ส่อง พรรคอดีต3 ป.
พลังประชารัฐ-รทสช.
ขาลง-หมดสภาพ
การเมืองไทยตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะกลับมาเปิดอีกรอบ ก็กลางเดือนธันวาคม ต่อจากเปิดสภาประมาณหนึ่งเดือนครึ่งก็จะยุบสภาฯ ตามสัญญาที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯบอกไว้ว่าจะยุบสภาฯ 31 มกราคม 2569 แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ไม่รู้จะเป็นวันไหน
อย่างไรก็ตาม ชีพจรการเมืองช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ยังคงมีความเคลื่อนไหวการเมืองของพรรคการเมืองกันอย่างคึกคักเพื่อเตรียมเข้าสู่โหมด”เตรียมพร้อมเลือกตั้ง”
หากโฟกัสไปที่ พรรคเครือข่าย อดีต 3 ป. ก็เห็นสัจธรรมการเมืองที่ว่า การเมืองมีขาขึ้นขาลง เพราะดูทรงแล้ว อดีตพรรคเครือข่าย 3 ป. ทั้งพรรค”พลังประชารัฐ”ของลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ”อดีตพรรคลุงตู่”รวมไทยสร้างชาติ ที่เคยชูลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตอนเลือกตั้งปี 2566 ทำท่าว่าทั้งสองพรรค เลือกตั้งที่จะมีขึ้นมีแนวโน้ม จะได้ส.ส.หลังเลือกตั้งลดลงเกินกว่าเดิม 60-70 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่แน่อาจลดไปมากกว่าคาด
เห็นได้จากอดีตหัวหน้าทีม”กำแพงเพชร พลังประชารัฐ” วราเทพ รัตนากร ที่เคยมีส่วนสำคัญ ทำให้ พลังประชารัฐ ชนะเลือกตั้งยกจังหวัดที่กำแพงเพชรสองรอบติดทั้งการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 ตัว วราเทพ ไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทย
และบอกไว้ชัดแล้วว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะย้ายกลับเพื่อไทยหลังเคยอยู่กับทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่เลือกตั้งปี 2544
อันที่จริง มันก็ไม่เหนือความคาดหมายเพราะส.ส.กำแพงเพชร ทีมวราเทพคือปริญญา ฤกษ์หร่าย และอนันต์ ผลอำนวย ส่งสัญญาณทิ้งบ้านป่ารอยต่อฯ ให้เห็นตั้งแต่ตอนโหวตเห็นชอบร่างพรบ.งบฯ 2569 ทั้งที่พลังประชารัฐเป็นฝ่ายค้านและโหวตหนุนชัยเกษม นิติศิริ จากเพื่อไทยเป็นนายกฯ ทั้งที่พลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาลหนุน อนุทิน เป็นนายกฯ
เลือกตั้ง 2569 สนามเลือกตั้งกำแพงเพชร จึงน่าสนใจไม่น้อย เพราะจะเป็นการวัดกัน ระหว่าง วราเทพ กับ ไผ่ ลิกค์ ที่เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เพื่อไทย-พลังประชารัฐ แต่ตอนนี้ ไผ่ ลิกค์ ไปอยู่ พรรคกล้าธรรม จึงต้องมาแข่งกันเอง งานนี้ได้รู้ วราเทพหรือไผ่ ลิกค์ ใครกันแน่ คือตัวจริงที่กำแพงเพชร
เว้นแต่ จะจับมือกัน แบ่งเขตกันไปคนละสองเขต ไม่ต้องชนกันเอง คือ ไผ่ ลิกค์ เขตหนึ่ง เพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ กล้าธรรม เขตสอง อนันต์ ผลอำนวย เขตสาม ปริญญา ฤกษ์หร่าย เขตสี่
หากตกลงกันได้ ก็จะไม่เหนื่อยมาก เพราะขืนแข่งกันหนัก สุดท้าย ตัดคะแนนกันเอง จะไปเข้าทางพรรคอื่น เช่น พรรคประชาชน
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรมว.ดิจิทัลฯ และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หนึ่งในอดีตลูกรักของลุงป้อม ก็ส่งสัญญาณออกจากพลังประชารัฐ ไปอยู่ภูมิใจไทย พร้อมกับจะพา โชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ น้องชาย ที่เป็นส.ส.สิงห์บุรี พลังประชารัฐ ไปพรรคสีน้ำเงินด้วย
ทำให้ตอนนี้ บ้านป่ารอยต่อฯ -พลังประชารัฐ เหลือกลุ่มการเมืองหลักๆแค่กลุ่มเดียวคือ กลุ่มสระแก้ว ของเจ๊ขวัญเรือน เทียนทอง ที่พลเอกประวิตร วัดใจเจ๊ขวัญเรือน ที่รู้จักกับลุงป้อม ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้พันอยู่ที่ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ที่ปราจีนบุรี ยุคที่ยังไม่มีจังหวัดสระแก้วที่แยกมาจากจังหวัดปราจีนบุรี แบบในปัจจุบัน จนเกิดตำนาน บูรพาพยัคฆ์ ด้วยการให้โควตา รมว.แรงงาน กับ ตรีนุช เทียนทอง ลูกสาวขวัญเรือน ที่ก็ต้องดูว่าจะซื้อใจกันได้จนถึงช่วงเดือนมกราคมปีหน้าหรือไม่ หรือจะย้ายออกช่วงโค้งสุดท้าย?
สภาพ อดีตพรรคลุงตู่
บักโกรก -อนาคตมืดมน
อนาคตพรรคอดีตเครือข่าย 3 ป.ที่อยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ พลังประชารัฐ แต่ รวมไทยสร้างชาติ ก็อาการหนักเช่นเดียวกัน
เพราะตอนนี้ ทั้งแกนนำพรรค-ส.ส. หลายคน ชิ่งออกจากรวมไทยสร้างชาติไปก็หลายคน และเตรียมชิ่งตอนใกล้ๆ ยุบสภาฯ ก็อีกเพียบ
ก็ขนาดเลขาธิการพรรค ที่ร่วมทำพรรคมากับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค คือ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ อดีตรมว.อุตสาหกรรม ที่อยู่คนละกลุ่มกับ สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่เปิดตัวเข้าภูมิใจไทยไปเรียบร้อยแล้ว เอกนัฎ ยังไม่อยู่ เตรียมพาลูกทีมเช่น จุติ ไกรฤกษ์ ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ย้ายซบ พรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย
ผ่านการประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 2 พ.ย.ที่สโมสรราชพฤกษ์ พีระพันธุ์ แทบไม่เหลือ ขุนพลการเมืองข้างกาย อาการหนัก ถึงขั้น ต้องหามเอา เฮียชัช เตาปูน หรือ ชัชวาลล์ คงอุดม มาเป็นเลขาธิการพรรคแทน ส่วนลูกชายชัช คือ ชื่นชอบ คงอุดม ก็เป็นรองหัวหน้าพรรค
ส่วนกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ เป็นของเก่าตกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ที่เคยสอบตกที่นครศรีธรรมราชตอนปี 2562ส่วนปี 2566 ดันลูกชายลงแทน ในนามรวมไทยสร้างชาติ แล้วตัวเองลงปาร์ตี้ลิสต์ ลูกชาย ก็สอบตกไม่มีลุ้น หรือ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ก็สอบตกมาแล้วสองสมัย ตั้งแต่ออกจากประชาธิปัตย์ ก็อยู่มาแล้วทั้งพรรคกล้า ของกรณ์ จาติกวณิช ที่เป็นถึงเลขาธิการพรรคแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ลงเลือกตั้งไม่ได้ เลยไปรวมกับ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นชาติพัฒนากล้า แต่ก็ล้มเหลว จนหลังเลือกตั้ง ย้ายมารวมไทยสร้างชาติ
ล่าสุด นราพัฒน์ แก้วทอง อดีตนักการเมืองตระกูลดัง จังหวัดพิจิตร ลูกชาย ไพฑูรย์ ที่ตอนนี้ตกยุคไปแล้ว ก็ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังเฉลิมชัย ศรีอ่อน ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน มาปักหลักที่รวมไทยสร้างชาติแทน
รวมถึง ก็ไปเอาสองอดีตส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์ ที่หมดยุคแล้วเช่นกัน คือ สามารถ มะลูลีม อดีตส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์สองสมัย และโกวิทย์ ธารณา หรือ เฮียโก บางแค มาเป็นรองหัวหน้าพรรค
มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พีระพันธุ์ หมดตัวเล่น ต้องดันเอาพวกหมดสภาพทางการเมือง พวกสอบตก เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค เพราะข้างกาย ไม่เหลือใคร ไม่มีใครอยากทำงานด้วย
ส่วนพวกที่ยังไม่ชัดว่าจะอยู่หรือไป หรือเลิกเล่นการเมือง เช่นพวกสายปาร์ตี้ลิสต์ ทั้ง อนุชา บูรพชัยศรี อดีตโฆษกรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อดีตส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์เขตคลองเตย หรือ อ้น ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกรัฐบาลลุงตู่ และพลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. กลุ่มนี้ อยู่หรือออกจากพรรค ไม่มีผลมากนัก เพราะคงไม่คิดลงสมัครส.ส. ระบบเขต อีกทั้งอยู่ต่อ ก็ไม่ได้เรียกคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้กับพรรคได้
ทำให้ สภาพของรวมไทยสร้างชาติ หากเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เรื่องหวังจะได้ส.ส.เท่าเดิมกับตอนปี 2566 คือ 36 คน และหวังได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 4 ล้านกว่าคะแนน เรื่องนี้ ปิดประตูไปเลย เลิกฝันได้ หากดูสภาพตอนนี้ เอาแค่ให้ได้ เกินสิบที่นั่งยังลำบาก!


