xs
xsm
sm
md
lg

แฟชั่นเกาหลี เทรนด์นี้ยังมาแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กล่าวได้ว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาแฟชั่นเกาหลีได้เข้ามามีบทบาทในเมืองไทยอย่างมากซึ่งปัจจัยหลักน่าจะมาจากอิทธิพลของซีรีย์เกาหลี อย่าง ฟูลเฮาส์ , คอฟฟี่ ปริ้นซ์ รวมทั้งดารานักร้องแดนกิมจิซึ่งกำลังเป็นที่คลั่งไคล้ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นวงบอยแบนด์ดังอย่างวงดงบังชินกิ ,ซุปเปอร์จูเนียร์ หรือ วันเดอร์ เกิร์ล ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม ก็ล้วนแต่แอบอิงแฟชั่นจากเกาหลีทั้งสิ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่าแต่งตัวแบบไหนจึงเรียกว่าเป็นสไตล์เกาหลี งานนี้ทั้งดีไซเนอร์ เมกอัพอาร์ตทิส และแฮร์สไตลิสจะมาขยายความให้ฟังกัน
 ‘ณัฐพงษ์ อุดมกัน’ Young Designer
อินเทรนด์กับเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี

ปัจจุบันวัยรุ่นวัยใสไปจนถึงวัยทำงานต่างก็พากันสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ขณะที่ร้านขายเสื้อผ้าและเว็บไซต์หลายแห่งหันมาขายเสื้อผ้าแนวนี้แทนที่จะเป็นแฟชั่นดีไซน์จากฝั่งยุโรป ‘ณัฐพงษ์ อุดมกัน’ หนึ่งใน Young Designer ของเมืองไทย อธิบายถึงเทรนด์การแต่งตัวสไตล์นี้ว่า
 เทรนด์ปีนี้หนุ่มเกาหลีจะนิยมใส่คาดิแกน หรือเสื้อไหมพรมเนื้อบาง ยาวคลุมสะโพก ทับกับยืด
ใส่เสื้อหลายชั้น จุดเด่นแฟชั่นเกาหลี

จุดเด่นของการแต่งตัวสไตล์เกาหลีคือนิยมใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น หรือที่เรียกว่า ดับเบิ้ล เลเยอร์(Double Layer) ซึ่งจะมีลูกเล่นในการมิกซ์แอนด์แมชเสื้อผ้าหลายๆชิ้นเข้าด้วยกัน เช่น สีของเสื้อตัวในกับเสื้อตัวนอกเป็นสีที่ตัดกัน ใส่กระโปรงทับแล็กกิ้ง(กางเกงผ้ายืดแนบเนื้อ) เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยผ้าพันคอลายหมากรุกหรือเท่ๆสักใบ
แฟชั่นสไตล์เกาหลีจะนิยมเล่นเลเย่อร์ หรือใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น
“ ต้องบอกว่าแฟชั่นเกาหลีเนี่ยเป็นอะไรที่พร็อบเยอะมาก... ถ้าแค่ใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืดหรือใส่แค่เดรสมาตัวเดียวนี่ไม่ใช่คนเกาหลีแน่ สไตล์การแต่งตัวของเกาหลีเขาก็จะมี 2 แบบนะ คือแบบคลาสสิก และแบบมีสีสันสนุกสนาน อย่างแบบคลาสสิก ผู้ชายอาจจะใส่เดเซอร์(แจ็กเก็ตสูท)ทับเสื้อยืดหรือใส่ทับเสื้อเชิ้ตแล้วผูกเนกไทเส้นเล็กๆ หรือผู้หญิงก็จะใส่เดรสทับด้วยเสื้อสูท

บางคนอาจรู้สึกว่าสไตล์การแต่งตัวของเกาหลีกับญี่ปุ่นดูคล้ายๆกัน แต่ความจริงมันไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เพราะญี่ปุ่นบทจะแต่งแรงก็แรงทั้งตัว เช่น ใส่แจ็กเก็ตทับ 2 ชั้น คลองคอด้วยเฟอร์ ใส่ถุงเท้าลายซึ่งสูงขึ้นมาถึงน่อง ซึ่งดูแล้วมันจะเอามาใส่ในบ้านเราได้ยาก เพราะมันดูเยอะไป ในขณะที่แฟชั่นเกาหลีไม่ได้เยอะขนาดนั้น” ณัฐพงษ์ กล่าวยิ้มๆ
เทรนด์รองเท้าปีนี้จะเน้นเส้นสายระโยงระยาง
เทรนด์เกาหลี ในปี 2009

การกำหนดทิศทางของเทรนด์แฟชั่นเกาหลีนั้นก็ดูจะไม่แตกต่างจากวงการแฟชั่นทั่วโลกที่จะต้องอิงกระแสของแฟชั่นฝั่งยุโรป โดยในปี 2009 นั้นบรรดาดีไซเนอร์ชาวยุโรปต่างก็ยกให้เชิ้ตเป็นตัวเด่นของเทรนด์ปีนี้ โดยดีไซน์ทั้งเสื้อเชิ้ตและเดรสเชิ้ตหลากหลายแบบมาให้หนุ่มสาวเลือกสวมใส่ นอกจากนั้นยังมีลูกเล่นที่เน้นสไตล์ดับเบิ้ลเลเยอร์ หรือการใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น ซึ่งก็ตรงกับเทรนด์เกาหลีที่กำลังฮิตในตอนนี้ ส่วนสีสันนั้นในปีนี้สีที่มาแรงคือ แดง ม่วง ชมพู ขณะที่สีโทนขรึมอย่าง ขาว ดำ เทา ก็ยังมีให้เห็นอยู่
เดเซอร์ หรือแจ๊กเก็ตสูทสีสันสดใส คือเทรนด์ฮิตของหนุ่มเกาหลีในปีนี้
“ ในปีที่ผ่านมาหนุ่มเกาหลีจะนิยมใส่คาดิแกน(เสื้อไหมพรมเนื้อบาง ยาวคลุมสะโพก)ทับเสื้อเชิ้ต แล้วก็ผูกเน็กไทหรือหูกระต่าย แต่ปีนี้เราจะเห็นคานิแกนใส่กับเสื้อยืดคอกลมทั้งแขนสั้นและแขนยาว หรือใส่เสื้อเวสท์(waist-ลักษณะเหมือนเสื้อกั๊ก)ทับเสื้อยืดลายทาง อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือแจ็กเก็ตแนวสปอรต์หรือแจ็กเก็ตที่มีสีสันสดใสซึ่งช่วยไม่ให้ดูเคร่งขรึมเกินไปนัก ส่วนกางเกงก็ยังนิยมสกินนี่(กางเกงขาเดฟ แนบเนื้อ มีทั้งผ้ายีนส์เนื้อบางและผ้ายืด)เช่นเดียวกับปี 2008 เพราะใส่แล้วดูคล่องแคล่ว ปราดเปรียว เหมาะกับหนุ่มสาวยุคใหม่

สำหรับโทนสีของเสื้อผ้าในปี 2009 นี้โทนสีคลาสสิคอย่าง ขาว ดำ เทา ก็ยังมีให้เห็นอยู่ ส่วนเครื่องประดับนั้นในปีนี้หนุ่มๆจะคาดเข็มขัดหลวมๆ โดยนิยมเข็มขัดเส้นเล็กๆที่ยาวกว่าปกติ แต่แทนที่จะสอดปลายไว้กับหูเข็มขัดกลับนำปลายเข็มขัดมาสอดพันกับตัวเข็มขัดแทน ซึ่งว่ากันว่ามาจากกลิ่นอายของแฟชั่นยุค 70 นอกจากนั้นผ้าพันคอที่เคยฮิตในปีก่อนก็ยังคงฮิตอยู่แต่จะเปลี่ยนจากผ้าผืนใหญ่ๆมาเป็นผ้าพันคอแบบสคร้าฟหรือผ้าพันคอขนาดเล็ก ส่วนรองเท้าจะเป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อและรองเท้าหนังกลับ

ขณะที่แฟชั่นเสื้อผ้าของสาวๆนั้นตัวเสื้อจะเป็นเชิ้ต และทูนิค(เสื้อสไตล์อินเดีย ทรงหลวม ตัวยาวคลุมสะโพก) ซึ่งอาจจะใส่คาดิแกนทับตัวเสื้อ เข้าคู่กับกระโปรงทรงเอสั้นๆ ดูเก๋ไก๋มีสไตล์ นอกจากนั้นชุดเดรส กางเกงสกินนี่ และกางเกงทรงแครอท (สะโพกพอง ขาลีบ) ซึ่งเป็นแฟชั่นยอดฮิตในปีที่ผ่านก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ โดยในปีนี้เดรสจะเป็นสไตล์เดรสเชิ้ต และเดรสทรงโอเชฟ (สะโพกพอง ตรงปลายจับจีบ) เพิ่มลูกเล่นด้วยการคาดเข็มขัดสักเส้นทำให้ดูทะมัดทะแมงมากขึ้น สไตล์เสื้อผ้าจะเป็นลักษณะของการเล่นเลเยอร์(การใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้น) ไม่ต่ำกว่า 2 เลเยอร์ ส่วนเครื่องประดับจะเป็นเข็มขัดเส้นใหญ่ รองเท้าจะเป็นแบบแฟลท คือรองเท้าไม่มีส้น มีเส้นสายระโยงระยาง พันกันไปมา นอกจากนั้นดีไซน์กราฟฟิคและลายดอกไม้ก็มาแรงไม่แพ้กัน” ณัฐพงษ์ พูดถึงแนวแฟชั่นของเกาหลีในปีนี้
ทูนิค หรือเสื้อสไตล์อินเดีย
ซีรีย์-บอยแบนด์ ชี้เทรนด์แฟชั่น

อย่างไรก็ดี ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของกระแสแฟชั่นเกาหลีอย่างมากก็คือซีรีย์เกาหลีและบรรดาศิลปินนักร้อง โดยหากซีรีย์เรื่องไหนโด่งดังในช่วงนั้น หรือนักร้องวงใดกำลังได้รับความนิยม บรรดาหนุ่มสาวเกาหลีก็จะพากันแต่งตัวเหมือนพระเอก-นางเอกในซีรีย์ หรือเหมือนกับนักร้องที่เขาชื่นชอบ
ดาราเกาหลีคืออิทธิพลของแฟชั่น
“ เทรนด์แฟชั่นในแต่ละปีนั้นส่วนหนึ่งมันจะขึ้นอยู่กับว่าปีนั้นซุปเปอร์สตาร์คนไหนจะดังมา ถ้าช่วงเดือนนี้วงนี้มา ดาราคนนี้ดัง ซีรีย์เกาหลีเรื่องนี้กำลังมา costume ในซีรีย์เป็นแบบนี้ วัยรุ่นเกาหลีเขาก็จะอยากแต่งตัวเหมือนพระเอก-นางเอกในซีรีย์ ร้านเสื้อผ้าในเกาหลีเขาก็จะทำเสื้อผ้าแนวนี้ออกมา ตลาดบ้านเราก็ผลิตตามเขาอีกที อย่างซีรีย์บางเรื่องพระเอกดูขรึมๆ เสื้อผ้าจะใช้สีคลุมโทน ขาว ดำ เทา ช่วงนั้นหนุ่มๆเกาหลีก็จะใส่เสื้อผ้าโทนนี้หมด แต่ช่วงที่พระเอกซีรีย์ออกแนวขี้เล่น เสื้อผ้ามีสีสันเยอะ หนุ่มเกลาหลีก็ใส่เสื้อผ้าเป็นซาหริ่มมาเลย(หัวเราะ)” ณัฐพงษ์ กล่าว
เดรสทรงโอเชฟ หนึ่งในแฟชั่นสไตล์เกาหลีของสาวๆในปีนี้
แต่งหน้าสวยใส สไตล์เกาหลี

การแต่งหน้าทาปากดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสาวๆที่รักสวยรักงาม แต่หากตอนนี้สาวคนไหนแต่งหน้าจัดๆ รองพื้นหนา ทาปากแดงเดินอออกจากบ้านล่ะก็รับรองว่าต้องมีคนเมาท์ว่าเธอนั้นช่างเชยจริงๆ เพราะเทรนด์การแต่งหน้าตอนนี้ต้องออกแนวสวยใสสุขภาพดีแบบสาวเกาหลีเท่านั้น

บางคนอาจสงสัยว่าแล้วจะแต่งหน้ายังไงให้ดูอินเทรนด์แบบเกาหลี ‘คุณฝน’เสาวณี วิศวะโยธานันท์ Sales & Marketing Manager บริษัท แมกซ์ แอนด์ ไมตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องสำอาง MISSHA เครื่องสำอางแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลี จะมาไขเคล็ดลับให้คุณสาวๆได้รู้
เสาวณี วิศวะโยธานันท์ Sales & Marketing Manager บริษัท แมกซ์ แอนด์ ไมตี้
สวยใส เป็นธรรมชาติ

คุณฝนอธิบายถึงจุดเด่นของเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีว่า การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีจะพรีเซ้นต์ความสวยใส ดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงมักแต่งหน้าบางๆ และไม่นิยมการลงรองพื้นผิวหน้า แต่จะใช้การลงเบจ หรือบีบีครีมแทน เพื่อให้ดูเบาบาง กระจ่างใส โดยบีบีครีมที่นิยมในปัจจุบันคือโกลอิ้ง สกิน (Golding Skin) ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างใส เป็นประกายระยิบระยับ หลังจากตบแป้งพัฟบางๆให้ใบหน้าดูนวลเนียนแล้วสาวเกาหลีก็จะปัดบลัชออนเพื่อให้แก้มดูระเรื่อมีเลือดฝาด ตามด้วยการทาลิปสติกสีอ่อนๆใสๆบนเรียวฝีปากเพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม และดูสวยใสแบบสาวสุขภาพดี

ส่วนดวงตาจะแต่งให้ดูกลมโตและเป็นประกายเล็กน้อย โดยนิยมทาอายส์ชาโดบางๆ มากกว่าจะป้ายเป็นปื้นหนาๆเพราะนั่นจะทำให้คุณดูเป็นนางงิ้วมากกว่าจะเป็นนางเอกในซีรีย์เกาหลี แต่ถ้าจะไปดินเนอร์หรือไปงานสังสรรค์ยามค่ำคืนแล้วกลัวว่าแนวใสแบ๊วจะดูจืดชืดเกินไปก็สามารถเพิ่มความเปล่งประกายด้วยการแต้มอายส์ไลเนอร์ที่เปลือกตา ซึ่งจะทำให้ขนตาดูงอนงามน่าหลงใหล หรือจะเลือกใส่ขนตาปลอมเพื่อให้ตาดูคมและกลมโตแบบที่สาวๆเกาหลีนิยมก็ได้ไม่ผิดกติกา ส่วนปากและแก้มก็อาจทาให้เข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ย้ำว่าต้องไม่ให้ดูจัดจ้านหรือโฉบเฉียวแบบสาวเปรี้ยวอย่างเด็ดขาด
แต่งหน้าใสๆ สไตล์เกาหลี
น้ำตาลทอง-ชมพูอมม่วง มาแรง

เทรนด์การแต่งหน้าของเกาหลีในแต่ละฤดูกาลนั้นจะมี 2 สไตล์ด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สาวๆรู้สึกจำเจจนเกินไป โดยสำหรับช่วงปลายปี 2008 ถึงต้นปี 2009 ซึ่งเกาหลีถือว่าเป็นช่วงAutumn/Winter นั้นเทรนด์การแต่งหน้าของเกาหลีจะมี 2 สไตล์ คือ วินเทจ โกล บราวน์ (Vintage Gold Brown) โทนสีน้ำตาลอมทอง ดูสุขุม ลุ่มลึก คือตั้งแต่ ตา แก้ม ปาก จะออกโทนสีน้ำตาล พวงแก้มเป็นสีทองระเรื่อ ปากสีน้ำตาล ซึ่งการแต่งหน้าสไตล์นี้จะใช้ได้กับผู้หญิงทุกกลุ่ม ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงสาวสูงวัย และไม่ว่าจะเป็นวันทำงาน หรือไปช็อปปิ้ง นัดสังสรรค์ในวันหยุดก็สามารถแต่งหน้าสไตล์นี้ได้อย่างไม่ตกเทรนด์ และสไตล์ที่ 2 เป็น อีโมชันนอล พิ้งค์ คอรอล (Emotional Pink Coral) โทนสีชมพูอมม่วง ดูเปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด คือทั้งตา แก้ม ปาก จะออกเป็นสีชมพูอมม่วงทั้งหมด เหมาะกับสาวที่อยากพรีเซ้นต์ความน่ารักสดใส
บรรดาดีไซเนอร์ชาวยุโรปต่างก็ยกให้เดรสเชิ้ตเป็นตัวเด่นของเทรนด์ปีนี้
“ ฤดูกาลซึ่งเชื่อมโยงกับเทรนด์แฟชั่นของเกาหลีเนี่ยในแต่ละปีจะมี 2 ช่วงด้วยกัน คือ Autumn/Winter เริ่มตั้งแต่กันยายน ถึงกุมภาพันธ์ และ Spring/Summer ตั้งแต่มีนาคม ถึงสิงหาคม ซึ่งในฤดูกาลหนึ่งก็จะมีเทรนด์การแต่งหน้า 2 เฉดสีด้วยกัน เพื่อที่จะได้มีเฉดการแต่งหน้าให้แก่ทั้งลูกค้า 2 กลุ่ม คือทั้งกลุ่มที่ชอบความสดใสกับกลุ่มที่ชอบความเคร่งขรึม” เสาวณี Sales & Marketing Manager ของเครื่องสำอาง MISSHA ซึ่งเป็นแบรนด์นำเข้าจากเกาหลี กล่าว
บรรดาดีไซเนอร์ชาวยุโรปต่างก็ยกให้เดรสเชิ้ตเป็นตัวเด่นของเทรนด์ปีนี้
สำหรับความงามบนปลายเล็บนั้นก็เป็นสิ่งที่ชาวเกาหลีให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งยาทาเล็บของเกาหลีนั้นมีสีสันให้เลือกมากมาย ทั้งแดง ส้ม ชมพู เหลือง ฟ้า และแต่ละสีก็จะมีหลายเฉดแยกย่อยลงไปอีก เช่น สีแดงก็จะมีทั้งแดงเลือดนก แดงเลือดหมู แดงโอรส ซึ่งการเลือกว่าจะแต้มสีไหนลงบนปลายเล็บนั้นก็ดูจะไม่ต่างจากสาวไทยมากนัก คือเลือกทาให้เข้ากับเปลือกตาสีตา ,แก้ม-ปาก หรือสีสันของเสื้อผ้าเป็นหลัก
แจ็กเก็ตแนวสปอร์ต อีกหนึ่งเทรนด์ฮิตปีนี้ของหนุ่มๆเกาหลี
เทรนด์เกาหลียังฮิตอีกหลายปี

ทั้งนี้เหล่าแมคอัพอาร์ตทีสต่างฟันธงตรงกันว่าเทรนด์การแต่งหน้าแบบเกาหลีนั้นเข้ามาในไทยได้ 4-5 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาฮิตจริงๆเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และด้วยกระแสบอยแบนด์และซีรีย์เกาหลีที่มีแนวโน้มว่าจะยังคงครองใจวัยรุ่นไทยไปอีกนานทำให้เชื่อว่าเทรนด์การแต่งหน้าแบบเกาหลีจะยังคงเป็นเทรนด์ฮิตในวงการแฟชั่นไทยไปอีกหลายปี
ดารานักร้องเกาหลี คือต้นแบบของเทรนด์แฟชั่น
“ เนื่องจากคนเกาหลีส่วนใหญ่ผิวพรรณดี ขาวเนียน ดูมีเลือดฝาด ซึ่งต่างจากชาวตะวันตกที่ผิวหยาบและมักมีกระบนใบหน้า คนเกาหลีจึงนิยมโชว์ความสวยของผิวด้วยการแต่งหน้าบางๆ อย่าง MISSHA ซึ่งเป็นแบรนด์จากเกาหลีก็จะมีสโลแกนว่า ‘สวยใสสไตล์เกาหลี’ คือคนเกาหลีเนี่ยเขาจะดูแลผิวพรรณกันตั้งแต่เด็กเลย ผิวหน้าเขาจึงเรียบเนียนเหมือนทาบีบีครีมอยู่ตลอดเวลา แต่จริงๆไม่ใช่ เขาจะเป็นแบบผิวสวยสุขภาพดี ถ้าไปเกาหลีเนี่ยจะไม่เจอคนแต่งหน้าจัดๆเลย ถ้าดูซีรีย์เกาหลีก็จะเห็นนางเอกแต่งหน้าใสๆ ปากอมชมพูระเรื่อ

ตอนนี้ประเทศไทยเราเองก็ฮิตการแต่งหน้าแนวนี้มาก อย่างลูกค้าเดินเข้ามาจะบอกเลยว่าอยากแต่งหน้าสไตล์ดาราเกาลี อยากได้แบบใสๆ ซึ่งการแต่งแนวนี้คือแต่งหน้าบางๆ เลือกเมคอัพสีอ่อนๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้หญิงเราดูอ่อนเยาว์ลง คือเมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเริ่มเห็นกระแสตรงนี้ก็เลยนำเครื่องสำอางจากเกาหลีเข้ามาจำหน่าย ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีมาก ปัจจุบันก็มีเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลีที่เข้าเปิดตลาดในไทยอยู่ถึง 4-5 แบรนด์ ต้องบอกว่าปัจจุบันในบ้านเราเทรนด์กาหลีฟรีเว่อร์มาก แล้วก็เชื่อว่าเทรนด์นี้ยังอยู่ต่อไปอีกหลายปี ” เสาวณี กล่าวตบท้ายถึงการแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลีซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้
ดารานักร้องเกาหลี คือต้นแบบของเทรนด์แฟชั่น
ผมทรงนี้เกาหลีสุดๆ

ทรงผมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หนุ่มสาวให้ความสนใจไม่แพ้การแต่งตัวแต่งหน้า และก็แน่นอนว่าทรงผมสไตล์เกาหลีก็กำลังเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวไทยเช่นกัน ยุน ซองจุน Hair Stylist ประจำร้าน Prestige Hair ร้านตัดผมแนวเกาหลีซึ่งเป็นที่รู้ในหมู่วัยรุ่น พูดถึงสไตล์การตัดผมแบบเกาหลีให้ฟังว่า
ยุน ซองจุน Hair Stylist ประจำร้าน Prestige Hair ร้านตัดผมแนวเกาหลีซึ่งเป็นที่รู้
ไลน์ผมพลิ้วไหว ไม่แข็งทื่อ

จุดเด่นของทรงผมสไตล์เกาหลีคือไลน์ผมดูพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ มี texture หรือมีรายละเอียดของผม อาจจะสะบัดไปทางซ้ายบ้างทางขวาบ้าง ไม่เป็นระเบียบ มีการสไลด์ปลายผมให้ปลายผมแต่ละช่อไม่เท่ากัน แม้แต่ผมเหยียดตรงก็ไม่ตรงตลอดทั้งเส้น ปลายอาจจะตวัดเข้า ตวัดออก หรือหงอนไปด้านใดด้านหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผมสไตล์เกาหลีคือการใช้มูสจัดแต่งทรงผมเพื่อให้แนวผมชี้ไปชี้มาดูเป็นธรรมชาติและมี volume นอกจากนั้นผมหน้าม้าก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ชาวเกาหลีนิยม ไม่ว่าจะผมสั้น ผมยาว ผมหยิก ผมหยักศก หรือผมตรง ก็ต้องตัดหน้าม้าไว้ก่อน ทั้งนี้เพราะคนเกาหลีส่วนมากกรามใหญ่และรูปหน้าเป็นสี่เหลี่ยม การตัดผมหน้าม้าและปัดปลายผมมาปิดข้างแก้มจึงช่วยลดจุดบกพร่องดังกล่าวได้ ส่วนการทำสีผมนั้นคนเกาหลีจะนิยมทำไฮไลท์สีผมเป็นบางส่วนเท่านั้น จะไม่มีการโกรกผมเป็นสีเดียวกันทั้งศีรษะเหมือนกับสาวๆในเมืองไทย

“ เทรนด์ปี 52 จะไม่ทิ้งจากปี 51 มากนัก คือปี 51 จะเป็นผมสั้น มี volume ส่วนปี 52 ก็ยังเน้น volume อยู่ แต่จะไม่ fix เป็นผมสั้นหรือผมยาว ส่วนด้านหน้าเป็นผมหน้าม้า ซึ่งทรงนี้จะช่วยแก้จุดบกพร่องได้หลายอย่าง เช่น คนที่หน้าผากกว้างเกินไป โหนกแก้มใหญ่ คางยาว ผมยังดูไม่มีสไตล์ เพราะการตัดหน้าม้าจะทำให้หน้าดูเล็กลง ช่วยพลางจุดบกพร่องต่างๆได้ และทำให้สไตล์ดูเปลี่ยนไป นอกจากนั้นในช่วงซัมเมอร์ก็จะมีการทำไฮไลท์สีผมให้เห็น ซึ่งสีที่มาแรงในปีนี้ได้แก่ สีบรอนซ์ และสีน้ำตาลอ่อน โดยจะทำไฮไลท์สีเดียวหรือ 2-3 สีก็ได้ไม่จำกัด

ปกติแล้วคนเกาหลีจะเปลี่ยนทรงผมบ่อยมาก เฉลี่ยทุก 2 เดือน เช่น จากผมตรงเป็นผมดัด ดัดแล้วก็ยืดและตัดให้สั้นลง จากดัดลอนใหญ่เป็นดัดลอนเล็ก แล้วอย่างผมดัดเนี่ยที่เกาหลีก็จะมีหลายแบบหลายสไตล์มาก อาจจะดัดเพิ่ม volume ตรงกลางและตรงปลายเป็นลอนดูเบาๆ หรือดัดหยิกเฉพาะปลายผม ส่วนผมตรงก็หลากหลายเช่นกัน เช่น ยืดให้ด้านบนเป็นแนวตรง ส่วนปลายงุ้มเข้า ยืดแบบปลายผมสวอนออก ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเกาหลีต้องเข้าร้านทำผมบ่อยๆเพราะทรงผมที่พวกเขานิยมนั้นเป็นทรงที่ต้องการการดูแลจัดแต่งทรง” ยุน อธิบายถึงสไตล์การตัดผมแบบเกาหลี
ทรงผมของหนุ่มสาวเกาหลีจะเน้นการจัดแต่งผมให้ดูพลิ้วไหว และมี volume ดูเป็นะรรมชาติ
วัยรุ่นไทย แห่ใช้บริการ

ปัจจุบันนี้ทรงผมสไตล์เกาหลีเป็นที่นิยมอย่างมาก สังเกตได้ว่ามีร้านตัดผมจำนวนไม่น้อยที่ขึ้นป้ายโฆษณาว่าให้บริการตัดผมสไตล์เกาหลี และบางร้านถึงขนาดจ้างช้างตัดผมจากแดนกิมจิมาเป็นช่างประจำร้านเลยทีเดียว

“ ผมสไตล์เกาหลีเริ่มเข้ามาในเมืองไทยนานแล้วนะ แต่เพิ่งจะมาฮิตจริงๆเมื่อ 1-2 ปีมานี้ ตอนนี้มีร้านตัดผมสไตล์เกาหลีเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ ร้านตัดผมทั่วๆไปก็เพิ่มการบริการตัดผมแบบเกาหลีเข้ามาด้วย อย่างที่ร้าน Hair Stylist นี่ลูกค้าแน่นทุกวัน ต้องโทร.จองคิวล่วงหน้ากันเลย

สำหรับคนไทยที่จะตัดผมสไตล์เกาหลีนั้นผมแนะนำว่าเนื่องจากคนไทยมีรูปหน้าเล็กและตัวเล็ก ดังนั้นทำผมลีบจะดูไม่ดี ควรจัดแต่งทรงให้โคนผมดูมี volume ควรทำสีผมเพื่อให้หน้าดูสว่างขึ้น เพราะผมสีดำตามธรรมชาตินั้นเมื่อรวมกับสีผิวซึ่งเข้มอยู่แล้วจะทำให้ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส และที่สำคัญควรเลือกทรงผมให้เหมาะกับใบหน้ามากกว่าจะวิ่งตามเทรนด์แฟชั่น” ยุนกล่าวตบท้ายไว้อย่างน่าสนใจ

* * * * * * * * * * *

เรื่อง – จินดาวรรณ สิ่งคงสิน
ภาพ – วารี น้อยใหญ่

กำลังโหลดความคิดเห็น