xs
xsm
sm
md
lg

ไขข้อความคำพิพากษา ศาลคดีทุจริตยกฟ้อง ตำรวจชุดทำคดีมินนี่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไขข้อความคำพิพากษา
ศาลคดีทุจริตยกฟ้อง
ตำรวจชุดทำคดีมินนี่


ศึกสีกากียามนี้เดือดขึ้นทุกวัน การชี้เเจงหลายข้อหาทุจริตที่พัวพันสำนักงานตำรวจเเห่งชาติจากการที่พลตำรวจเอกสุรเขษฐ์ หักพาลเเละพวก เดินสายร้องเรียน และให้สัมภาษณ์กับสื่อแทบทั้งวัน

ต้องติดตามว่า ใครของปลอมใครจริง....
เพราะเเผลของบิ๊กโจ๊กเเละคนปทุมวันนั้น เอากันตรงๆ “เละพอกัน...”

จากความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาพบว่า สตช.ออกตัวช้ากว่าอดีตรองผบ.ตร.หลายก้าว จนความจริงบางมุมที่มาช้า สังคมเชื่อความลวงไปเเล้ว เเละหากมองลึกๆจะพบว่าบิ๊กโจ๊กใช้การบิดประเด็น-เสนอข้อมูลไม่ครบด้านฟ้องสังคม/เลี่ยงไม่ตอบในสิ่งที่ตนเสียเปรียบในฐานะผู้ต้องหา/พร้อมปะทะคู่กรณีโดยอ้างความเป็นประชาชนเเละใข้สิทธิตาทรัฐธรรมนูญ

ต่างๆนานาข้างต้นเกิดขึ้นเเทบทุกครั้งที่บิ๊กโจ๊กขยับปากจนสังคมคล้อยตามเเละหลงเชื่อไปโดยไม่พินิจสิ่งที่เคยปรากฏว่าความจริงยืนตรงข้ามการมุสาของบิ๊กโจ๊กเสมอ...

ถามว่า บิ๊กโจ๊กกับพวกปั่นเรื่องขึ้นมาเพื่อ...?คำตอบง่ายๆคือเพราะว่าบิ๊กโจ๊กจะเเถเเละจุดประเด็นใหม่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันทีหากตนจวนพลาดท่า...
เเละเมื่อใกล้โดนต้อนให้เข้ามุมอับ จะพบการปั่นกระเเสใหม่ของบิ๊กโจ๊กชึ้นกลบเกลื่อนรอยฝีของบิ๊กโจ๊กที่ใกล้ปริเเตก เช่น เปิดหลักฐานพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมลเเละตำรวจ290นายว่ารับส่วยนั้น ความจริงคือก.ร.ตร.รับเคสนี้ไว้ตรวจสอบเเล้ว ...เเต่บิ๊กโจ๊กก็ยังนำมาปั่นกระเเส...?!?

ย้อนไปมองคำพูดของอดีตรองผบ.ตร.คนนี้จะเห็นการกล่าวย้ำซ้ำๆหลายรอบ เช่น “มอบเงินส่วนตัวให้ลูกน้องไปชำระค่าใข้จ่ายเเละไม่รู้ว่าลิ่วล้อ(พตท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ)ใช้บัญชีม้า/ไม่มีเส้นเงินเว็บพนันมาถึงตัวเอง(เเต่เงินโอนเข้าบัญชีม้าที่พตท.คริษฐ์ถือไว้ ซึ่งหากมีการโอนเข้า/เบิกถอน พนักงานสอบสวนพบเเชทไลน์ที่พตท.คริษฐ์เเจ้งบิ๊กโจ๊กให้รับทราบทุกคร้้ง)

บิ๊กโจ๊ก ยังบอกว่า ไม่รู้ว่าลูกน้องตัวเอง(พตอ.ภาคภูมิ พิศมัย)ไปคบมินนี่ เจ้าเเม่เว็บร้อยล้าน ทั้งๆที่พตอ.ภาคภูมิมีครอบครัวเเล้ว/พนักงานสอบสวนหลอกศาลในการออกหมายจับลิ่วล้อตัวเองโดยไม่ระบุยศ/ตำเเหน่ง/กลั่นเเกล้งในตอนค้นบ้านพักซอยวิภาวดีรังสิต60 ช่วงปลายเดือนกย.2566

ช่วงตำรวจนับร้อยชีวิตบุกค้นบ้านพักของอดีตรองผบ.ตร. ในตอนนั้นบิ๊กโจ๊กโวยวายทันทีว่าสำนักงานตำรวจเเห่งชาติเตะตัดขาไม่ให้ขึ้นผบ.ตร. เเละจากวันนั้นจนวันนี้ บิ๊กโจ๊กเเละพวกเดินสายฟ้องร้องเเหลก !

เเต่บางอย่างบ่งชี้ชั้นต้นว่า กระบวนการฟ้องเเหลกทุกองค์กรนั้น ข้อต่อสู้ที่บิ๊กโจ๊กกับพวกงัดมาใช้นั้น พบว่าคดีส่วนใหญ่ที่บิ๊กโจ๊กกับพวกขยับนั้น มีการวินิจฉัยไปเเล้ว เเละยุติเเบบที่บิ๊กโจ๊กกับพวกเเห้วกิน!?!

คดีหนึ่งที่กระบวนการยุติธรรมตัดสินเเล้วว่าบิ๊กโจ๊กเเละพวกใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่!? คือ ย้อนไปวันที่7พ.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษา“ยกฟ้อง”คดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อท 203/2566 กรณีพล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ 1 ในผู้ต้องหาพัวพันคดีเว็บพนันมินนี่ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ (ผู้กล่าวหา), พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์, พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ สารบุญ และ ร.ต.อ.ฤทธิ์ธาดา เครือสุข รวม 4 คน ในฐานความผิดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 โดยกล่าวหาว่าการร้องทุกข์กล่าวโทษ การยื่นคำร้องขอออกหมายจับและหมายค้น การคัดค้านการขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

กระทั่งศาลมีคำสั่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องเพียงพอแก่การวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยทั้งสี่ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง กรณีไม่จำต้องรับฟ้องโจทก์ไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง “ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง”!
ในรายละเอียดคำพิพากษาคดีนี้นั้น
บางช่วงที่ศาลวินิจฉัยในมุมตรงข้ามที่พลตำรวจตรีนำเกียรติฟ้อง เเละบางคำฟ้องบ่งบอกอะไรบางอย่างเเบบชัดเจน

ทีมข่าวขอนำเสนอคำตัดสินในบางมุมที่น่าสนใจคือ

โจทก์ฟ้องว่า ตำรวจPCT4 ได้รับเบาะเเสข้อมูลทางลับจากการสืบสวนขยายผลเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ภาคเหนือเเละอีสานพบว่ามีเว็บพนันรายใหญ่ที่เปิดมาหลายปีเเละมีการย้ายระบบรีเเบรนด์เว็บไซต์ใหม่โดยมีการโปรโมทต่อเนื่อง จำเลยที่1เเละ2 รวบรวมพยานหลักฐานเเละวิเคราะห์เส้นเงินกลุ่มผู้กระทำผิดเเละหาข้ออ้างว่าโจทก์ซึ่งเป็นตำรวจเเละเป็นทีมงานของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ซึ่งช่วงขณะเกิดเหตุพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นผบ.ตร.

จำเลยที่1เเละ2สร้างหลักฐานการวิเคราะห์พยานหลักฐานเพียงเส้นทางการเงินโดยไม่เเสวงหาพยานหลักฐานอื่นจึงไม่มีมูลชัดเจนเเต่อย่างใดทั้งที่เรื่องดังกล่าวหากมีเส้นทางการเงินเเล้วย่อมไม่สามารถกระทำการบิดเบือนเส้นทางการเงินที่อ้างว่าเป็นธุรกรรมใดๆได้เเละหากมีข้อสงสัยสามารถเรียกโจทก์กับพวกมาทำการสอบสวนได้โดยง่าย

จำเลยที่1เเละ2อ้างว่าโจทก์มีส่วนร่วมกระทำผิด
เเละร้องทุกข์กล่าวโทษกับจำเลยที่3เเละ4 ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ เเต่กลับไม่ใช้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สตช.ที่มีอำนาจสอบสวนโดยตรง เเต่จำเลยที่1เเละ2วางเเผนเเจ้งความกับจำเลยที่3เเละ4ที่สน.ทุ่งมหาเมฆเเละตามการวางเเผนไว้ล่วงหน้าเป็นขั้นตอนตามลำดับส่งผลต่อศาลในการออกหมายจับโจทก์

การออกหมายจับโจทก์กับตำรวจอีก7นายหากเเต่มีบุคคลอื่นที่มีเส้นทางการเงินเช่นเดียวกับโจทก์กลับไม่มีการกล่าวหา/ออกหมายจับ โดยมีการปกปิดอาชีพ ยศเเละตำเเหน่งของโจทก์กับพวก ต่อมาจำเลยที่3ขอออกหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ วันที่26กค.2566จับกุมนายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ นางสาวธันยนันท์ สุจริตชินศรี นางสาวอรณี ทองอรุณในข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันฯทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์/สมคบกันฟอกเงิน เเละวันที่28กค.2566 ได้ค้นบ้านบุคคลดังกล่าวเเละจับกุมนางสาวธันยนันท์ ตรวจค้น/ยึดของกลางหลายรายการ (เว็บพนันBetflik.comเเละบัญชีม้า87เล่ม)
เเละโจทก์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งสาม เเต่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกล่าวหาพตอ.ภาคภูมิ พิศมัย เป็นผู้ถือสมุดบัญชีสำหรับโอนเงินพนันออนไลน์สองบัญชี โดยจำเลยทั้งสี่ไม่ได้เรียก/ออกหมายเรียกพตอ.ภาคภูมิมาให้ข้อมูล เเต่จำเลยทั้งสี่ร่วมกระทำการอันเป็นเท็จ มีเจตนาทุจริตเพื่อเชื่อมโยงธุรกรรมให้ถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เพราะโจทก์เเละพตอ.ภาคภูมิเป็นทีมทำงานให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เเละในการทำงานของทีมงานจะมีค่าใช้จ่ายเเละโจทก์เป็นคณะทำงานสืบสวนคดีสำคัญหลายคดีของสตช.

ระหว่างกย.2565-มีค.2566 ที่กล่าวหาเเละเชื่อมโยงโจทก์ว่ามีการโอนเงินให้โจทก์เก้าครั้ง ครั้งละห้าหมื่นบาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่.......ซี่งเป็นบัญชีเงินเดือนของโจทก์รับเงินเดือนข้าราชการ/ค่าตอบเเทนในการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ จำเลยที่3ยื่นขอออกหมายจับโจทก์เเละพวก7คนอ้างว่าโจทก์รับเงินจากพตอ.ภาคภูมิทางบัญชีม้า เเละปกปิดข้อมูลยศ/ตำเเหน่ง/อาชีพของโจทก์ทั้งที่ทราบว่าโจทก์ยศพลตำรวจตรีซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ศาลพิเคราะห์เเล้ว การร้องทุกข์กล่าวโทษจะกระทำในพื้นที่ใดก็ได้ สน.ทุ่งมหาเมฆย่อมมีอำนาจสอบสวนส่วนการออกหมายจับโจทก์กับพวกที่เป็นตำรวจโดยปกปิดไม่ระบุอาชีพ/ยศ/ตำเเหน่งเเละค้นบ้านพักของ
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เป็นเจตนาสมคบ/กลั่นเเกล้งโจทก์ให้ได้รับโทษทางอาญาเเละเป็นเหตุเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ได้เป็นผบ.ตร. ศาลเห็นว่าเพียงระบุฐานความผิดฐานสมทบกับฟอกเงิน เเต่การสอบสวนพิสูจน์ความผิดเเสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมยังคงมีขั้นตอนเพื่อพิสูจน์การกระทำผิดอีก

การยื่นขอหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ที่อ้างเเละเชื่อว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นต่อเนื่องเกี่ยวพันบุคคลร่วมกระทำผิดหลายคนเพียงพอที่ศาลจะอนุมัติหมายจับดังกล่าวได้

เมื่อข้อเท็จจริงเเห่งคดีได้ความว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์เป็นบุคคลธรรมดามิใช่เจ้าพนักงานเเละไม่ใช่เป็นการขอออกหมายจับเจ้าหน้าที่ของรัฐในความผิดต่อตำเเหน่งหน้าที่ราชการ การที่ศาลอนุมัติหมายจับต้องพิจารณาพยานหลักฐานตามสมควรว่าผู้จะถูกจับกุมน่าจะได้กระทำผิดอาญาโทษจำคุกเกินสามปี/มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะหลบหนี/ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน/ก่อเหตุอัยตราย กรณีนี้มิใช่คดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ/บุคคลที่กระทำผิดฐานฟอกเงินที่เป็นฐานความผิดอยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ

ส่วนข้ออ้างว่าการออกหมายค้นเพื่อออกหมายจับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวเป็นเหตุให้มีการค้นบ้านพักพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ก่อนที่จะมีการเเต่งตั้งผบ.ตร.เป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงเเละไม่ได้รับเลือกเป็นผบ.ตร.มีการกลั่นเเกล้งโจทก์กับพวก เเต่ปรากฏตามเอกสารเเนบท้ายของโจทก์เเละเอกสารชี้เเจงของจำเลยต่างมีเอกสารหลักฐานยืนยันถึงการสืบสวน/สอบสวนการเขื่อมโยงเส้นทางการเงินของบุคคล23คนซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่พิสูจน์ว่าน่าจะมีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้นมิได้พิจารณาตามเหตุปัจจัยภายนอกตามที่โจทก์กล่าวอ้าง

พิพากษายกฟ้อง!


กำลังโหลดความคิดเห็น