xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 28 ก.ย.-4 ต.ค.2551

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1. รบ. “ตีสองหน้า” ปากบอกตั้ง ส.ส.ร. แต่เร่งดัน “รธน.ฉบับ นปก.”!

หลัง 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยจากทั่วประเทศ ออกแถลงการณ์เสนอให้นายกฯ ประกาศวาระแห่งชาติในการแก้ไขวิกฤตร้ายแรงทางการเมือง ด้วยการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูประบบการเมืองการปกครองโดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อหาแนวทางในการปฏิรูปการเมืองโดยยึดหลักการเพิ่มบทบาทของการเมืองภาคประชาชน การกระจายอำนาจ การจัดระบบการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองที่เหมาะสมเป็นธรรม และจัดระบบตรวจสอบการใช้อำนาจทางการเมือง ฯลฯ เมื่อวันที่ 26 ก.ย. แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ กลับมีท่าทีไม่สนข้อเสนอดังกล่าว โดยอ้างว่า ต้องพิจารณาก่อนนั้น ปรากฏว่า อธิการบดีบางท่าน(เช่น ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า) ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีของนายสมชายสะท้อนถึงการไม่เคยคิดที่จะปฏิรูปการเมืองเลย ทั้งนี้ 24 อธิการบดีได้มอบแถลงการณ์ข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองฯ ให้นายสมชายแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ย. แต่นายสมชายก็ไม่ได้ทำตามข้อเสนอดังกล่าว โดยวันต่อมา(29 ก.ย.)หลังจากนายสมชายประชุมลับกับบรรดารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคแล้ว ได้ข้อสรุปว่า จะแก้วิกฤตบ้านเมืองด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 แทน โดยจะแก้มาตรา 291 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการ จากนั้นวันต่อมา(30 ก.ย.)ที่ประชุม ครม.ก็ไฟเขียวให้แก้ รธน.มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.มาแก้ รธน.โดยได้บรรจุเรื่องดังกล่าวไว้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาในวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ด้วย ทั้งนี้ หลังรัฐบาลมีมติจะแก้ รธน.และตั้ง ส.ส.ร.แทนการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองที่ 24 อธิการบดีเสนอ ปรากฏว่า มีทั้งผู้สนับสนุน-คัดค้าน และเคลือบแคลง เช่น นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อแก้ รธน. เพราะเป็นการเปิดให้ทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้งได้เข้ามาร่วมหารือเพื่อแก้ไขเนื้อหา รธน. ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลไม่รับข้อเสนอ 24 อธิการบดีที่ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมือง แต่กลับตั้ง ส.ส.ร. ถือเป็นเกมการเมืองเพื่อต่ออายุรัฐบาล เพราะขณะนี้ 3 พรรคร่วมรัฐบาล(พรรคพลังประชาชน-ชาติไทย-มัชฌิมาธิปไตย)กำลังจะถูกยุบ ดังนั้นจะแน่ใจได้อย่างไรว่าการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาแก้ รธน.จะไม่มีการลักไก่แก้ รธน.เพื่อฟอกผิดให้ 3 พรรคและ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ นอกจากพันธมิตรฯ จะไม่ไว้ใจการตั้ง ส.ส.ร.ของรัฐบาลแล้ว พันธมิตรฯ ยังได้ระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองใหม่จากกลุ่มอาชีพต่างๆ เป็นรอบที่ 3 เมื่อวันที่ 1 ต.ค.โดยนอกจากที่ประชุมจะเห็นว่า ควรให้มีสภา 2 สภา คือ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) 400 คน โดยแบ่งเป็น ส.ส.เขตพื้นที่ 200 คน และ ส.ส.จากสาขาอาชีพและทุกภาคส่วน 200 คน และ 2. สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) 150 คน โดยเป็นรูปแบบเดิม คือมาจากการเลือกตั้ง 76 คน และคัดสรรอีก 74 คน แต่ควรให้ประชาชนเข้ามาร่วมคัดสรรแล้ว ที่ประชุมยังรับหลักการให้มีการจัดตั้ง “สภาประชาชน”เพื่อปลูกจิตสำนึกและให้ความรู้ทางการเมือง รวมทั้งทำหน้าที่ตรวจสอบและถอดถอนอำนาจรัฐด้วย โดยมอบหมายให้นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรท์และศิลปินแห่งชาติ ไปศึกษาเค้าโครงรูปแบบของสภาประชาชน ด้าน นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่าง รธน.2550 ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะให้มีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาแก้ รธน.เพราะ ส.ส.ร.ที่ได้มาอาจอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคพลังประชาชน โดยเห็นว่า ควรตั้งคณะกรรมการอิสระฯ ตามข้อเสนอของ 24 อธิการบดีมากกว่า พร้อมเรียกร้องให้ 24 อธิการบดีแสดงบทบาทนำทางสังคมต่อไป โดยเปิดเวทีสาธารณะทั่วประเทศให้ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพร่วมกันกำหนดทิศทางของประเทศว่าจะปฏิรูปการเมืองกันอย่างไร เช่น วางกฎกติกาวิธีการให้ได้นักการเมืองที่โกงน้อยที่สุด และให้ประชาชนสามารถดูแลตรวจสอบนักการเมืองได้ง่าย เป็นต้น ขณะที่ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 24 อธิการบดีที่ออกแถลงการณ์เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองฯ พูดถึงกรณีที่รัฐบาลจะแก้ รธน.มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.มาแก้ รธน.ว่า เราเสนอให้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง แต่รัฐบาลบอกว่าต้องแก้ รธน.ก่อน ซึ่งฟังดูอาจคล้ายกัน แต่เป้าหมายของ 24 อธิการบดีคือต้องการให้หาคนกลางมาก่อน แล้วค่อยเข้าสู่กระบวนการตาม รธน.ในภายหลัง หากจะแก้ รธน.ก่อน ต้องใช้เวลานาน สุดท้ายเรื่องก็จะไม่จบ ดังนั้นสัปดาห์หน้า 24 อธิการบดีจะกำหนดท่าทีอีกครั้งว่า จะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไรหรือควรจะยุติบทบาทเรื่องนี้ แม้สังคมจะสนับสนุนข้อเสนอของ 24 อธิการบดีก็ตาม ด้านรัฐบาล ไม่เพียงออกมติ ครม.ให้แก้ รธน.มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ยังได้นัดผู้นำ 4 ฝ่ายหารือเรื่องแก้ รธน.เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ประกอบด้วย ประธานสภาฯ –ประธานวุฒิสภา-นายกฯ –ผู้นำฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม สังคมได้เห็นนายชัยตี 2 หน้าในเวลาเดียวกัน เพราะด้านหนึ่งเดินเรื่องให้ผู้นำ 4 ฝ่ายหารือเรื่องแก้ รธน.เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ตามที่รัฐบาลอ้างว่าเพื่อปฏิรูปการเมือง แต่ขณะเดียวกันนายชัยก็ได้บรรจุร่าง รธน.ที่ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม รธน.2550(คปพร.) ซึ่งเป็น 1 ในแกนนำ นปก.เสนอ เพื่อให้ที่ประชุมสภาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาแล้วเสร็จในวันที่ 9 ต.ค.แล้ว(ร่าง รธน.ฉบับ นพ.เหวง นอกจากจะเอื้อต่อคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะตัดมาตรา 309 ทิ้งแล้ว ยังจะส่งผลต่อคดียุบพรรคด้วย เพราะมีการปรับปรุงมาตรา 237) ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า หากรัฐบาลต้องการตั้ง ส.ส.ร.เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ รธน.จริง เหตุใดจึงต้องรีบบรรจุร่าง รธน.ฉบับ นพ.เหวงให้สภาพิจารณา เหตุใดจึงไม่ชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน เพราะหากร่าง รธน.ดังกล่าวเข้าสภา ที่ประชุมต้องลงมติว่าจะรับหลักการร่าง รธน.นั้นหรือไม่ และ ส.ส.เสียงข้างมากของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนจะลงมติอย่างไร ทั้งนี้ นายชัย ชิดชอบ ได้ออกมายืนยันว่า ตนจำเป็นต้องบรรจุร่าง รธน.ของ นพ.เหวงเข้าสภา เพราะหากไม่บรรจุ จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อาจติดคุกได้ ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ก็ออกอาการหนุนนายชัยที่บรรจุร่าง รธน.ฉบับ นพ.เหวงเข้าสภา โดยบอกว่า นพ.เหวงเสนอแก้ไข รธน.ตามช่องทางที่มาตรา 291 เขียนไว้ รัฐบาลไปก้าวก่ายไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเป็นผู้คุมเสียงข้างมากในสภา เป็นไปได้หรือไม่ที่จะขอให้สมาชิกพรรคร่วมฯ ไม่รับหลักการหรือเลื่อนการพิจารณาร่าง รธน.ของ นพ.เหวงออกไปก่อน นายสมชาย ตอบว่า รธน.2550 ให้ ส.ส.มีอิสระ ดังนั้นจะไปกำหนดกฎเกณฑ์ทำให้เขาไม่มีอิสระไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รัฐบาลไม่กลัวข้อครหาหรือ เพราะร่าง รธน.ของ นพ.เหวงดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมชาย ตอบแบบเลี่ยงๆ เพื่อให้พ้นตัวรัฐบาลว่า “ผมยังไม่เห็นร่างอะไรทั้งนั้น แต่คิดว่า เมื่อเข้ามาแล้วก็เป็นเรื่องของสภาโดยแท้ ไม่ได้ผ่านรัฐบาลอะไรทั้งนั้น รัฐบาลไม่มีส่วนช่วยท่านเขียน ไม่เกี่ยวเลย” อย่างไรก็ตาม แม้สังคมจะเคลือบแคลงการตี 2 หน้าของรัฐบาลและนายชัย(ที่ทั้งเสนอแก้ รธน.มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.และเร่งบรรจุร่าง รธน.ฉบับ นพ.เหวงให้สภาพิจารณา) แต่สุดท้ายที่ประชุมผู้นำ 4 ฝ่าย(ประธานสภาฯ-ประธานวุฒิสภา-นายกฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน) ก็ดูจะไม่ติดใจประเด็นดังกล่าวเท่าใดนัก โดยได้เห็นพ้องให้มีการแก้ รธน.มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. พร้อมคาดว่าการแก้มาตรา 291 จะใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน เพื่อให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมา จากนั้นกระบวนการแก้ รธน.ไม่น่าจะเกิน 7 เดือน ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคจะหารือร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปว่ารูปแบบของมาตรา 291 ที่จะแก้ไข ควรเป็นอย่างไรในวันที่ 6 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเสียงค้านการแก้ รธน.จากนักวิชาการหลายคน เช่น อ.นันทวัฒน์ บรมะนันท์ แห่งคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ชี้ว่า การแก้ รธน.ในขณะนี้ถือว่าเร่งด่วนเกินไปและข้ามขั้นตอน เพราะหลังจากเกิดวิกฤตจากระบอบทักษิณยังไม่มีการสรุปปัญหา แต่มีการปฏิวัติและร่าง รธน.2550 ก่อน ดังนั้น ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาปัญหาก่อน โดยตั้งผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาเป็นกรรมการไม่เกิน 15 คน ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่า บุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าวก็คือ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ เพราะได้รับการยอมรับเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและมีบารมีสูง และว่า คณะกรรมการชุดนี้ควรทำงานไม่เกิน 2 เดือน และป้อนข้อมูลปัญหาอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมืองให้กับคนที่จะมาแก้ไข รธน.ต่อไป ขณะที่ ดร.เขียน ธีระวิทย์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และอดีต ส.ส.ร.ปี 2539 ชี้ว่า ตอนนี้คนกำลังหลงผิดว่ามีปัญหาแล้วโทษ รธน. ทั้งที่ รธน.ดี-ไม่ดีอยู่ที่คนใช้ ปัญหาเกิดจากการมีนักการเมืองไม่ดีและสร้างปัญหา ดังนั้นการแก้ปัญหาคือ ควรปราบนักการเมืองที่ไม่ดีให้ออกจากระบบหรือกำหนดกฎเกณฑ์ผู้สมัครให้ละเอียดถี่ยิบตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันให้คนไม่ดีไม่ให้เข้าสู่อำนาจ ดร.เขียน ยังดักคอคนที่จะแก้ รธน.ด้วยว่า การแก้ รธน.อย่าหมกเม็ดแก้สิ่งที่ดีอยู่แล้วก็แล้วกัน เช่น การยุบพรรค เป็นต้น

“สมชาย” โยนแก้ รธน.เป็นหน้าที่สภา ไขสือไม่เคยเห็นร่าง คปพร.
น่าเชื่อ!! สมชายอาสาคุย 6 พรรคร่วม รบ.คว่ำร่าง รธน.ฉบับ “หมอเหวง”
“โมเช่” ขึงขังเข็นร่างแก้รธน.ฉบับ คปพร.เข้าสู่สภา
นายกฯไม่รับรู้ “ชัย” สอดไส้แก้ รธน.ฉบับ คพปร.
ดร.สุรพล เสียดายรัฐบิดเบือนข้อเสนอ 24 อธิการฯ
“ประสพสุข” คาดหวังแก้รธน.ตั้งสภาร่างฯ ไม่น่ามีวาระซ่อนเร้น
พันธมิตรฯสัมมนาการเมืองใหม่ เน้นวาระที่มาของสภา


ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ร่ำไห้ หลังทราบว่านายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ถูกตำรวจจับ
2."คนสนิทบิ๊กจิ๋ว" แฉ ตร.ตระบัดสัตย์ รับปากแล้วให้เวลาเจรจาพันธมิตรฯ แต่กลับชิงรวบตัว "ไชยวัฒน์"!

หลังจากชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ปรากฏใน “ครม.สมชาย 1”ในตำแหน่งรองนายกฯ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้สังคมพอสมควรว่าเหตุใด พล.อ.ชวลิตจึงยอมเข้าร่วม ครม.ชุดนี้ ขณะที่บางฝ่ายวิเคราะห์ว่า เหตุที่นายสมชายดึง พล.อ.ชวลิตเข้าร่วม ครม.ก็เพื่อสลายกลุ่มเพื่อนเนวินและดึงฐานเสียงภาคอีสานในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย. พล.อ.ชวลิตได้เผยถึงเหตุผลที่รับตำแหน่งรองนายกฯ ว่า เพราะได้รับการร้องขอว่าให้มาช่วยชาติ ซึ่งถือเป็นความต้องการของตนอยู่แล้ว เพราะบ้านเมืองค่อนข้างมีปัญหาโดยเฉพาะความแตกแยก ต้องหาคนมาช่วยกันพูดจา พล.อ.ชวลิต ยังส่งสัญญาณว่าจะเป็นตัวกลางเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย โดยหยอดคำหวานว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ก็เป็นพี่น้องกัน เกือบจะพูดได้ว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน และมีความคิดที่ค่อนข้างน่ารัก ตรงไปตรงมา... ทั้งนี้ คำพูดของ พล.อ.ชวลิต สะท้อนว่าน่าจะได้รับมอบหมายจากนายสมชายซึ่งเคยโทรศัพท์พูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาก่อนแล้ว ให้มาสานต่อการเจรจาดังกล่าว ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (ซึ่งได้ขึ้นรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชนหลังนายสมัคร สุนทรเวช ยอมลาออกเมื่อวันที่ 29 ก.ย.) ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ตามที่นายสมชายเคยบอกกับผู้สื่อข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะเข้าคารวะ พล.อ.เปรม ทั้งนี้ พล.อ.เปรมได้หารือกับนายสมชายสองต่อสองเป็นเวลาประมาณ 40 นาที แต่หลังหารือ นายสมชายไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดใดแก่ผู้สื่อข่าว โดยบอกเพียงว่า พล.อ.เปรมเมตตา และได้ให้คำแนะนำที่ดี ส่วนรายละเอียดการสนทนาขอปิดเป็นความลับ ทั้งนี้ นอกจากนายสมชายจะเข้าพบ พล.อ.เปรมแล้ว ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมชาย ในฐานะสามีนางเยาวภาและน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และอัฐิตระกูลชินวัตรเมื่อวันที่ 2 ต.ค. โอกาสนี้ นายสมชายได้การันตีความเป็นคนดีของ พ.ต.ท.ทักษิณต่อหน้าชาวเชียงใหม่ด้วยว่า “คนที่สนับสนุนตนมาตั้งแต่เริ่มต้นคือท่านทักษิณ ฉะนั้นเรามีความผูกพันกันอยู่ ท่านจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ท่านเป็นคนดีของผม เป็นคนที่ผมให้ความเคารพ เชื่อมั่น ยึดถือศรัทธา และมั่นใจว่าท่านเป็นคนดี...” สำหรับความพยายามเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ของ พล.อ.ชวลิตนั้น เมื่อวันที่ 2 ต.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ เผยว่า พล.อ.ชวลิตได้โทรศัพท์พูดคุยด้วย 2 ครั้งแล้ว โดยมีความคืบหน้าไปมาก พล.ต.จำลอง ยังบอกด้วยว่า พันธมิตรฯ พร้อมหารือทุกหัวข้อที่เป็นปัญหาของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองใหม่ การแก้ไขวิกฤตชาติ การปฏิรูปการเมือง การตั้ง ส.ส.ร.3 รวมทั้งการยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ได้ให้ พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ หรือเสธ.หมึก นายทหารคนสนิท เดินทางไปพบ พล.ต.จำลองภายในทำเนียบรัฐบาลด้วยเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดี แต่แล้วก็เกิดสัญญาณร้ายขึ้นในวันต่อมา(3 ต.ค.) เมื่อนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ถูกตำรวจจับกุม โดยตำรวจศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนฯ ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายไชยวัฒน์ที่หน้าบ้านพักในหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง จากนั้นตำรวจได้นำตัวนายไชยวัฒน์ไปสอบและควบคุมตัวไว้ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี เพื่อขอศาลอาญาฝากขังในวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงว่า การที่บรรยากาศการเจรจาระหว่าง พล.อ.ชวลิตกับแกนนำพันธมิตรฯ กำลังเป็นไปด้วยดี แต่ตำรวจกลับเปิดเกมรุกด้วยการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ข้อหากบฏนั้น อาจส่งผลต่อการเจรจาเพื่อยุติปัญหาได้ โดยนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์ เหมือนต้องการคว่ำการเจรจาระหว่างทุกฝ่าย และเหมือนเป็นการตบหน้า พล.อ.ชวลิตที่พยายามเข้ามาประสาน นายสุริยะใส ยังคาดด้วยว่า การจับนายไชยวัฒน์ อาจเป็นการทำเอาใจนายใหม่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)คนใหม่ นรต.26 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์ ไม่ได้รับคำสั่งจากฝ่ายการเมืองหรือบุคคลใด แต่เป็นเพราะนายไชยวัฒน์เป็นผู้ต้องหาที่ศาลออกหมายจับคดีกบฏ เมื่อตำรวจเจอตัวก็ต้องจับ หากไม่จับ ตำรวจก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.ท.สุชาติ ยังบอกด้วยว่า ผู้ต้องหาอีก 8 คน หากพบที่ไหนก็ต้องจับเช่นกัน พร้อมยืนยัน ไม่กลัวหากพันธมิตรฯ เคลื่อนมาชุมนุมกดดันที่ บช.น.โดยบอกว่า ตนจะยอมตายเพื่อปกป้องสถานที่และไม่กลัวว่าจะต้องติดคุก หากต้องใช้ความรุนแรง... เป็นที่น่าสังเกตว่า การที่ตำรวจจับกุมนายไชยวัฒน์ โดยอ้างว่าจับตามที่ศาลออกหมายจับข้อหากบฏนั้น ได้ถูกตั้งคำถามจากหลายฝ่ายว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่ เนื่องจากแกนนำพันธมิตรฯ ได้มีการอุทธรณ์ให้ศาลเพิกถอนหมายจับดังกล่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ไม่เท่านั้นก่อนหน้านี้ ได้มีนักวิชาการและนักกฎหมายจำนวนมาก ชี้ว่า ตำรวจตั้งข้อหา 9 แกนนำพันธมิตรฯ รุนแรงเกินจริง เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการเคลื่อนไหวในระบอบประชาธิปไตย ไม่เข้าข่ายเป็นกบฏแต่อย่างใด อีกทั้งล่าสุด ได้มีองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กรออกมาประท้วงและทำหนังสือถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ให้เพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ข้อหากบฏ เช่น สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ(ไอทีเอฟ) ,ศูนย์สมานฉันท์เพื่อแรงงานสากล(ไอซีแอลเอส)ในประเทศเกาหลีใต้ ,สมาพันธ์แรงงานรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น(เจอาร์ยู) ,สหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไต้หวัน ,สภาแรงงานและองค์กรผู้ใช้แรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ตำรวจ(สน.นางเลิ้ง)ได้ขอศาลให้อนุญาตฝากขังนายไชยวัฒน์เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันนี้(4 ต.ค.)ถึง 15 ต.ค.โดยอ้างว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีกจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถระบุจำนวนได้ และต้องรอตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวกับการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาและแนวร่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศนั้น แม้ว่าทนายความของพันธมิตรฯ นำโดย นายสุวัตร อภัยภักดิ์ จะร้องคัดค้านการฝากขัง พร้อมยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวนายไชยวัฒน์ โดยให้เหตุผลว่า การจับกุมนายไชยวัฒน์ครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะหมายจับยังไม่มีผล เนื่องจากพันธมิตรฯ ขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้มีเจตนาล้มล้าง รธน.แต่ทำหน้าที่ปกป้อง รธน.ไม่ให้รัฐบาลนายสมัครแก้ รธน.เพื่อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ฝากขัง 12 วันตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ เนื่องจากพนักงานสอบสวนยืนยันว่า จำเป็นต้องตรวจสอบและสอบปากคำพยานอีกจำนวนมาก ซึ่งยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ ส่วนกรณีที่นายไชยวัฒน์ค้านว่า หมายจับระงับไว้ชั่วคราว เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น ศาลเห็นว่า นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ต้องหา เพราะเมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าหมายจับของศาลอาญายังมีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย ด้านนายไชยวัฒน์ กล่าวในเวลาต่อมาว่า ยอมรับคำสั่งศาล แต่ยังติดใจในการยื่นคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ขอยื่นประกันตัวในวันนี้(4 ต.ค.) โดยจะรอฟังคำสั่งศาลที่จะพิจารณากรณีที่ทนายของพันธมิตรฯ ยื่นขอให้เพิกถอนหมายจับข้อหากบฏในวันที่ 6 ต.ค.นี้ก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะใช้สิทธิประกันตัวหรือไม่ ด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ชี้ว่า การที่ตำรวจจับกุมนายไชยวัฒน์ จะสะเทือนถึงการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯ แน่นอน และคงต้องระงับการเจรจาไปก่อน พร้อมยอมรับว่า พล.อ.ชวลิตรู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการพูดคุยกับพันธมิตรฯ กำลังเป็นไปด้วยดี ต่างคนต่างเข้าใจกัน เหลือแค่คุยรายละเอียดเพียงเล็กน้อย โดย พล.อ.ชวลิตมองว่า วิถีทางของพันธมิตรฯ เป็นอีกแนวทางหนึ่งของคนรักชาติและต้องการแก้ไขบ้านเมืองให้ดี เจริญก้าวหน้า หากสามารถปรับให้เข้ากันได้ ก็จะร่วมมือกันได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า เหตุการณ์จับกุมนายไชยวัฒน์เป็นการวางยาหรือสกัด พล.อ.ชวลิต พล.ท.พิรัช บอกว่า พูดไม่ได้ เพราะอาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางราชการ อย่างไรก็ตาม พล.ท.พิรัช เผยว่า ตั้งแต่เริ่มวางแผนเจรจากับพันธมิตรฯ ได้บอกกับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 แล้วว่า ขอเวลา 7-8 วัน ซึ่งมีการรับปากกันเรียบร้อย แต่เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นได้

“จิ๋ว” รับงานกล่อมพันธมิตรฯ1-2 วันนี้หวานใส่ “จำลอง” บอกน่ารักคุยง่าย
พันธมิตรฯ เฉ่งรัฐบาลตีสองหน้า-ชี้ใบสั่งการเมืองรวบ “ไชยวัฒน์”
ตร.ดักหน้าทางด่วนรวบ“ไชยวัฒน์” - เจ้าตัวไม่ประกัน ชี้ ตร.ทำมิชอบ
แรงงานปินส์-ไต้หวันประท้วงรัฐบาลไทยจี้ถอนหมายจับ 9 พันธมิตรฯ
ตร.ยันจับ “ไชยวัฒน์” ไม่มีใบสั่งการเมือง! ไม่หวั่น พธม.บุกแต่เตรียม “แก๊สน้ำตา” รับ

“สมชาย” เข้าพบ “ป๋าเปรม”ปัดคุยเรื่องพันธมิตร-"แม้ว"
กองเชียร์พันธมิตรฯ หลั่งน้ำตาหลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง"ไชยวัฒน์"

“สุริยะใส” ชี้ ผบช.น.เร่งจับแกนนำ สร้างผลงานชิ้นแรกเอาใจ “แม้ว”

 
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ กกต.สอบคุณสมบัตินายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ หลังตรวจสอบพบนายสมชายถือหุ้น บ.ซีเอส ล็อกอินโฟฯ(29 ก.ย.)
3. “สมชาย”ยัน ไม่หนักใจถูกตรวจสอบ แต่ไม่กล้าตอบ ถือหุ้น “ซีเอสฯ”จริงหรือไม่!

หลังจากนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ว่ามีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือแจ้งเท็จหรือไม่ กรณีไม่แจ้งหนี้สินที่ น.ส.ชินณิชาเคยอ้างว่ากู้ยืมมาจากนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน จำนวน 100 ล้านบาทนั้น ปรากฏว่า ล่าสุด นายเรืองไกร ได้เดินหน้าตรวจสอบนายสมชายด้วย โดยได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ที่อาจขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.เนื่องจากมีพฤติการณ์ซึ่งอาจเข้าลักษณะเป็นการกระทำอันต้องห้ามตาม รธน.มาตรา 267 ประกอบมาตรา 265 และ 106(6) อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง เพราะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ตามมาตรา 171 วรรคสอง รวมทั้งขาดคุณสมบัติตามมาตรา 48 กรณีถือหุ้นในบริษัท ซีเอส ล็อกอินโฟ จำกัด(มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการข้อมูลทางโทรคมนาคมด้วยการให้บริการอินเตอร์เน็ต และมีใบอนุญาตประกอบกิจการจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด ทั้งนี้ นายเรืองไกร บอกว่า ตนได้ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสมชายต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ตั้งแต่เป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน รวมทั้งที่ยื่นตอนเป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีศึกษาธิการเมื่อวันที่ 6 ก.พ.พบว่า มีเงินลงทุนในบริษัท ซีเอส ล็อกอินโฟ 1 แสนหุ้น จึงเข้าข่ายขัด รธน.มาตรา 48 ที่ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชนหรือโทรคมนาคม ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังได้รับอนุญาตจากรัฐ ซึ่ง รธน.มาตรา 265(2) ระบุห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ นายเรืองไกร ยังบอกด้วยว่า จะรวบรวมรายชื่อ ส.ว.1 ใน 10 ของ ส.ว.ทั้งหมด เพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมชายด้วย รวมทั้งอาจยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบกรณีที่นายสมชายไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ในส่วนของบ้านพักย่านถนนแจ้งวัฒนะ ที่นายสมชายใช้เป็นสถานที่รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งมีเนื้อที่ 8 ไร่ มูลค่า 200 ล้านบาท ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ยืนยัน ไม่มีอะไรหนักใจ และว่า เรื่องการตรวจสอบทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ก็ดำเนินการกันไป อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามถามนายสมชายหลายครั้งว่า ได้หุ้นบริษัทซีเอส ล็อกอินโฟมาได้อย่างไรและยังถือหุ้นอยู่ใช่หรือไม่ แต่นายสมชายพยายามเลี่ยงไม่ตอบ โดยบอกว่า ต้องไปตอบกับผู้ที่มีหน้าที่ดำเนินการเรื่องนี้

“เรืองไกร” ไล่บี้ “สมชาย” ยื่น กกต.สอบถือหุ้นซีเอสฯ ส่อตกเก้าอี้นายกฯ
บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย
4. “กกต.”ส่งสำนวนยุบพรรค “ชท.-มฌ.”ให้ศาล รธน.แล้ว แต่ส่อยื้อคดียุบ “พปช.”!

หลังจากอัยการได้ยื่นสำนวนพร้อมความเห็นยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.)ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วเมื่อวันที่ 23 ก.ย. ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ต.ค.นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดียุบพรรคการเมือง ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยยุบพรรคชาติไทยตาม รธน.มาตรา 68 แล้ว โดยนอกจากอัยการจะนำสำนวนเอกสารหลักฐานคดียุบพรรคชาติไทยมอบให้ศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 3 ลังแล้ว ยังได้มอบเอกสารเพิ่มเติมคดียุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยอีก 1 ลังแก่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย ทั้งนี้ นายเศกสรรค์ เผยว่า อัยการสูงสุดได้ลงความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคทั้งสองตามพยานหลักฐาน ส่วนพฤติการณ์ของ 2 พรรคมีการกระทำผิดที่แตกต่างกัน แต่ไม่ขอเปิดเผย เพราะเป็นความลับ ส่วนคดียุบพรรคพลังประชาชนที่ กกต.ส่งสำนวนให้อัยการตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ซึ่งอัยการต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนั้น นอกจากจะยังไม่มีความคืบหน้าแล้ว ทางพรรคพลังประชาชนยังพยายามประวิงเวลาด้วยการร้องขอความเป็นธรรมด้วย โดยนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานคดียุบพรรคพลังประชาชน ได้เรียกประชุมคณะทำงานคดีนี้เมื่อวันที่ 2 ต.ค. หลังประชุม นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ คณะทำงานและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า เนื่องจากพรรคพลังประชาชนได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะทำงานเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ประชุมจึงมอบหมายให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ ซึ่งเป็นคณะทำงาน ตรวจสอบรายละเอียดว่า ประเด็นที่พรรคพลังประชาชนร้องขอความเป็นธรรมนั้น เป็นประเด็นที่ซ้ำกับที่ กกต.เคยสอบสวนไปแล้วหรือไม่ และเป็นสาระเพียงพอที่จะตั้งคณะกรรมการร่วมกับ กกต.เพื่อหาข้อเท็จจริงให้มีความสมบูรณ์หรือไม่ เนื่องจากมีการร้องมาหลายประเด็น คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจะนำผลการตรวจสอบเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 7 ต.ค. ด้านนายเศกสรรค์ บอกว่า ได้ตั้งคณะทำงานย่อย 6 คนเพื่อตรวจสอบประเด็นของพรรคพลังประชาชน พร้อมเชื่อว่า การประชุมคณะทำงานในวันที่ 7 ต.ค.น่าจะมีความชัดเจนว่า จะเสนอความเห็นให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ลงนามเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน หรือต้องตั้งคณะทำงานร่วมกับ กกต.เพื่อให้สอบประเด็นเพิ่มเติม

อสส.ได้ฤกษ์ยื่นศาล รธน.ยุบชท.แล้ว พปช.จ่อคิวต่อไป

5. “ชูวิทย์”สติแตก กระทืบ “พิธีกรช่อง 3” หลังถูกซักจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ด้าน “สมาคมสื่อ”แถลงประณาม!
วิศาล ดิลกวณิช พิธีกรรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โชว์แผลที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ฟันศอกเข้าที่กกหูและท้ายทอย ก่อนกระทืบซ้ำที่กลางหลังและขา
บรรยากาศช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ นอกจากจะมีการหาเสียงกันอย่างคึกคักของบรรดาผู้สมัครแล้ว ยังเกิดเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อเมื่อวันที่ 2 ต.ค.เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 เกิดบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายพิธีกรของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 นายวิศาล ดิลกวณิช หลังได้รับเชิญไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทั้งนี้ นายวิศาล เผยว่า วันดังกล่าวได้นัดนายชูวิทย์มาออกรายการเพื่อพูดถึงนโยบายในการหาเสียง แต่นายชูวิทย์บอกก่อนออกรายการว่าจะไม่ขอพูดถึงนโยบาย เพราะจะเข้าไปสะสางปัญหาและตรวจสอบ และระหว่างที่รอออกรายการ ตนได้ถามนายชูวิทย์ว่า ทำไมเปลี่ยนป้ายหาเสียงจากการทำหน้าตาเรียบเฉย เป็นดูสุขุมขึ้น นายชูวิทย์ บอกว่า ที่เปลี่ยนเพราะต้องการปรับภาพลักษณ์สู้กับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครหมายเลข 5 จากพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นเมื่อถึงเวลาเข้ารายการจริง ได้สอบถามนายชูวิทย์ถึงกรณีที่ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ในช่วงเช้าว่า ทำไมยื่นตอนนี้ จะเป็นการดิสเครดิตนายอภิรักษ์หรือไม่? ซึ่งนายชูวิทย์ได้ตอบแบบมีอารมณ์และพูดเร็ว ทำให้ตนต้องคอยเบรก และแม้ว่านายชูวิทย์จะบอกก่อนเข้ารายการว่าจะไม่พูดถึงนโยบาย แต่ตอนสัมภาษณ์จริง นายชูวิทย์เปลี่ยนใจพูดเรื่องนโยบาย ตนก็ให้โอกาสชี้แจง แต่นายชูวิทย์ก็ไม่ยอมชี้แจง แถมตอบเหมือนชวนหาเรื่องชวนทะเลาะ พอตอนท้ายรายการ ตนได้ถามเรื่องป้ายหาเสียงว่า ทำไมถึงเปลี่ยน แต่นายชูวิทย์ก็ย้อนอีก ไม่ยอมตอบคำถาม จึงถามนายชูวิทย์ว่า ทำไมตอนแรกบอกว่า ที่ปรับ(ป้ายหาเสียง)ก็ปรับเพื่อสู้ ทำไมตอนนี้มาตอบอีกอย่าง นายชูวิทย์ก็ถามกลับว่า ทำไมจึงนำเรื่องหลังรายการมาคุย ตนจึงถามนายชูวิทย์ว่า หน้ากล้องกับหลังกล้องเป็นคนเดียวกันหรือไม่? ทำไมจึงมาระเบิดอารมณ์ จากนั้นเมื่อจบรายการ ตนได้เดินไปทางหลังกล้อง และพอหันกลับมา ก็เห็นนายชูวิทย์ตรงเข้ามาต่อยที่ใบหน้า และใช้ศอกกระแทกเข้ากกหูและท้ายทอยตน พอตนล้มลงหัวฟาดพื้น นายชูวิทย์ก็ยังมากระทืบเข้าที่กลางหลังและขาซ้ำอีก กระทั่งทีมงานของทั้งสองฝ่ายได้เข้ามาแยก ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุนายวิศาลได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมิติเวช ก่อนเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีนายชูวิทย์ ฐานทำร้ายร่างกาย โดยนายวิศาล ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุ ตนไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะตนไม่ใช่คนป่าเถื่อน ด้านนายชูวิทย์ ได้เปิดแถลงที่บ้านสวนชูวิทย์ว่า ยอมรับอย่างลูกผู้ชายกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะถูกนายวิศาลพูดดูถูกตลอดเวลา และระหว่างอยู่ในรายการก็พูดจาวกวนไปมาตลอด นายชูวิทย์ ยังบอกด้วยว่า หลังจบรายการ นายวิศาลเดินมาหาแล้วพูดว่า ผมไม่มีอะไรกับพี่นะ ตนจึงใช้ศอกขวาฟันโหนกแก้มไป 1 ครั้ง เมื่อนายวิศาลล้ม ก็กระทืบไปที่หน้าอีกครั้ง แต่จริงๆ แล้วตนตั้งใจจะกระทืบปากด้วยซ้ำ นายชูวิทย์ บอกต่อไปว่า ตนไม่ได้ทำอย่างนี้มา 20-30 ปีแล้ว ยอมขอโทษและรับผิด ยอมรับว่าคุกคามสื่อ แต่นายวิศาลยอมรับผิดด้วยหรือไม่ และขอโทษกับสิ่งที่ทำไว้หรือไม่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าถูกสื่อคุกคามเช่นกัน นายชูวิทย์ ยังยืนยันด้วยว่า นิสัยตนเป็นแบบนี้ เปลี่ยนไม่ได้ ส่วนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือคะแนนเสียงของตนในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่นั้น นายชูวิทย์ บอกว่า แล้วแต่ประชาชนจะตัดสินใจในวันที่ 5 ต.ค. ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ติงพฤติกรรมของนายชูวิทย์ว่า ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบุคคลสาธารณะที่เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมชี้ว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิศาลได้ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์นายชูวิทย์ แม้จะมีคำถามที่อาจทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของสื่อมวลชนในการตั้งคำถามกับผู้เสนอตัวให้ประชาชนเลือก ซึ่งนายชูวิทย์ก็มีสิทธิที่จะไม่ตอบคำถามได้ แต่ไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกายผู้อื่น จึงขอประณามพฤติกรรมของนายชูวิทย์ และขอให้ชาว กทม.โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกผู้ว่าฯ กทม. ด้านนายชูวิทย์ ได้ทำบันทึกถึงสมาคมนักข่าวฯ ทั้ง 2 องค์กรในเวลาต่อมา โดยยืนยันเหมือนเดิมว่า ตนยอมรับผิดในเหตุการณ์ที่ใช้กำลังและขอโทษต่อสมาคมสื่อและผู้สื่อข่าวทุกคน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนายวิศาลไม่ให้เกียรติตน ใช้คำถามยั่วยุเย้ยหยัน ตนจึงหมดความอดกลั้นและบันดาลโทสะถึงขั้นใช้กำลัง.

สมาคมนักข่าวฯ ประณาม “ชูวิทย์” ชก “วิศาล” พฤติกรรมไม่เหมาะ
“ชูวิทย์” ยืดอกรับ ระบุรับไม่ได้โดนด่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ตร.รอผลแพทย์จ่อหมายเรียก“ชูวิทย์” - “วิศาล” ยังมึน ถึงโลกหมุน!
“วิศาล” แฉ “ชูวิทย์” ประเคนแม่ไม้มวยไทยใส่-กระทืบซ้ำ!
“ชูวิทย์” ฟิวส์ขาด! ชก “วิศาล”คว่ำหลังสัมภาษณ์สด!!

กำลังโหลดความคิดเห็น