xs
xsm
sm
md
lg

สงครามชิง ‘Rare Earth’ สหรัฐ-จีน เปิดศึกใส่กันหนัก ไทยแลนด์ รอรับแรงกระแทก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศึก "Rare Earth" เดือด! สหรัฐเปิดเกมตัดอิทธิพลจีน ขยายพันธมิตรดึงไทย-มาเลเซียเข้าห่วงโซ่อุปทานยุทธศาสตร์ โลกจับตาไทยจะได้โอกาสทองหรือกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของมหาอำนาจ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แร่แรร์เอิร์ธ หรือ ธาตุหายาก (Rare Earth Elements: REEs) ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญของเศรษฐกิจและความมั่นคงระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศไทยและมาเลเซีย เพื่อการจัดหาและส่งออกแร่แรร์เอิร์ธไปยังสหรัฐฯ

ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนและสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ของแร่ธาตุสำคัญเหล่านี้

แร่แรร์เอิร์ธเป็นกลุ่มของโลหะหนัก 17 ชนิด ประกอบด้วยธาตุซีเรียม (cerium), พราเซโอไดเมียม (praseodymium), นีโอไดเมียม (neodymium), โพรมีเทียม (promethium), ซามาเรียม (samarium), ยูโรเปียม (europium), แกโดลิเนียม (gadolinium), เทอร์เบียม (terbium), ดิสโพรเซียม (dysprosium), โฮลเมียม (holmium), เออร์เบียม (erbium), ทูเลียม (thulium), อิตเทอร์เบียม (ytterbium), ลูทีเทียม (lutetium) และแลนทานัม (lanthanum) ซึ่งเป็นธาตุต้นแบบของกลุ่ม รวมถึงสแกนเดียม (scandium) และอิตเทรียม (yttrium)

สาเหตุที่เรียกว่า ‘แร่ธาตุหายาก’ นั้นมาจากความยากในการสกัดเพื่อให้ได้แร่บริสุทธิ์ ซึ่งต้องใช้กระบวนการทางเคมีเข้มข้นซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและก่อให้เกิดของเสียที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ

ในตลาดโลก จีนเป็นประเทศผู้ผลิตและแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุด ครอบครองห่วงโซ่การผลิตเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การทำเหมือง การแยกแร่ ไปจนถึงการผลิตแม่เหล็กถาวร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ชิปคอมพิวเตอร์ และยุทโธปกรณ์ทางทหาร ความได้เปรียบนี้ทำให้จีนมีอิทธิพลสูงต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนได้เริ่มจำกัดการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ 7 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธาตุน้ำหนักสูง เช่น ซามาเรียม เทอร์เบียม ดิสโพรเซียม และลูทีเทียม ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การจำกัดดังกล่าวทำให้บริษัททั่วโลกต้องดิ้นรนหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนเพียงแหล่งเดียว

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรของสหรัฐฯ โดยออกคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางเพิ่มการผลิตแร่ธาตุสำคัญภายในประเทศ และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อลดการผูกขาดของจีน ภายใต้กรอบแนวนโยบายนี้ สหรัฐฯ จึงลงนามในข้อตกลงกับไทยและมาเลเซีย เพื่อร่วมมือในการจัดหาและส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ

มาเลเซียตกลงที่จะไม่จำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญไปยังสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยมีบทบาทในฐานะแหล่งทรัพยากรสำรองและจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรแร่หายากสำรองประมาณ 4,500 ตันของ Rare Earth Oxides (REO) อยู่อันดับที่ 12 ของโลก ดังนั้น ข้อตกลงนี้จึงไม่ใช่เพียงการค้าธรรมดา แต่เป็นการเมืองระหว่างประเทศในรูปแบบใหม่ สหรัฐฯ ต้องการสร้างพันธมิตรเพื่อรับประกันการเข้าถึงวัตถุดิบที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทยและมาเลเซีย ก็ได้รับโอกาสในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายากภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม โอกาสย่อมมาพร้อมกับความท้าทาย การสำรวจและสกัดแร่แรร์เอิร์ธต้องใช้กระบวนการที่มีความซับซ้อนสูงและก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากประเทศไทยต้องการใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องมีนโยบายและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่รัดกุม รวมถึงการวางแผนระยะยาวเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น การแปรรูปแม่เหล็กถาวร หรือการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถไฟฟ้าและชิปอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่าการส่งออกวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว

อีกด้านหนึ่ง ไทยต้องระมัดระวังต่อผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะการเข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ อาจทำให้ตกอยู่ในสายตาของจีน ซึ่งอาจใช้มาตรการทางการค้าเพื่อตอบโต้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศอื่นในอดีต แต่หากไทยสามารถรักษาสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจได้ ก็จะสามารถใช้จุดแข็งเชิงภูมิศาสตร์และทรัพยากรของตนให้เป็นประโยชน์สูงสุด

สงคราม “Rare Earth” ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการชิงความได้เปรียบในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการทหาร ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงของแต่ละประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเล็กๆอย่างประเทศไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น