xs
xsm
sm
md
lg

ศึกเลือกตั้ง69 สงคราม3สี ”น้ำเงิน-ส้ม-แดง”รบเดือด สนามกทม.แข่งดุ ส้มยังเต็งแชมป์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศึกเลือกตั้ง69 สงคราม3สี
”น้ำเงิน-ส้ม-แดง”รบเดือด
สนามกทม.แข่งดุ ส้มยังเต็งแชมป์

ศึกเลือกตั้ง2569 ที่คาดว่าจะหย่อนบัตรกันในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า 2569 เห็นชัด จะเป็นสนามรบการเมือง ที่สู้กันหนักของสามพรรคใหญ่สามสี คือ น้ำเงิน-ภูมิใจไทย ,ส้ม พรรคประชาชน และ แดง เพื่อไทย

ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ ก็จะเข้ามาแย่งคะแนนรอแชร์เก้าอี้ส.ส.ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ไม่ว่าจะเป็น พรรคกล้าธรรม ของรอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ชัดเจนว่า เน้นส.ส.เขตเป็นหลัก ปาร์ตี้ลิสต์หวังน้อย เพราะถูกพาดพิงโจมตีเรื่อง”ทุนเทา”ก็หืดขึ้นคอ
แล้ว

ในการตอบโต้และหวังคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ และยังมีพรรคอื่นๆ เช่น”ประชาธิปัตย์ “ที่หลังได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ทำให้คะแนนกระเตื้องขึ้น แต่ปัญหาคือระบบเขต ยังไม่มีตัวทีเด็ด โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค ทั้งภาคใต้และกรุงเทพฯ โดยเฉพาะภาคใต้ หลังอดีตส.ส.เขต สมัยที่แล้ว ออกจากพรรคไปเพียบ เช่นที่สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช ส่วน กทม. แม้มีผู้สมัครหน้าใหม่หลายคนรอเปิดตัว แต่ยังโนเนมโอกาสทวงคืนเก้าอี้ส.ส.เขต กทม.หลัง “สูญพันธุ์”มาแล้วสองรอบ ไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียวในการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566จึงยังเหนื่อยอยู่

นอกนั้น มีอีกหลายพรรคที่รอเบียดแย่งคะแนนทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์เช่น”พรรคประชาชาติ”ที่ต้องเน้นรักษาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้”ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส”ที่มีส.ส.เขต 13 เก้าอี้ไว้เป็นงานหลัก เพราะหลายพรรคก็รอเข้ามาแชร์เก้าอี้ โดยเฉพาะภูมิใจไทย-กล้าธรรม-ประชาชนส่วนปาร์ตี้ลิสต์ คงหวังสักสองเก้าอี้แบบรอบที่แล้วก็ถือว่าเข้าเป้าแล้ว

และยังมีพรรคอื่นๆ เช่น รวมไทยสร้างชาติ ของเดอะตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่อาการหนัก ในการหวังส.ส.เขต เพราะส่วนใหญ่ลาออกไปหมด ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ ความหวังก็ริบหรี่ เพราะไม่มีบารมีลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาช่วยเหมือนปี 2566 ที่ทำให้ได้มาสี่ล้านกว่าคะแนน

ขณะที่ พลังประชารัฐ รอบนี้ เน้นส.ส.เขตเป็นหลัก และเอาเฉพาะจังหวัดที่มีลุ้น ไม่มียิงมั่วสะเปะสะปะ โดยเฉพาะที่อีสาน หวังไว้บางจังหวัดรอเบียดเข้ามาแบบพลิกโผ เพราะข่าวว่า คลังเสบียงของลุงป้อม พลเอกประวิตรที่บ้านป่าฯ ยังมีให้เบิกระดับหนึ่ๅใช่ไหม

ส่วน”พรรคตั้งใหม่”คงเน้นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นหลักให้ได้ส.ส.สัก1-2 คน ที่บางพรรคก็มีลุ้น เช่น พรรคเศรษฐกิจ ของพลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ ที่เดิมคนมองว่าคงเป็นแค่พรรคสีสัน แต่พอดีตอนนี้ได้กระแส”ชาตินิยม”ทำให้คนรู้จักเร็ว จากการเดินสายออกสื่อช่วงสงครามไทย-เขมร จนผลโพลสำรวจบางสำนักมีชื่อ พรรคเศรษฐกิจติดเข้ามาด้วย และแนวเดียวกันนี้ คาดว่าพรรคตั้งใหม่ล่าสุดอย่าง”พรรครักชาติ”ของชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรม.ดีอีเอสฯยุคลุงตู่ ก็หวังโหนกระแสชาตินิยม-รักชาติ ช่วงสงคราม ทำให้พรรคมีคนเข้าสภาฯได้สัก1 เก้าอี้เช่นกัน เช่นเดียวกับ “พรรคไทยก้าวใหม่”ของดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แม้หวังส.ส.เขตไว้บางที่เช่นที่ภาคใต้ แต่ลึกๆ หากได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์สัก 1-2 คน ก็ปิดพรรคฉลองกันแล้ว

ด้าน”พรรคโอกาสใหม่”ของเดอะตุ๋ม จตุพร บุรุษพัฒน์ อดีตรมว.พาณิชย์ จากที่เคยเป็นพรรคถูกจับตามองเพราะลือว่ามีนายทุนพลังงานหนุนหลัง แต่ด้วยความที่เป็นพรรคอดีตข้าราชการ ทำงานช้า คิดช้า ไม่มีมือทำงานการเมืองไปช่วย หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป โอกาสจะได้ส.ส.เข้าสภาฯ ก็ลางเลือน

สำหรับสามพรรคใหญ่”ศึก3สี น้ำเงิน-ส้ม-แดง”ก็ต้องยอมรับกันว่า สีน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย -อนุทิน ชาญวีรกูลเหนือกว่า พรรคประชาชน-เพื่อไทย หลายขุม เพราะชิงความได้เปรียบหลายอย่างในฐานะรัฐบาลรักษาการ กุมกลไกอำนาจรัฐไว้หมดทุกอย่างแม้แต่กับองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ที่ดูแลการเลือกตั้ง คนในตึกกกต. หลายคนก็มีความสัมพันธ์อันแนบชิดกับขั้วสีน้ำเงิน

ผสมกับเตรียมพร้อมรองรับศึกเลือกตั้งเร็ว สะสมทั้งนักเลือกตั้ง บิ๊กเนม-เกรดเอ-บ้านใหญ่ หลายจังหวัดไว้เพียบ อย่างวันนี้ 15 ธ.ค. ก็เปิดตัวกันรัวๆ อย่างน้อยก็สามกลุ่มจะเข้ามาเปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการทั้งกลุ่มอดีตชาติไทยพัฒนา นำโดย วราวุธ ศิลปอาชา ที่จะพาอดีตส.ส.สุพรรณบุรีและกลุ่มบ้านใหญ่นครปฐม ตระกูลสะสมทรัพย์ ไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และยังมี กลุ่มอดีตรวมไทยสร้างชาติสาย ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะพาอดีตส.ส.ในกลุ่มไปเปิดตัวเข้าภูมิใจไทย เช่น แม่เลี้ยงติ๊ก ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู จุติ ไกรฤกษ์ และปิดท้ายด้วยอดีตกลุ่ม 16 รวมไทยสร้างชาติ นำโดยเสี่ยเฮ้ง สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่ตอนนี้แบ่งพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดชลบุรีกับ สนธยา คุณปลื้ม ลงตัวแล้วตามสูตรคนละครึ่ง โดยเสี่ยเฮ้ง คัมแบ็กลงเขต 1 โดยสนธยา ต้องหลบให้เพราะชั่วโมงนี้ ชื่อชั้น-อำนาจในมือ เสี่ยเฮ้ง เหนือกว่าสนธยา เยอะ

โดยการเข้ามาภูมิใจไทยของ ขิง เอกนัฏ พร้อมลูกทีม อดีตส.ส.กทม.พลังประชารัฐ และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม.รวมไทยสร้างชาติ คงช่วยเติมเต็มสร้างความแข็งแกร่งให้ ภูมิใจไทย ในพื้นที่กทม.มากขึ้น แต่ยังไม่ชัดว่าจะมีผลมากน้อยแค่ไหน เพราะสนามกทม.ที่มีส.ส.เขตมากถึง 33 คน ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของภูมิใจไทย เพราะเลือกตั้งมาแล้วสามรอบ ทั้งปี 2554 2562 2566 ล้มเหลวทุกครั้ง นอกจากไม่ได้ส.ส.เขตแล้ว คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในกทม.ก็ต่ำมาก

อย่างปี 2566 ภูมิใจไทยได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในกทม.แค่สองหมื่นกว่าคะแนน ส่วนพรรคส้ม สมัยเป็นก้าวไกล ได้มาถึงหนึ่งล้านหกแสนคะแนน และกวาดส.ส.เขตไป 32จาก 33 ดังนั้น หากภูมิใจไทย ยังแก้ปัญหาพื้นที่กทม.ไม่ได้โอกาสจะแพ้พรรคประชาชนก็มีสูง
ซึ่งสนามกทม.รอบนี้ สู้กันสนุก เพราะถือว่า พรรคส้ม แบกความกดดันไว้สูงเพราะครั้งที่แล้ว ได้ไป 32 เขตจาก 33เขต การทำให้ดีขึ้นจึงต้องยกกทม.กวาดให้ได้ 33 คน หากต่ำกว่านี้ ถือว่าผลงานแย่ลง

แรงกดดันที่แบกไว้ ทำให้พรรคประชาชน ต้องปรับเปลี่ยน โละทิ้งส.ส.เขตกทม.ไปบางส่วนเพราะทำโพลแล้ว ไม่ผ่านและพฤติกรรมบางอย่างขัดใจคนในพรรค เช่น แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ ลูกสาวไกรศักดิ์ อดีตสว. หลานสาว พลเอกชาติชาย อดีตนายกฯ ที่เป็นอดีตส.ส.กทม.ซึ่งโดนปลดกลางอากาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคไม่ส่งลงเลือกตั้ง หลังก่อนหน้านี้ ถูกสื่อรัฐสภาโหวตให้เป็น”ดาวดับสภาฯ”ปี 2567 เป็นต้น

สนามเลือกตั้งกทม.ในศึกเลือกตั้ง 2569 แม้คนจะมองว่า พรรคส้ม จะคว้าแชมป์อีกสมัย แต่ของแบบนี้ มันไม่แน่ เพราะอย่างที่รู้กัน กทม.คือสนามปราบเซียน และตัวตัดสินใครแพ้ชนะอยู่ที่”กระแส”ช่วงโค้งสุดท้าย เป็นหลัก หากพรรคส้ม พลาด เกมก็อาจพลิกได้เช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น