2 อ.หญิงจุฬาฯ
กล้า“หัก”พาล
โจ๊กหลุด!คดีลักข้อสอบ
6 พฤศจิกายน 2568 สังคมรับรู้ทั่วเเล้วกับผลการประชุมคณะกรรมาธิการ ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “รังสิมันต์ โรม ”ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธานการประชุม
เพิ่อพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบราชการตำรวจในด้านการบริหารงานบุคคลและการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง“ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ”อดีตรอง ผบ.ตร.“ทุจริตข้อสอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ”
สังคมเห็นภาพ บิ๊กโจ๊กน็อตหลุดปล่อยนิสัย“พาล” เพราะไปชี้หน้า“ทัชมัย ฤกษะสุต ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปารีณา ศรีวนิชย์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ”ที่มาชี้แจงต่อ กมธ.
เเละ“โรม”ในฐานะหัวโต๊ะไม่เบรคเกม!?!
พฤติกรรม/
นิสัยเเบบนี้ของโรมเเละบิ๊กโจ๊กที่บังเกิดล่าสุด ยิ่งย้ำชัดว่า สส.ค่ายสีส้มเเละอดีตรองผบ.ตร.เเนบเเน่นเเค่ไหนกับข้อมูลที่รู้กันว่า
โรมจากค่ายสีส้มคือสุรเชชษฐ์ บัดดึ้คู่ซี้ ที่ร่วมกันเปิดวาระนี้ จนสมประสงค์กันทั้งสองฝ่าย
หากติดตามข่าวฉาวของบิ๊กโจ๊กปูดมาหลายวาระในช่วงที่ผ่านมา จะพบว่าโรมเเละสส.ค่ายสีส้มที่มีสส.ปากเเจ๋วหลายคนกลับไม่มีใครเเตะต้อง/ไม่เอ่ยถึงสักคำ...
เเบบนี้ไม่เรียกว่าสส.ค่ายสีส้มเเละบิ๊กโจ๊กดองกันดั่งพี่น้องในไส้นั้น ก็ไม่รู้จะเอ่ยว่าอะไรเหมาะสมกว่าเเล้ว!?!
เพราะเวลาเกือบสามชั่วโมงที่ประชุมกันนั้น พบว่าบิ๊กโจีกร่ายยาวอ้างไปเริ่อยเปื่อยเเละเริ่มคุมตัวเองไม่ได้
โจ๊ก อดีตรองผบ.ตร. อ้างว่า ตัวเองไม่โดนแจ้งข้อหาจากตำรวจไซเบอร์ว่า ตัวเองผิดม.188 เเห่งประมวลกฎหมายอาญา เเต่เเล้ว”ผบ.ตร.“กลับรังเเก เพื่อยัดข้อหาเพิ่มเพิ่อบล็อกถนนพระราม1 ไม่ให้
บิ๊กโจ๊กคัมเเบ็คถิ่นปทุมวันได้ บนการสอบสวนว่าบิ๊กโจ๊กร่วมลักข้อสอบด้วยหรือไม่...
วันนั้นบิ๊กโจ๊กอ้างว่า ไปเเสดงตนอยู่เเถวๆคณะว่าวันนั้นมาสอบไม่ได้เพราะมีภารกิจบินไปพัทยา เเละไม่ได้อยู่ในพื้นที่ลักข้อสอบ! เเล้วมากล่าวโทษว่าบิ๊กโจ๊กรู้เห็นเเละได้ประโยชน์อันใดเพราะหากลักช้อสอบมาจริง ?
เเละบิ๊กโจ๊กบอกอีกว่า หากตัวเองโง่จากลอกข้อสอบที่ลักขโมยมาเเล้วตัวเองยังสอบตกในวิชานั้น บิ๊กโจ๊กจะกระทำไปทำไม?!?เเละชี้ว่าอาจารย์จากสามย่านเป็นเหยื่อในเคสนี้!
ตำรวจที่ถูกไล่ออกคนนี้ยัง“พาล”พาดพิงอาจารย์ปารีณาว่าไม่ควรมายุ่ง เพราะอดีตคณบดีนิติศาสตร์คนนี้”มีส่วนได้เสีย“ เพราะสามีของอาจารย์ปารีณาคือ“พลตำรวจโทเจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ”อดีตผบช.ภ.4 นั้น ได้เลื่อนขั้นเพราะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในตอนนั้น
มาถึงจังหวะอาจารย์ปารีณา ตอกโจ๊กหน้าหงายเลยว่า พลันที่บิ๊กโจ๊กมาเรียนที่นี่ จุฬาฯอะลุ้มอล่วยกับกติกาที่ใช้กับนิสิต โดยมีข้อยกเว้นให้หลายวาระ เช่นจัดที่จอดรถในคณะให้/อนุมัติการเลิ่อนสอบหลายครั้ง จนอาจารย์เตยโดนคอมเมนท์มาว่าเลือกปฏิบัติ
อาจารย์ปารีณาย้ำว่า สามีของเธอรับราชการในพื้นที่ภูธรภาคสี่มาทั้งชึวิต ตั้งเเต่เป้นนร.ต.ต.จนหนึ่งปีก่อนเกษียณ พลตำรวจโทเจริญวิทย์จึงได้ขึ้นเป็นผบช.ภ.4
ดังนั้นวาทะนิ่มๆนิ่งๆของอาจารย์เตยที่เเก้ข้อกล่าวหา/พาดพิงคู่ชีวิจ จากสิ่งที่บิ๊กโจีกกล่าวอ้างลอยๆเช่นนี้ไม่รู้ว่า ใครบางคนในวงการสีกากีที่โตเเบบฟาสต์เเทรคจะสะดุ้งเเละอายเเบบเเทรกเเผ่นดินหนีไหม...
ส่วนทัชมัยนั้นกล่าวคำชี้เเจงว่า ไม่ใช่เหยื่อเเละกระทำตามที่อธิการบดีมอบหมายในการเเสวงหาความจริง ...ใครผิดถูกไปว่ากันภายหลัง!
กริยาของสองอาจารย์สตรีจากสามย่าน น่านับถือเพราะใข้วิถีวิญญูชน อธิบายต้นสายปลายเหตุการลักข้อสอบอย่างกระจ่างเเละสิ้นกระเเสความในสิ่งที่จุฬาฯสอบสวน....
สองอาจารย์สตรีจากสามย่าน ชี้เเจงว่า พบว่า“ดร.นิดเเละอดีตสองนายตำรวจที่ใกล้ชิดบิ๊กโจ๊ก”ร่วมกันลักข้อสอบจริง เเต่ไม่ได้ระบุว่าบิ๊กโจ๊กจะได้อานิสงส์ใดจากการกระทำดังกล่าว /สามย่านสอบสวนความจริงเพื่อรักษาเกียรติภูมิสีชมพู/จุฬาฯไม่ขอเกี่ยวข้องกับการสอบสวนของสตช. ที่จะชี้ผิดชี้ถูกกับบิ๊กโจ๊กในงวดนี้/จะขยายผลภายในสามย่านต่อว่าใครในสามย่านจะถูกโดนดำเนินการเช่นใดต่อไป...
ดังนั้นวิญญูชนพินิจได้เเน่ว่า ทำไมดร.นิดเเละสมุนของโจ๊กลักข้อสอบไปเพื่อการใดเเละเพื่อใคร?
..เพราะทั้งสามคนที่เป็นผู้ต้องหาตามที่ตำรวจไซเบอร์กล่าวโทษนั้น ไม่ได้ลงทะเบียนเรียนปริญญาตรีภาคบัณฑิตของคณะนิติศาสตร์ สามย่าน....
คำตอบว่าทั้งสามคนจะลักข้อสอบไปเพื่อใคร/เพื่ออะไร? การนี้วิญญุชนพึงพินิจได้เอง


