สว.นันทนาลุ้นปปช.
ชี้คดีสองกระทงความ
บูลลี่สว.ขายหมู-ปลอมลายมือ
10 พ.ย.2568 ศาลแขวงดุสิต พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ 562 | 2568 ระหว่าง “แดง กองมา ”โจทก์ กับ “นันทนา นันทวโรภาส ” จำเลย
โดยทั้งสองคนนี้คือสว.ชุดปัจจุบัน เเต่ข้อพิพาทเกิดจาก“นันทนา”วิพากษ์“เเดง”ที่มาจากกลุ่มอาชีพขายหมูเเละผ่านกระบวนการคัดสรรของสว.ให้เเดงเป็นกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ฯ ไม่เหมาะสม
ซึ่งเเดง ฟ้องว่านันทนาบูลลี่/ด้อยค่าเเดงเป็น“สว.กลุ่มที่10(กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น)เเม่ค้าขายหมูจากจ.อำนาจเจริญคนนี้ว่า ไม่เหมาะกับการทำหน้าที่ในกรรมาธิการดังกล่าว
โดยศาลตัดสินยกฟ้อง ‘สว.นักวิชาการด้านสื่อเเละถือกำเนิด ณ เมืองปากน้ำ’ โดยศาลวินิจฉัยว่า อาขีพคนขายหมูเป็นข้อเท็จจริง เเละการวิจารณ์กระบวนการคัดสรร กมธ.การพัฒนาการเมือง สว.ไม่ปรากฎเจตนาไม่สุจริตอื่น ถือไม่ได้ว่านันทนา ดูหมิ่น/ด้อยค่า
ทำให้นันทนาประกาศหลังทราบคำตัดสืนว่า จะฟ้องกลับหมด คือ 1.สว.130คนที่ลงมติปมกล่าวหานันทนาด้อยค่าอาชีพ“ขายหมู” นั้น เพราะสว.จำนวน3ใน5 ชี้ว่านันทนาขัดมาตรฐานจริยธรรมเละขัดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
เคสนี้ของนันทนานั้น หากย้อนไปเมิ่อวันที่28 ตุลาคม 2568 สำนวนที่พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ชงผลการพิจารณาเเละสว.ประชุมลับก่อนลงมติ โดยผลปรากฏว่า
“เนื่องจากเป็นการกระทำที่วางตนไม่เป็นกลางมีอคติต่อกลุ่มอาชีพ ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของบุคคลอื่น ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและเสียดสีสมาชิกวุฒิสภาบุคคลอื่นอันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาของตนและไม่เคารพและปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา คณะกรรมการจริยธรรมได้พิจารณาจากพฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง ความสำคัญของตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติ ความประพฤติ มูลเหตุจูงใจและสภาพแวดล้อมแห่งกรณีของนันทนา ผู้ถูกร้องเห็นว่า
เป็นการกระทำขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 4 มาตรา 27 มาตรา 34 มาตรา 50 (3) และ (6) และมาตรา 107 และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 8 ที่ผู้ถูกร้องมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยมิได้ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้วุฒิสภาดำเนินการตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 44 วรรคหนึ่งประกอบข้อ 43 วรรคสองและวรรคสามต่อไป”
เเละ2.ก่อนหน้านี้คิอวันที่5พ.ย.นันทนาฟ้องประธานคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภากับพวกรวม 18 คน ว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้านแรงหรือไม่ ต่อสำนักงานปปช.
โดยนันทนาชี้ว่า สว.เหล่านี้ กลั่นแกล้ง เพราะมติสว.ล่าสุดที่เชือดนันทนานั้นจะส่งไปให้สำนักงานปปช.พิจารณาว่ามีมูลหรือไม่ เเต่นันทนาจะนำคำพิพากษาไปสู้ข้อกล่าวหานี้กับสำนักงานปปช.
เเต่คำตัดสินศาลชั้นต้นนั้น โดยหลักกฎหมายเเล้ว คดีนี้นับว่า ยังไม่สิ้นสุดเเละลุ้นว่าโจทก์จะสู้ต่ออีกสองศาลหรือไม่
ดังนั้นนันทนาจะหยิบคำตัดสินของศาลเเขวงดุสิตไปสู้ในชั้นปปช.นั้น คงกระทำไม่ได้ เเละปปช.จะไม่รับฟัง เว้นเเต่คดีถึงที่สุด/มีคำพิพากษาศาลฎีกาตัดสินเเล้ว องค์กรต่างๆต้องยึดเเนววินิจฉัยดังกล่าวของศาลฎีกาไปปฏิบัติ เพราะคำตัดสินของศาลชั้นต้นยังไม่ผูกพันองค์กรต่างๆให้ปฏิบัติเเต่อย่างใด
ย้อนมาสิบที่มาที่ไปของมาตรฐานจริยธรรมนั้น กรณีนี้เกิดมาจากรัฐธรรมนูญ 2560ที่มีชัย ฤชุพันธุ์ วางไว้เพื่อปราบโกงทุกมิติของทุกฝ่ายที่ใช้อำนาจรัฐในหลากองค์กร เเละคนการเมืองทั้งสภาสูง/สภาผู้เเทนฯ/ครม.ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องครองตนด้วยมาตรฐานจริยธรรมนี้ทุกกระเบียดนิ้ว
เกมนี้น่าจะต้องลุ้นว่าสนามบินน้ำจะเคาะอย่างไร เพราะศึกสภาสูงระหว่างนันทนาเเละพวกที่เรียกตัวเองว่าสว.พันธุ์ใหม่/สว.สีขาว/สว.อิสระ กับสว.สีน้ำเงินนั้นยังมีอีกหลายยก
โดยเเผลของสว.สีน้ำเงินคือเคสฮั้วสว.ที่ยังไม่รู้ว่ากกต.จะเคาะเมื่อใดว่าผิดหรือถูก
ส่วนสว.ปีกนันทนานั้น อย่าลืมว่า นันทนาเเละพวกตายน้ำตื้นเเละไม่ชี้เเจงเลยว่าการล่ารายชื่อ21สว.เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2568 ได้ลงชื่อในหนังสือเพื่อยื่นถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย
1.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของการเป็น สว. ทั้ง 136 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113
2.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สว. ทั้ง 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย หรืออย่างน้อยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงอื่นๆ ไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย...
เเต่ไม่นานนัก 3ใน21สว. ถอนตัวจนคำร้องดังกล่าวสิ้ยสภาพเพราะรายชื่อไม่ครบจำนวนที่กฎหมายบัญญัติไว้ เเละเคสนี้ มีผลทางกฎหมายอาญาเเล้ว! เพราะพบว่า มีการปลอมเเละใช้เอกสารทางราลการปลอม เพราะหนังสือดังกล่าวของนันทนากับพวกที่ยื่นต่อเบอร์1 สภาสูง“มงคล สุระสัจจะ”นั้น นับเป็นเอกสารทางราชการ
หากพบว่า มีการใช้เอกสารทางราชการโดยการปลอมเพียงบางส่วน/ปลอมทั้งฉบับ นับว่าเอกสารนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย หากผู้ใดนำไปใช้ นับว่าผิดกฎหมายอาญาทันที
โดยสว.รายหนึ่งขอถอนขื่ออ้างว่าลงชื่อไปในเอกสารนั้นเพราะสำคัญผิด ส่วนอีกสองคนอ้างว่าโดย“ปลอมลายมือ” เเละหนึ่งในนั้นเเจ้งความกับสน.เตาปูนไว้เเล้ว
เคสนี้เเว่วว่าปปช.ก็ติดตามอยู่เช่นกัน เเละลุ้นกันว่านันทนากับพวก จะชี้เเจงเช่นใด เพราะนันทนานับเป็นโต้โผล่ารายขื่อเเละเเถลงข่าวนีักับสื่อด้วยตัวเองว่าจะผิดกฎหมายอาญาเเละขัดจริยธรรมในเคสนี้หรือไม่
ส่วน“เศรณี อนิลบล" สว.กลุ่มอาชีพทำสวน ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง ที่รับรู้ว่าเเนบชิดกับนันทนาเเละพวก นั้น ปลายเดือนก.ค.ปีนีั พบคลิปสว.คนหนึ่งด่ารปภ.รัฐสภาถูกเผยเเพร่...โดยเศรณียอมรับว่า สว.คนนั้นคือตนเอง เเว่วว่าเศรณีก็จ่อโดนหวดด้วยข้อหาขักจริยธรรมจากคลิปดังกล่าว เเละสังคมสอบถามว่าทำไมนันทนาไม่กล่าวถึงเคสบ้างว่าการที่สว.บูลลี่รปภ.นั้น ขัดจริยธรรมไหม? หริอเป็นเพราะเศรณีเเนบชิดกับนันทนาเเละพวก จึงมองไม่เห็น...
เพราะที่ผ่านมาไม่นานนัก สส.หลายคนโดนหาขัดจริยธรรมหลากวาระ โดยพบว่าอดีตผู้เเทนราษฎรบางคนต้องโดนตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพเเละเข้าไปนอนในเริอนจำมาเเล้ว
เเว่วว่าอีกไม่นานนัก สส.ปากเเจ๋วบางรายใกล้จะโดนชี้มูลว่าผิดหริอไม่ กับการอภิปรายที่มีการถ่ายทอดสด/เเถลงข่าวกับสื่อบนข้อความอันเป็นเท็จเเละบิดเบือน เพราะการพูดจาโดยไม่ระวังตนบนตำเเหน่งหน้าที่รายล่าสุดที่โดนข้อหาขัดจริยธรรมอย่างร้ายเเรงคือ“เเพทองธาร ชินวัตร”อดีตสร.1คนที่31กับคลิปเสียงอังเคิลอันโด่งดังนั่นเอง
เกมที่นันทนาต้องลุ้นว่าปปช.จะลงดาบว่าขัดจริยธรรมร้ายเเรงนั้น ดาบเเรกคือเคสบูลลี่สว.ขายหมูจะรอดพ้นหริอไม่เเละดาบที่สองคือเคสปลอมลายมือสว.นั้น นันทนาจะรอดได้อย่างไร หรือไม่ น่าติดตาม


