เจาะขุนพล พรรคสีแดง เก่าไปใหม่มา!?
พิธีกรรมเมื่อ31ตุลาคมที่ผ่านมาในการลงคะเเนนเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เเทน“เเพทองธาร ชินวัตร” ที่ไขก๊อกเเบบข้างๆคูๆหลังจากเธอวางเเคมเปญ“ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” เป็นจุดขายเมื่อหลายวันก่อน เเต่มันไม่ปัง!
เพราะข่าวดังเเละปังกว่าคือการที่เธอไขก๊อกหัวหน้าพรรคคนที่เเปดเเบบดื้อๆในเวลาถัดจากนั้น(นัยว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงหากเธอยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปนั้น เธออาจโดนร้องเรียนข้อหาขัดจริยธรรมร้ายเเรงอีกคราวในการลงนามส่งผู้สมัครสส.ด้วยลายเซ็นของเธอ)
เเละอย่าลืมรอยช้ำคลิปเสียงอังเคิลที่ยังหลอนเธอไปอีกนานเเสนนานจนตอนนี้เธอเเทบไม่ยอมออกจากเซฟโซน!?!
ดังนั้นการขยับไปยืนหลังม่านเพิ่อสั่งการของเเพทองธารเเละปล่อยรายชื่อผู้บริหารพรรคชุดล่าสุดที่ไม่มีนามสกุลชินวัตรเเปะในโผนั้น อาจล้างภาพจำตระกูลชินในการเป็นเจ้าของพรรคสีเเดงออกไปได้บ้าง ...เเต่ความจริงเพียงจริงคือ อำนาจสูงสุดในพรรคนั้น เธอในนามตัวเเทนตระกูลชินยังกุมสภาพดูเเลพรรคเเบบเต็มร้อยนั่นเอง!
ย้อนเวลาไปวันวาน หลายคราวเเล้วนับเเต่การยึดอำนาจปี2549เเละปี2557 การถอดบทเรียนของคนในพรรคสีเเดง(ไทยรักไทย/พลังประชาชน/เพื่อไทย)ว่าจังหวะที่สะดุดนั้น เพราะชนชั้นนำในสังคมไทยไม่วางใจ“ชินวัตรเเฟมิลี่”บนเวทีการเมือง ยามนั้นพบว่าพรรคสีเเดงมีการเปลี่ยนให้คนนอกตระกูลขึ้นมานำพรรคบ้างในบางคราว เเต่ความจริงอีกชั้นหนึ่งคือตระกูลชิน“ไม่เคยวางใจคนอิ่น”ในการนำพรรคเช่นกัน
ดังนั้นสังคมจึงพบภาวะการเข้าๆออกๆของ“คนนอก/คนในตระกูลชิน” บนบทบาท“เบอร์1 พรรคสีเเดงจำนวนเเปดคน”ในช่วงที่ผ่านมา-วันนี้ที่ไม่ใช่สิ่งเเปลกใหม่ใดๆเลย
ดังนั้น“เพื่อไทยการละคร”องก์นี้ที่บังเกิด มันคือหน้าฉากเพื่อลวงตาสังคมเเละเเก้เกมการเมืองในยามนี้เพราะเเท้จริงเเล้ว ชินวัตรเเฟมิลี่ยังกุมสภาพเต็มร้อย โดยอ่านบทบาทที่เเพทองธารยังคงสวนบท”หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย“ไว้นั้น เนื้อเเท้คือ หัวโขนนี้เป็นภารกิจหลักที่เธอจะประสานสารพัดมุ้งในพรรคมิให้เลือดไหล-ย้ายออกไปอีก เพราะเลือดใหม่ที่จะมาเสี่ยงดวงกับพรรคสึเเดงยามนี้นั้น น่าจะหายากเต็มทน
ว่ากันว่ายามนี้เเพทองธารขอยึดการวางคนเเละเเนวทางบริหารพรรคไว้ในมือจากหลากมุ้งในชินวัตรเเฟมิลิี่ เพื่อยกเครื่อง/ลดขัดเเย้งภายในพรรค /สร้างภาพลักษณ์ใหม่ เเละหลายมุ้งของตระกูลชินเคาะชื่อกันตั้งเเต่ไก่โห่ว่าคนของใครควรจะวางไว้บนตำเเหน่งไหนบ้าง.. .โดยหัวหน้ามุ้ง“นาตาชา เเห่งอาคารเลขที่197 ถนนวิภาวดีฯ”เป็นคนเคาะชั้นสุดท้ายในการวาง29คนเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้
เริ่มตั้งเเต่หัวหน้าพรรคคนที่9 “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ”ชายวัยห้าสิบปี เป็นสส.เชียงใหม่ห้าสมัย เคยเป็นรมช.คลัง เเละเป็นสายตรงชินวัตรเเฟมิลี่ที่ทุกคนวางใจในตอนนี้ เเละปลอบใจ“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” บิดาของเสี่ยหนิมที่ไขก๊อกจากพรรคไปหมาดๆหลังจากสมพงษ์ที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคสีเเดงมาช่วงหนึ่งขัดใจคนในชินวัตรเเฟมิลี่บางคนที่ล้วงลูกว่าที่ผู้สมัครสส.ภาคเหนือเเบบไม่ให้เกียรติกัน....
ภารกิจลับของเสี่ยหนิมคือ ดึงยอดสส.ในภาคเหนือตอนบนจากพรรคสีส้มคืนกลับให้มากที่สุด เเละบล็อกการทะลวงของพรรคกล้าธรรมให้ได้ เพราะปี2566เสี่ยหนิมรับงานดูเเลยอดสส.ภาคเหนือตอนบนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะนครพิงค์ที่มีสิบสส.ว่าห้ามพลาด เเต่พรรคสีเเดงคว้าได้สองสส.เท่านั้นจนพรรคสีเเดงเสียจ.เชียงใหม่ในฐานะเมืองหลวงของพรรคไปให้ค่ายสีส้มเเละหลายเขตในจังหวัดอื่นๆของภาคเหนือนั้นพบว่าบ้านใหญ่/อดีตสส.หลายสมัยพ่ายเเบบงงกันทั้งบาง...
ส่วนยอด200สส.ที่เสี่ยหนิมระบุว่ากว่ามั่นใจว่าสิบล้านเสียงยังไม่ปันใจเเละจะให้พรรคสีเเดงคัมเเบ็คมาสานต่อนโยบายรัฐบาลที่ยังไม่สำเร็จในข่วงสองปีที่ผ่านมา เช่น เงินดิจิทัล10000บาทนั้น
น่าสงสัยว่าเสี่ยหนิมคงพูดไปงั้นๆเเละฝันกลางวันหรือไม่ เพราะอย่าว่าเเต่คนทั่วไปเลยว่าจะไว้ใจ เพราะเเม้เเต่เเฟนพันธุ์เเท้ชาวสีเเดงยังส่ายหน้า ดังนั้นโอกาสเป็นพรรคอันดับ3-4 บนเวทีของการชิงสส.งวดหน้า คืออันดับที่พรรคสีเเดงพอจะทำได้มากที่สุุด
ส่วนโอกาสที่เสี่ยหนิมจะเป็น1ใน3เเคนดิเดตสร.1นั้น เอากันตรงๆน้อยยิ่งกว่าน้อยเเละเลิกฝันได้เลย เเม้จะเป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม...
ส่วนรายขิ่อเเคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนอื่นๆ เช่น จาตุรนตฺ ฉายเเสง /สุทิน คลังเเสง /นพ.ชลน่าน ศรีเเก้วนั้นคือเป้าหลอกทั้งนั้น...
เริ่มจาก“เดอะอ๋อย ณ เเปดริ้ว ”พบว่าคนเดือนตุลาผู้นี้เคยเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย/ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติเเละจาตุรนต์เคยจะเเยกตัวจากชินวัตรเเฟมิลี่ โดยเตรียมตั้งพรรคเส้นทางใหม่กับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเเต่ก็ไปไม่รอดจนต้องคัมเเบ็คพรรคสีเเดง การโดนโยนชื่อมาเบียดเสี่ยหนิมนั้น เอาเข้าจริงเเล้วชินวัตรเเฟมิลี่ก็คงไม่วางใจให้จาตุรนต์ขึ้นเบอร์1 เเน่นอนเพราะควบคุมยาก ! เเต่มิให้เสียน้ำใจเเละใช่ว่าตระกูลฉายเเสงเป็นคนอื่นคนไกล พรรคมอบหมวกประธานยุทธศาสตร์พรรคให้จาตุรนต์ไว้เฉิดฉายออกสื่อเป็นการปลอบใจ...
ส่วน”สุทิน คลังเเสง“อดีตรมว.กลาโหมเเละคนการเมืองจากมหาสารคามนั้น เเม้จะมีภาพดีเเละไม่เคยเเปรพักตร์นับเเต่เป็นสส.ครั้งเเรกในปี2544กับพรรคไทยรักไทย เเต่ใข่ว่าสุทินจะป๊อปปูลาร์นักเเละยังมีข่าวว่าใกล้สละเรือหลายระลอก บวกกับข่าวลือในพื้นที่ว่า คนในเเวดวงคลังเเสงเเตะมือกับวัยรุ่น888 จ่อบุกเวทีการเมืองใหญ่ในเวลานี้...
ด้าน”นพ.ชลน่าน ศรีเเก้ว“ อดีตหัวหน้าพรรคคนที่เจ็ดก็ไม่ใช่ตัวเลิอกเเน่นอนเพราะหน้าช้ำในปี2566ช่วงพลิกลิ้นหักดิบกับพรรคก้าวไกลในการฟอร์มครม.เศรษฐา ทวีสิน จนเครดิตอดีตดาวสภา/ดาวเด่นเเห่งปีที่สื่อมวลชนตั้งให้สลายไปโดนพลัน เเละหากดันนพ.ชลน่านมายืนเเถวหน้าของพรรคสีเเดงอีกคราวนั้น นับว่าคลังสมองของพรรคคงต้องไปปรับทัศนคติกันยกทีม!
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง ”คัมเเบ็คเป็นเลขาธิกาาพรรครอบที่สอง ชายวัย65ปีจากโคราชเป็นคนในสายเฮียเพ้ง ”พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล“ที่ชินวัตรเเฟมิลี่เรียกตัวกลับพรรค หลังเฮียเพ้งวางมือไปเเล้ว เเว่วว่าเฮียเพ้งถูกนำมาคานกลุ่มสองมิตรโดยเฮียเพ้งโดนวางบทหัวจ่ายตอนหาเสียงในปีกที่รับงานมาผ่านการเดินจังหวะของประเสริฐนั่นเอง
ส่วนรองเลขาธิการพรรค ประกอบด้วย “ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ คนใกล้ชิด“นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” /จิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ บุตรชายของหัวเขียง“ประยุทธ์ ศิริพานิชย์/ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ บุตรชาย“เกษม รุ่งธนเกียรติ”เเละสายตรงบิ๊กอ้วน/ปิยะรัชต์ ติยะไพรัช บุตรสาว”ยุทธ ตู้เย็น“เเห่งเชียงราย”
ส่วนโฆษกพรรคนั้น ยังบลัดสายนาตาชา “ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ”อดีตรองเลขาธิการนายกฯในฐานะ นักคิดเศรษฐกิจรุ่นใหม่เบื้องหลังนโยบายสำคัญรัฐบาลแพทองธาร ชายคนนี้จะมาเป็นกระบอกเสียงเพื่อเปิดจุดขายดึงคนรุ่นใหม่/รักษาคะเเนนเดิมให้มาลงคะเเนนให้พรรคสีเเดงมากที่สุด
บทสรุป ผู้บริหารพรรคสีเเดฃชุดนี้ พบว่าจุดว้าวเรียกราคานับว่าไม่ปัง! เเต่การวางยังบลัดมานำทัพสีเเดงคราวนี้พบว่า เเพทองธารตัดชื่อคนการเมืองรุ่นเก่า/รุ่นกลางที่ภักดีกับตระกูลชินมานานออกจากบริหารพรรคงวดนี้ไปหลายคนนั้น
เป็นการวัดใจว่า การวางทีมงานบริหารพรรคคราวนี้ของเธอจะปังหรือไม่ เเละคนที่โดนลดบทบาทไป วันข้างหน้าจะอยู่กับพรรคสีเเดงหรือจ่อเเปรพรรค....รอลุ้น!


