xs
xsm
sm
md
lg

Crypto Dealer โอกาสทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Crypto Dealer
โอกาสทางธุรกิจ
เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักลงทุนรุ่นใหม่และต่างชาติ แต่ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของตลาดคริปโทฯ ยังได้สร้างปัญหาใหม่ที่ซับซ้อนขึ้น คือการเกิดขึ้นของธุรกรรมซื้อขายนอกระบบ หรือที่เรียกว่า “ตลาด OTC (Over-the-Counter)” ซึ่งดำเนินการโดยไม่ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรากฏการณ์นี้กำลังขยายวงกว้าง โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งเริ่มกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ระหว่างนักลงทุนต่างชาติและผู้ประกอบการในประเทศอย่างไม่เป็นทางการ

ธุรกิจเหล่านี้แม้ดูเหมือนเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ทั่วไป แต่เบื้องหลังกลับมีมูลค่าธุรกรรมหมุนเวียนระดับหมื่นล้านบาทต่อปี โดยร้านแลกคริปโทฯ เถื่อนบางแห่งมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 14,000 ล้านบาทต่อปี เงินจำนวนมหาศาลนี้ไม่ผ่านระบบภาษีและไม่อยู่ในการกำกับตรวจสอบของรัฐ อีกทั้งยังถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงินจากกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหานี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินในประเทศ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มองหาความโปร่งใสและเสถียรภาพของตลาดไทย

ภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 หน่วยงานกำกับดูแลหลักอย่าง ก.ล.ต. ให้ใบอนุญาตแก่ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ดำเนินงานแบบออนไลน์ เช่น Bitkub, Upbit และ Satang Pro ซึ่งต้องมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม กรอบกฎหมายดังกล่าวยังไม่สามารถครอบคลุมธุรกรรมแบบเผชิญหน้า (Face-to-Face) ที่ใช้เงินสดเป็นหลักได้เต็มรูปแบบ ทำให้เกิดช่องว่างของการกำกับดูแล ที่ตลาด OTC ใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากซึ่งนิยมใช้คริปโทฯ แลกเปลี่ยนกับเงินบาทโดยตรง

ในแง่เศรษฐกิจมหภาค ช่องว่างนี้ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ เพราะเงินหมุนเวียนในตลาดนอกระบบไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษีของรัฐ ขณะเดียวกัน การไม่มีข้อมูลการทำธุรกรรมทำให้ยากต่อการติดตามการเคลื่อนย้ายเงินที่อาจเชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางการเงิน การปรับโครงสร้างกฎหมายเพื่อนำตลาด OTC เข้าสู่ระบบจึงกลายเป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งหลายฝ่ายเสนอให้รัฐออก “ใบอนุญาต Crypto Dealer” เพื่อให้ธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในรูปแบบคล้ายธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตในฐานะ Crypto Dealer จะต้องมีสถานประกอบการจริง มีระบบยืนยันตัวตนลูกค้าแบบเผชิญหน้าในระดับสูง ตามมาตรฐานสากล พร้อมระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์และระบบจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมที่ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ ทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใส ป้องกันการฟอกเงิน และสร้างความเชื่อมั่นแก่ทั้งภาครัฐและเอกชน

การจัดระเบียบตลาด OTC เข้าสู่ระบบจะสร้างประโยชน์เชิงโครงสร้างหลายด้าน ประการแรกคือการเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน เพราะเมื่อธุรกรรมถูกติดตามได้ครบถ้วน หน่วยงานรัฐจะมีข้อมูลในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ระบบการเงินจะถูกใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย ประการที่สองคือการเพิ่มรายได้ภาษี เพราะเมื่อธุรกิจเหล่านี้เข้าสู่ระบบ รัฐสามารถจัดเก็บภาษีจากกำไรของการซื้อขายคริปโทฯ ตามประมวลรัษฎากรได้ทันที ถือเป็นการขยายฐานภาษีจากเศรษฐกิจดิจิทัลโดยไม่ต้องเพิ่มภาระภาษีใหม่ ประการที่สามคือการยกระดับขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและการท่องเที่ยวคุณภาพ เนื่องจากเมืองหลักอย่างภูเก็ตและพัทยามีศักยภาพสูงในการเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ แห่งภูมิภาค หากมีระบบแลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาต จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติและกลุ่ม Digital Nomads ให้เข้ามาลงทุนและใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้ การมีระบบกำกับดูแลที่สมดุลระหว่างความปลอดภัยและเสรีภาพทางนวัตกรรม ยังจะช่วยสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจใหม่ที่ต่อยอดไปสู่ธุรกิจบริการทางเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Custodian Service) หรือธุรกิจวิเคราะห์ธุรกรรมบนบล็อกเชน (Blockchain Forensics) ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและขยายสู่ตลาดอาเซียนในอนาคต

สำหรับนักธุรกิจและนักลงทุน การออกใบอนุญาต Crypto Dealer จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการกำกับดูแลเท่านั้น แต่คือ “โอกาสทางธุรกิจ” ครั้งใหม่ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลไทย เพราะจะเปิดทางให้เกิดผู้ให้บริการทางการเงินรุ่นใหม่ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบเศรษฐกิจจริงได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย ประเทศที่มีความพร้อมในด้านกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนและยืดหยุ่น จะได้เปรียบในการดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศและสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ในที่สุด การดึงตลาดคริปโทฯ นอกระบบเข้าสู่กรอบกฎหมายไม่ใช่เพียงการปิดช่องโหว่ทางการเงิน แต่คือการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศในการสร้างระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่โปร่งใส ยั่งยืน และแข่งขันได้ในระดับโลก หากประเทศไทยสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะไม่เพียงลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนวิกฤตตลาดเงาให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในทศวรรษหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น