ำอายุก็ลดต่ำลงเรื่อยๆ จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในช่วงสิบปีที่ผ่านมาพบว่าเด็กอายุ 15-19 ปี ดื่มเป็นประจำเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 70 ในขณะที่ผู้หญิงเข้ามาเป็นนักดื่มหน้าใหม่มากขึ้นถึงร้อยละ 65 สาเหตุสำคัญมาจากผลของการโฆษณาหรือการทำการตลาดของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อประเภทต่างๆที่ทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลจูงใจให้เด็กและผู้หญิงเป็นนักดื่มเพิ่มมากขึ้น
ผู้อำนวยการศคล.กล่าวต่อว่า แม้ภาพรวมในการทำงานในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาของเครือข่ายสามารถรณรงค์ให้คนดื่มแอลกอฮอล์ลดลงกว่าร้อยละ 30 แต่ได้ข้อสรุปที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งว่าเราเข้าถึงกลุ่มย่อยต่างๆน้อยเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ภาคธุรกิจเอกชนใช้กลยุทธทางการตลาดที่มาพร้อมกับดนตรีและกีฬาซึ่งทำให้เข้ามาเป็นนักดื่มหน้าใหม่โดยไม่รู้ตัว หน่วยงานของเราจึงมุ่งรณรงค์ไปที่เด็กและเยาวชนโดยให้การสนับสนุนจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ เช่น โครงการเยาวชนคิดดีผลิตสื่อที่ตัวเองชอบ หรือทำสื่อพื้นบ้านในต่างจังหวัดเพื่อสร้างสรรค์ในประเด็นที่ดีๆ
“ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินงบประมาณไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมหาศาลเฉพาะการเกิดอุบัติเหตุ คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำการศึกษาว่าต้องสูญเสียเงินถึง 150,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่าสูญเสียโอกาสเพราะตายก่อนวัยอันควรกระทรวงสาธารณสุขเคยศึกษาเอาไว้ตกปีละ 150,000 ล้านบาท ในขณะที่คนไทยจ่ายเงินเพื่อซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 200,000 ล้านบาท สรุปแล้วเราเผาเงินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 400,000-500,000 ล้านบาท” นายสงกรานต์ กล่าวในท้ายสุด
