ฝ่ากระแสการเมืองไม่ไหว
'ชาติพัฒนา'เว้นวรรคเลือกตั้ง
'เพื่อไทย' พร้อมอ้าแขนรับ
สถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งนั้นเข้มข้นมากขึ้นไปทุกที หลังจากแต่ละพรรคการเมืองเริ่มมีความชัดเจนในหลายเรื่อง โดยล่าสุดพรรคชาติพัฒนา ประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ในครั้งนี้ พร้อมกับเปิดโอกาสให้อดีตส.ส.และผู้สมัครของพรรคหาพรรคการเมืองใหม่สังกัดตามกฎหมาย
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหารือถึงสถานการณ์การเมืองหลังยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยมีข้อสรุปว่า 1. ขณะนี้สถานการณ์การเมืองเข้มข้น ที่ผ่านมาตนอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2531 ผ่านการเลือกตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ แต่รอบนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่ต่อสู้ระหว่าง 3 พรรคการเมืองใหญ่ จึงประเมินว่ารอบนี้ดุเดือด เข้มข้น แข่งขันสูง มี สส. ย้ายพรรคมาก สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงว่า เป็นการเลือกตั้งแบบการเมือง 3 ขั้วเพื่อชิงอำนาจรัฐ 2. ในระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น 3. เป็นการยุบสภาฯ แบบกะทันหัน ทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อมไพรมารี่โหวตเป็นไปแบบมีขีดเวลาจำกัด 4. สถานการณ์ปัจจัยภายนอกประเทศ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และการเมืองเข้มแข็งเพียงพอสร้างความเชื่อมั่นที่ดีต่อระบบการเมือง รัฐบาลใหม่ การเมืองจะเข้มแข็ง มีคุณภาพ ระบบพรรคใหญ่เข้มแข็งยิ่งขึ้น
“ดังนั้น พรรคชาติพัฒนาจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในครั้งนี้ เทอมนี้เราขอบายก่อน แต่พรรคยังตั้งอยู่ ส่วนอดีต สส. และแกนนำพรรคนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ” นายสุวัจน์ กล่าว
สำหรับสถานะของพรรคชาติพัฒนานั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นประธานพรรค ช่วยการเมืองท้องถิ่นที่ จ.นครราชสีมา และจะอยู่กับพรรคตามที่ พล.อ.ชาติชาญ ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาสั่งไว้ ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าจะไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนาไม่ได้มีมติ แต่ให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่ตัดสินใจ เช่น นายประสาท ตันประเสริฐ อดีต สส.นครสวรรค์ ได้ตัดสินใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าคนของพรรคมีคุณภาพ ทั้งใน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี ตนมั่นใจในความสามารถและการได้รับความยอมรับต่อจากประชาชนในพื้นที่
"เป็นครั้งแรกที่ 3 พรรคใหญ่หายใจรดต้นคอ คงสูสีกันหมด ประเมินว่าทั้ง 3 พรรคอยู่ในระดับร้อยเสียง แย่งชิงเป็นรัฐบาล มีการจัดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน" นายสุวัจน์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง
ด้านท่าทีของพรรคเพื่อไทยต่อความเคลื่อนไหวของพรรคชาติพัฒนา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุว่า สองพรรคนี้จริงๆไม่ได้ห่างกันอยู่แล้ว มีการพูดคุยกันตั้งแต่ตอนร่วมรัฐบาล มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างพรรคมีความใกล้ชิดกัน ตอนนี้ต้องให้เกียรติพรรคชาติพัฒนาเรื่องการพิจารณาดำเนินกิจการของพรรค เมื่อมีข้อสรุปออกมาพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะพูดคุย ซึ่งต้องมาหารือกันอีกครั้ง โดยให้ผู้ใหญ่ของทั้ง 2 พรรคได้พูดคุยให้เกิดความชัดเจน
นายจุลพันธ์ ย้ำว่า ได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองที่เป็นกลุ่มมีแนวอุดมการณ์ แนวความคิดใกล้เคียงกัน ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนจากพรรคชาติพัฒนาคงได้พูดคุยกันต่อในรายละเอียด ส่วนเรื่องผู้สมัครพรรคเพื่อไทยยังคงเปิดพิจารณาแม้จะประกาศเปิดตัวไปเกือบครบแล้วก็ตาม เรายังพร้อมที่จะดู หาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติ มีคุณภาพ มีความพร้อม และมีอุดมการณ์ที่ตรงกับพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า หากได้สส.ของพรรคชาติพัฒนา โดยเฉพาะพื้นที่จ.นครราชสีมา จะสามารถเพิ่มเก้าอี้ให้กับพรรคเพื่อไทยได้อีกใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอน ถ้าท่านตัดสินใจมา ซึ่งต้องพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย คงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพื้นที่โคราชของเราอยู่แล้ว ส่วนขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวันให้ผู้ใหญ่ทั้ง 2 พรรคมาพูดคุยกัน


