“สนธิ” ประณาม “ม็อบเติมเงิน” ใช้วิธีถ่อยสร้างสถานการณ์

“สนธิ ลิ้มทองกุล” รุดเยี่ยมช่างภาพช่อง 7 เหยื่อม็อบเติมเงิน พร้อมประณามกลุ่มต้านพันธมิตรฯ แสดงอากัปกิริยาเหมือนกุ๊ย ถูกจัดตั้งเพื่อให้มาก่อความวุ่นวาย ระบุเตรียมมาตรการรองรับในการชุมนุมครั้งไปแล้ว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.เวลา 21.00 น. ที่โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สะพานควาย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าเยี่ยมและมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 2 หมื่นบาท จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน แก่นายเสรี อูมา ช่างภาพทีวีช่อง 7 ที่ได้รับบาดเจ็บขณะบันทึกภาพข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการให้ความรู้ประชาชนในงานสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ ครั้งที่ 2” ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยระหว่างเข้าเยี่ยม นายสนธิได้สอบถามอาการนายเสรี และสอบถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯมีการจัดสัมมนาหรือจัดการชุมนุมอีก นายเสรีจะเข้าร่วมบันทึกภาพทำข่าวหรือไม่ ซึ่งนายเสรีได้กล่าวยืนยันว่าไปแน่นอน เพราะเป็นการทำตามหน้าที่ พร้อมย้อนเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุให้นายสนธิฟัง พร้อมบอกโชคดีที่กล้องบันทึกภาพไม่ได้รับความเสียหาย และบอกอีกว่าในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) จะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกลับกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านที่ขว้างขวดเข้ามาโดนจนได้รับบาดเจ็บที่ สน.ชนะสงคราม

ด้าน นายสนธิ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นจากการเข้าเยี่ยมนายเสรีว่า เหตุที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าเกิดจากฝ่ายต่อต้านที่มาชุมนุมคัดค้านกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ทั้งน่าเสียใจ และน่าเศร้า โดยเรื่องที่น่าเสียใจ คือ เสียใจที่ช่างภาพสื่อมวลชนโดนกระทำทั้งที่ไม่น่าจะโดน ส่วนเรื่องที่น่าเศร้า เพราะเกิดจากกลุ่มบุคคลที่เป็นกุ๊ย อันธพาล ที่ถูกจัดตั้งมา หลังจากการตรวจสอบแล้วพบว่ากลุ่มดังกล่าวยังมีความพยายามที่จะนำคนแทรกแซงเข้านั่งฟังภายในหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจดจำได้จึงกันออกไปได้ก่อนที่จะเข้ามาสร้างปั่นป่วน

นายสนธิยังกล่าวย้ำอีกว่า กลุ่มที่ต่อต้านพบว่าเป็นประชาชนมาจากย่านรามอินทรา และนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยรามคำแหงบางส่วน ที่ถูกว่าจ้างมาวิธีการของกลุ่มดังกล่าวจะใช้วิธีนำคนเข้ามาปะปนเมื่อเกิดเหตุชุลมุนจะนำอาวุธสิ่งของ ที่เตรียมไว้ออกมาขว้างปา เพื่อสร้างสถานการณ์ ซึ่งตนเสียใจที่ตำรวจไม่ใช้ความเด็ดขาดในการจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งจากเหตุการณ์เกิดขึ้น หลังเลิกสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีความพยายามในการปิดประตูทางออก จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ซึ่งตำรวจน่าจะมีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้ คนที่มาร่วมฟังการสัมมนา เป็นคนที่มาด้วยสันติวิธี อหิงสา เมื่อเสร็จจากการสัมมนากลับออกจากหอประชุมไม่ได้ จึงรู้สึกโกรธ

“หลังจากนี้การจัดสัมมนา หรือการจัดชุมนุม ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่ทางกลุ่มพันธมิตรได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว และจะเป็นการชุมนุมกลางแจ้ง ส่วนสถานที่และเวลายังไม่ได้กำหนด” นายสนธิกล่าว