xs
xsm
sm
md
lg

แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(นัดพิเศษ) วันที่ 8 ก.พ.51

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วันนี้(8 ก.พ.)นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐาะโฆษกรัฐบาล แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ ซึ่งเป็นนัดแรกของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ดังนี้

ประเดิมประชุมนัดแรก “หมัก”โอ๋ ครม.อย่าหักโหม ขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือจนผ่านพ้นการจัดตั้งรัฐบาลมาด้วยดี
นายจักรภพ แถลงว่า วันนี้นายสมัคร ได้เปิดการประชุมในเวลา 09.15 น. โดยได้ให้แนวทางใหญ่ว่า ขณะนี้ท่านถือว่าสื่อมวลชนยังให้โอกาสกับรัฐบาลอยู่ถึงแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก แต่ก็มีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ความรู้ความสามารถของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคน ก็ถือว่าพยายามจะทำให้มีสมดุลในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นในบรรยากาศที่ดี ท่านนายกฯ ได้ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนที่ช่วยกันผ่านระยะแรกของการจัดตั้งรัฐบาล จนมาถึงประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกได้สำเร็จ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย หรือภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อรัฐบาล ตามที่มีคนตั้งท่าจะวิจารณ์เอาไว้เยอะ จากนี้ไปคงจะได้ทำงานร่วมกันเมื่อมีการแบ่งงานกันชัดเจนขึ้น

นายสมัคร ได้ให้แนวทางว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีภายใต้ท่านจะไม่ยาวนานมาก นั่นก็คือ จะให้จบในเวลาเที่ยงวันของการประชุม ซึ่งจะมีทุกวันอังคาร ตามปกติ วันอังคารที่จะถึงนี้จะเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดปกติไปเลย ถ้าหากมีเรื่องมากมายจริงๆ จะพยายามเลื่อนเวลารับประทานอาหารกลางวันไป แล้วไปจบการประชุมในเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง แล้วก็ถือว่าจบกันในวันนั้น เพราะฉะนั้นจะไม่หักโหมเกินไป เวลาในการแถลงข่าวจะร่นขึ้นมาได้ถ้าหากไม่มีกิจกรรมราชการอื่นๆ ที่มาขวางทางไว้

“ครม.”เตรียมพร้อมแจงบัญชีทรัพย์สิน ดึงเลขาฯป.ป.ช.ให้ข้อมูล
นายจักรภพ แถลงว่า ในการประชุมวันนี้มีการประชุมหลายเรื่องที่เป็นการเตรียมการในขั้นต้นของคณะรัฐมนตรี เช่น เรื่องของการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งก็มีท่านเลขาฯ ครม. เป็นผู้นำเสนอหลัก ในวันนี้ ให้ความรู้ ให้ข้อมูลในแง่กฎหมาย กับคณะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีได้สอบถามรายละเอียดต่างๆ มากมาย ใช้เวลาถึงชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากว่าการกรอกแบบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินคราวนี้ใช้แบบฟอร์มใหม่ จากเดิมซึ่งมี 7 หน้า คราวนี้มี 18 หน้า เพราะฉะนั้นต้องมีการแนะนำเงื่อนไขใหม่ว่า จะกรอกอย่างไรตรงไหน และอย่างที่หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 50 ได้ตั้งเงื่อนไขกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอาไว้มากเหลือเกิน เพราะฉะนั้นก็ต้องระวังตัวกันแจ

นายสมัคร ให้แนวทางว่า ขอให้ระวังให้ดี เนื่องจากว่ามีเงื่อนไขหลายอย่างที่อาจจะทำให้เกิดความพลั้งเผลอโดยไม่เจตนาได้ เพราะฉะนั้นจะมีเวลาสอบถามข้อมูลต่างๆ กัน คนที่มาแถลงเรื่องนี้ร่วมกับเลขาฯ ครม. คือ เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งได้ให้ข้อมูลชัดเจนดี รัฐมนตรีก็ได้ร่วมกันสอบถามจนกระทั่งได้ความกระจ่าง วันนี้ได้ความชัดเจนในเรื่องกฎหมายกันว่า การนับวันเริ่มต้นของคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีผลไปถึงการชี้แจงกี่วันๆ นั้น เริ่มต้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 บัญชีนี้ต้องแสดงภายใน 90 วัน

ครม.พร้อมแล้ว คาดแถลงนโยบายไม่เกิน 20กพ.นี้ “สมัคร”ย้ำครม.ต้องให้ความร่วมมือสภาฯ
นายจักรภพ แถลงว่า เรื่องต่อมาคือ การจัดทำคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา เรื่องนี้ได้มีการคุยกันว่า รัฐบาลจะประสานกับทางสภาผู้แทนราษฎรและผู้ทำหน้าที่เป็นวุฒิสภา ก็คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ตอนนี้เปลี่ยนบทบาทมาก่อนที่จะมีวุฒิสภาจากการเลือกตั้งต่อไป โดยข้อเสนอของทางรัฐบาลคือ จะแถลงนโยบายก่อน หรือเรียกว่า ภายในดีกว่าครับ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ส่วนวันที่อย่างไรนั้นจะมีการตัดสินกันในวันประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ฝากเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่า ด้วยความที่การแถลงนโยบายตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ ไม่มีการลงมติว่ารัฐบาลจะอยู่หรือจะไป เพราะฉะนั้นเสร็จสิ้นการแถลงในส่วนของหัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ในวันใดก็ตามที่กำหนดแถลงนโยบาย ก็ถือว่า คณะรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มที่ และมีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้าน แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเอง จะมีการซักถามในเชิงนโยบายอย่างไร ใช้เวลาเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องที่ เป็นกระบวนการทางการเมือง ไม่ใช่กระบวนการทางกฎหมาย คือเรียกว่า หมดสิ้นตั้งแต่นายกฯ แถลงจบ ก็ถือว่าแถลงนโยบายจบแล้ว ในแง่ของกฎหมายฉบับนี้ จะได้ทราบว่าเงื่อนไขอยู่ตรงไหน

นายสมัคร ได้ให้แนวทางว่า รัฐบาลชุดนี้จะให้ความร่วมมือเต็มที่กับสภาผู้แทนราษฎร ท่านได้ขอว่า ให้รัฐมนตรี รวมถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสภาฯ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คณะรัฐมนตรีแบ่งออกเป็นหลายผลัด โดยมีรองนายกฯ แต่ละท่านเป็นหัวหน้าผลัด ซึ่งเป็นผลัดที่จะใช้ในการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานพระราชพิธีและรัฐพิธีด้วย ขณะเดียวกันคงจะเป็นผลัดที่ใช้ ในการนัดแนะกันในการประชุมสภาฯ เพื่อให้แน่ใจว่ามีคณะรัฐมนตรีติดตามสนใจว่า สภาผู้แทนราษฎรมีประเด็นอะไรที่จะฝากมาสู่รัฐบาล อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ท่านนายกฯ ขอโดยตรง ว่าขอให้ความสำคัญต่อการประชุมสภาฯ สภาฯ มีการประชุม 2 วันคือ วันพุธ และวันพฤหัสบดี 2 วันนี้จะมีรัฐมนตรีไปร่วมประชุมด้วย ในคณะมนตรีอย่างที่ทราบว่า มีรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.2 ใน 3 และที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ประมาณ 1 ใน 3 ในทางปฏิบัติก็ขอให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.พยายามไปร่วมประชุมให้มากที่สุดเป็นพิเศษ ส่วน 1 ใน 3 ก็ขอให้ไป เพื่อจะได้ไปรับฟังความเดือดร้อน หรือความต้องการของประชาชนโดยผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมา และอีกอย่างหนึ่งที่แสดงความร่วมมือกับสภาผู้แทนราษฎรคือ การตอบกระทู้สด กระทู้สดเริ่มขึ้นตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 40 และก็คงต่อไปจนถึงในตอนนี้ เราไม่สามารถบอกได้ว่า สภาฯทำงานอย่างไร แต่ว่าเท่าที่มีการประสานกันภายในเชื่อว่า วันพฤหัสบดีจะเป็นวันกระทู้สด แต่ที่สุดแล้วแต่การประสานงานระหว่างสภาฯ กับรัฐบาล ไม่ใช่การกำหนดของรัฐบาล โดยที่รัฐมนตรีซึ่งมีฐานะเป็นเจ้ากระทรวง จะวางรัฐมนตรีพร้อมสำหรับการตอบกระทู้สดไว้ 1 คน ในวันพฤหัสบดี คำว่ากระทู้สดก็คือเป็นไปตามคำคือไม่รู้ล่วงหน้า พอเริ่มเป็นสภาฯ มา ท่านสมาชิกลุกขึ้นถามสดในเรื่องใด จะมีการแจ้งไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น หน่วยราชการก็จะแจ้งตอบไปยังรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง และจากนั้นก็จะมีการมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้มาตอบกระทู้สด ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติของสภาฯ จะได้ประมาณคราวละ 1 ชั่วโมง แบ่งจาก 3 กระทู้ คือ สภาจะกำหนดเวลา 1 ชั่วโมง ในการตอบกระทู้สด เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ใช่การกำหนดรัฐบาล ใน 1 ชั่วโมงจะได้ประมาณ 3 กระทู้ คือ กระทู้ละ 20 นาที เพราะการทำงานระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารจะมีความใกล้ชิดแนบแน่นมากขึ้น

“ครม.”โอดกฎหมายใหม่ สร้างภาระ ย้ำรองนายกฯศึกษาให้ดี เห็นชอบตั้ง “ธีรพล นพรัมภา” เป็นเลขานายกฯ
นายจักรภพ แถลงว่า คณะรัฐมนตรีได้ปรารภถึงเรื่องของกฎหมาย ที่ปรากฎขึ้นในยุคหลัง ซึ่งทำให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อเกิดขึ้นในยุคสมัยใดกฎหมายก็หน้าตาเป็นอย่างนั้น เราต้องค่อยๆ อดทนอดกลั้น และทำงานหลบหลีกสิ่งกีดขวางเหล่านี้ ไปสู่การทำงานเพื่อประสิทธิภาพ ในการทำงานของคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีการปรารภอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้น มีการพูดถึงเรื่องของภาระหน้าที่ของรองนายกฯ และรองรัฐมนตรี อันนี้เป็นวาระแล้ว 2 เรื่องสำคัญคือ รองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จะต้องไปทบทวนว่าร่างพระราชบัญญัติ และร่างอนุบัญญัติ ของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ที่ค้างอยู่ตอนนี้ มีเรื่องใดบ้างที่ต้องการจะผลักดันต่อ จนออกมาเป็นกฎหมายได้สำเร็จ หรือเรื่องใดที่จะถอนกลับคืนมา เพื่อจะกำหนดร่างใหม่ให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่มีเงื่อนไขเวลา แต่ในทางปฏิบัติที่สุดควรจะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เรื่องที่ 2 คือ คณะกรรมการชุดต่างๆ ปรากฎว่าภายใต้กระทรวง ทบวง กรม มีคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามมติคณะรับมนตรี ที่คงอยู่แล้วในปัจจุบันนี้มี 251 คณะ ก็อยู่ในฐานะเดียวกับร่างกฎหมาย ว่ารองนายกรัฐมนตรีนั้นจะเสนอยกเลิกคณะกรรมการเหล่านั้นหรือไม่ ถ้าจะคงไว้ก็ปล่อยเฉยไป แล้วก็เรียกประชุมตามวาระ ถ้าหากจะยกเลิกต้องแจ้งภายในวันที่ 31 มีนาคม อันนี้เป็นเงื่อนเวลาที่ตกลงไว้ นี่เป็นเรื่องที่เชื่อมต่อกันด้านต่างๆ เรื่องที่ติดตามมา คือ เรื่องของการแต่งตั้ง ซึ่งมีเพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเห็นชอบให้แต่งตั้งนายธีรพล นพรัมภา ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นในโอกาสนี้หลังจากมีมติ ครม.ไปแล้ว ซึ่งเป็นวาระทราบคุณธีรพล นพรัมภา ก็คือเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ อีกตำแหน่ง คือตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกันสำหรับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) ของรองนายกฯ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ท่านได้เสนอแต่งตั้ง และคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งนายอรรคพล สรสุชาติ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

“นายกฯสมัคร”หารือข้อราชการ นายกฯบาห์เรน ถกรื้อเที่ยวบิน “กรุงเทพฯ-บาห์เรน” เพื่อย้ำความสัมพันธ์
นายจักรภพ แถลงว่า ส่วนเรื่องที่ 2 เรื่องของบาห์เรน ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อสักครู่นี้สำหรับการหารือข้อราชการ ในวันนี้นายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรบาห์เรน คือ เชค คอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อพบปะกับนายกรัฐมนตรีไทย โดย 1 พระองค์ และ 1 ท่าน ได้หารือข้อราชการกันในห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ คือนายกรัฐมนตรีบาห์เรน ได้มีรับสั่งว่าความสัมพันธ์ระหว่างบาห์เรนกับไทยเป็นความสัมพันธ์พิเศษ พระองค์ท่านเองและคนบาห์เรนส่วนใหญ่มีความรักผูกพันกับประเทศไทย และคนไทย ได้ทรงเอ่ยชื่อหลายประเทศ ซึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อในที่นี่ว่าอยู่ในเอเชียใกล้กับไทยแต่ก็ไม่มีความน่าประทับใจเท่ากับเมืองไทย เพราะฉะนั้นทรงอยากเห็นความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และดียิ่งขึ้น ได้รับสั่งถึงเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-บาห์เรน ซึ่งได้เคยมี และการบินไทยได้ระงับเที่ยวบินนี้ไป ว่าถ้าหากมีกลับขึ้นอีกก็จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ระหว่างไทย-บาห์เรน เป็นอย่างยิ่ง

นายสมัคร ได้ทูลนายกรัฐมนตรีบาห์เรนว่าทางเราเองก็มีความประสงค์อย่างเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน และโดยรูปธรรมนั้น โครงการหนึ่งที่จะมีความสำคัญเพิ่มความสัมพันธ์ก็คือการอบรมพยาบาล ทั้งชายและหญิงจำนวน 3,000 คน ซึ่งเน้นหนักที่คนไทยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ที่เป็นชาย-หญิงมุสลิมก่อน แต่ไม่กีดกั้นชาวไทย-พุทธ เพื่อที่จะให้ธรรมเนียมปฏิบัติในทางศาสนาช่วยส่งเสริมงานในวิชาชีพพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นอีก และคนทั้ง 3,000 คนนี้ จะเดินทางไปทำงานที่บาห์เรนประจำตามโรงพยาบาลต่างๆ ที่กำลังพัฒนาขึ้นมาอย่างมากมาย ตรงนี้มีข้อมูลเสริมว่าบุคคลสำคัญในบาห์เรน และประชาชนที่พอมีอันจะกินในบาห์เรนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อรักษาพยาบาลปีหนึ่งหลายครั้ง จนกระทั่งเกิดความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในเมืองไทยหลายแห่งกับโรงพยาบาลในบาห์เรน ตรงนี้จึงเป็นที่มาในการผลิตพยาบาลเพื่อจะทำหน้าที่ในโรงพยาบาลต่างๆ เหล่านั้น ทางนายกรัฐมนตรีบาห์เรนก็รับทราบด้วยความชื่นชม แล้วบอกว่า นั่นเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

สุดท้าย ในเรื่องของการเยี่ยมเยือนนั้น นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้เชิญนายกรัฐมนตรีไทยไปเยือนบาห์เรน จะเยือนอย่างเป็นทางการหรือว่าไม่เป็นทางการก็ได้ทั้งสิ้น บรรยากาศระหว่างการรับประทานอาหารก็แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดี ได้พูดถึงเรื่องต่างๆ กันมากมาย



กำลังโหลดความคิดเห็น