“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงแนะทูตให้ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย วางตัวให้ดี แสดงให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยเป็นคนพิเศษ วางตัวดี เป็นสัตว์พิเศษ แต่ไม่ใช่สัตว์ประหลาด พร้อมทรงเตือนสติอย่าเน้นทำเกษตรเพียงเพื่อขายต่างชาติ จนทำให้ความเป็นอยู่ของเราเองไม่ดีขึ้น รวมทั้งอย่าเห่อพลังงานทดแทนจนสุดท้ายกลายเป็นเฟ้อ
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.57 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานพระบรมราโชวาท ในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศ จัดการประชุมเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยประจำปี 2551
ในโอกาสนี้ นายนพดล ปัทมะ เฝ้าทูลละอองธุรีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับความภาคภูมิใจในความเป็นไทย การวางตัวของคนไทยให้ชาวต่างชาติตระหนักว่าคนไทย เป็นคนที่พิเศษ และมีความคิดที่วิเศษ ความสมดุล ระหว่างการใช้พื้นที่เพื่อการเกษตร การปลูกพืชพลังงานทดแทน การแก้ปัญหาภาคใต้ที่จะต้องสร้างความเข้าใจระหว่างกัน และการเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น และการใช้อินเทอร์เน็ต โดยทรงตรัสความตอนหนึ่งว่า
“ฉะนั้นก็ เราจะต้องพยายามที่จะวางตัวและให้รู้ว่าเราเป็นคนไทย เราเป็นคนไทยนี้ เป็นคนที่สามารถที่จะวางตัวอย่างดี แล้วก็เป็นตัวอย่างกับสัตวโลกนั้นว่า เป็นคนที่ไม่เหมือนกับคนอื่นในโลก ฉะนั้นเราก็ต้องวางตัวให้ดีแล้วก็จะต้องพยายามฝึกฝนตัวให้เป็นคนไทย ซึ่งต่างกับคนอื่นในโลก
แต่การที่วางตัวต่างกับคนอื่นในโลกต้องเข้าใจว่าวางตัวอย่างไม่ได้แปลกประหลาด ไม่ใช่สัตว์ประหลาด เป็นสัตว์พิเศษ เป็นคนที่มีความคิดที่ดี มีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น เรามีความคิดที่พิเศษ วิเศษจากคนต่างชาติ ถ้าเรามีการทำการเกษตรเพื่อเป็นอาหาร หรือเป็นสิ่งที่ขายต่างประเทศมากเกินไป เราก็ไม่ผลิตอะไรที่มาช่วยให้การเป็นอยู่ดีขึ้น
อันนี้เป็นสำคัญ ตอบยากว่าแค่ไหนพอเหมาะ ได้เห็นมาว่าเอะอะอะไรจะทำอะไรก็เห่อกัน เห่อว่าจะทำอะไรให้มากเกินไป ถ้าทำการเกษตรเพื่อเป็นพลังงานทดแทน นี่แหละคงหมายความว่าอย่างนั้น พลังงานทดแทน ถ้ามากเกินไปลงท้ายก็เฟ้อ
อย่างแผ่นดินไหวทางประเทศที่จะมีแผ่นดินไหวก็มีหลายแห่งโดยเฉพาะเขตแดนใกล้พม่านี้ก็มี มีแผ่นดินไหว แล้วเขาก็ถามว่า อยากไปอยู่ที่ไหนที่ไม่ค่อยมี เขาก็บอกว่า แถวภาคอีสานมีน้อย แต่ภาคอีสานก็มี แผ่นดินไหวมีทุกแห่งในโลกนี้จะมีแผ่นดินไหวในทุกแห่ง ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมกาย เตรียมใจว่า ในประเทศไทยก็อาจจะมีทุกเมื่อ แผ่นดินไหวหรืออะไรที่น่ากลัว ซึ่งแผ่นดินไหวข้าพเจ้าเองก็เคยเจอ ที่เชียงใหม่ตอนนั้นป่วย ไม่สบาย นอนอยู่ใต้โต๊ะ ก็คงแปลกนะ นอนอยู่ใต้โต๊ะ นอนใต้โต๊ะเนี้ยถูกต้อง ตามเรื่องของป้องกันแผ่นดินไหว แต่ตอนนั้นแผ่นดินยังไม่ไหว ก็ไปนอนอยู่ใต้โต๊ะแล้ว ก็ป่วย ก็ตามไปตามมาก็ไม่ได้เป็นอะไร หัวโหนกไม่ได้หัวโน แต่ว่าก็น่ากลัวเหมือนกัน เห็นมีโอ่ง มีอะไร เหมือนวิ่งไปวิ่งมา วิ่งไปวิ่งมาในห้อง แล้วดังครึ้งๆๆๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเตรียมตัว
มีพี่เลี้ยงของสมเด็จพระเทพฯ ได้เห็นโอ่งวิ่งไปวิ่งมา บอกอย่ามาหลอกผีเลย อย่ามาหลอก เขาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่ามีผี แต่เขาก็เห็นว่าผีมันหลอกจริงๆ คือโอ่งมันวิ่งไปวิ่งมา เหมือนภัยพิบัติเนี้ย เหมือนผีหลอก โอ่งใหญ่ๆ เหมือนวิ่งไปวิ่งมา แต่เคราะห์ดีตอนนั้นไม่ได้มีอะไร โอ่งก็ไม่แตก คือวันที่มีภัยพิบัติมีได้หลายอย่าง ก็ต้องเตรียมตัวว่ามีได้ อันนี้ก็ที่จะเตรียมตัวทำยังไง ก็ผู้เชี่ยวชาญอย่าง คุณสมิทธ เขาบอกวิธีทำอย่างไรให้ ต้องเชื่อกันบ้าง เพราะถ้าคนที่มีความรู้ ก็ต้องฟังอยู่บ้าง
ในเมืองไทยอาจมีภัยพิบัติ ภัยพิบัติมีอยู่ได้หลายแห่ง ฉะนั้นก็ เขาก็ต้องเตรียม เตรียมใจ เตรียมกาย และเตรียมสถานการณ์ ที่จะดูว่าจะมีอย่างไร ถ้าดูจริงๆ เมืองไทยเนี้ยะ ก็นับว่าดีมาก ที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ แต่ก็เกิดขึ้นก็มีอยู่แล้ว คือ น้ำท่วมก็มี แผ่นดินไหวก็มี พายุก็มี ก็ต้องเตรียมที่จะมีพายุ แต่อาจไม่รุนแรงเท่าที่จะเป็น”
