แพทองธาร ชินวัตร ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางกระแสข่าวการเมืองร้อนแรงและความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจส่งผลต่อพรรคและตัวเธอในอนาคต
กระเเสข่าวช่วงหัวค่ำวันที่21ตค.2568 จนเกิดสึนามิการเมืองลูกหนึ่งคือ วันที่22สค.เเพทองธาร ชินวัตร จะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเเละเธอนัดประชุมช่วงสายวันเดียวกัน ณ เลขที่ 197 ถนนวิภาวดีรังสิต กทม.
เพื่อเเจ้งสส.-ว่าที่ผู้สมัครสส.-คณะกรรมการบริหารพรรคให้รับทราบการไขก๊อกของเธอ โดยพรรคสีเเดงจะนัดวันประชุมวิสามัญพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในเร็วๆนี้รองรับการลงสนามเลือกตั้งสส.ในปี2569
กระเเสข่าวนี้เกิดหลังจากช่วงเช้าวันเดียวกันซึ่งสองบุตรสาวของนช.ทักษิณ ชินวัตรไปเยี่ยมบิดาของเธอที่เรือนจำท่ามกลางกองเชียร์เสื้อเเดงหลายคน
เเละเเพทองธารไม่ได้เเสดงปฏิกริยาเกี่ยวกับการไขก๊อกเบอร์1ค่ายสีเเดงต่อสังคมเลย
มองลึกๆไปยังเหตุผล
กระเเสข่าวการไขก๊อกคราวนี้เกิดขึ้นหลังเธอประกาศเมื่อวันที่7ตค.ที่ผ่านมาในวาระ“ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” โดยเธอเปิดว่าที่ผู้สมัครสส.185คนเเละเปิดวิสัยทัศน์เพื่อยืนยันว่าเพื่อไทยไม่สูญพันธุ์ จากนั้นผอ.เลือกตั้งของพรรคคือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.อีก22คนเป็นระลอกที่สองในอีกไม่กี่วันถัดมาบนความฝัน200สส.ให้บังเกิดนั้น
เกมดังกล่าวของค่ายสีเเดงที่ปั้นขึ้นมาน่าจะมีนัยยะว่าเพื่อกลบกระเเสคนของพรรคที่ทยอยตบเท้าลาออกไปสังกัดพรรคอื่นเเละลบข่าวขัดเเย้งหนักในพรรคระหว่างนักการเมืองลายครามกับคนของชินวัตร เเฟมิลี่
หากพินิจข้อมูลซึ่งหลากสำนักข่าวรายงานว่า“สาเหตุที่แพทองธาร ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ให้แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับฮุนเซน
แม้ข้อบังคับพรรคจะไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่ในการเลือกตั้ง สส. หัวหน้าพรรคจะต้องไปเซ็นรับรองผู้สมัคร จึงทำให้ในอนาคตอาจจะมีผู้ไปร้องต่อศาลหรือองค์กรต่างๆ ได้ ซึ่งหากมีผู้ไปร้อง ผู้สมัครของพรรคก็จะไม่สามารถสมัครได้ จึงถือเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายต่อพรรคในอนาคต”นั้น
ถามว่า จากกระเเสข่าวข้างต้น หากพรรคสีเเดงเเละเธอรู้ตัวว่าวันข้างหน้า อาจโดนมือดียื่นร้องสอยเธอเเละส่อเเววยุบพรรครวมทั้งอาจติดคุกได้นั้น การลาออกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคเเละเลือกตั้งผู้บริหารพรรคกันใหม่ น่าจะเวิร์กกว่า
เพราะบทบาททางกฎหมายระบุว่า วันนี้เเพทองธารคือหัวหน้าพรรคที่มีอำนาจลงนามในหนังสือยืนยันสถานะสมาชิกพรรคสีเเดงที่ประสงค์ลงสมัครสส.สองระบบ เเต่หากเปลี่ยนหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นมาเเทนเธอ ความเสี่ยงที่จะโดนเชือดด้วยข้อกฎหมายในอนาคตนั้นก็จะไกลตัวออกไป
เเต่...การเลือกตั้งซ่อมสส.เขตสี่ กาญจนบุรีที่เพิ่งยุติไปนััน ถามว่าใครในพรรคสีเเดงลงนามส่งพลเอกชินวัฒน์ เเม้นเดช ลงเเข่งขันเพราะวันรับสมัครในพื้นที่นี้ เเพทองธารยังคงสภาพเบอร์1ของพรรคตามกฎหมาย
ดังนั้น เคสนี้เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดกฎหมายหรือไม่ สังคมช่วยกันคิดเเละค้นคำตอบกันดีกว่า
ย้อนไปพิจารณามติ6:3ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันที่29สค.ที่ชี้ว่าเธอขัดจริยธรรมร้ายเเรงเเละคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงทันที เท่ากับว่าเธอถูกตัดสิทธิดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีพ จากนั้นวันที่30สค.จะพบความเห็นของอดีตกกต.สมชัย ศรีสุทธิยากรว่า
”คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า แพทองธารมีพฤติกรรมขัดกับมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงนั้น นอกจากพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา160(5)ของรัฐธรรมนูญแล้ว อาจมีผลต่อการต้องพ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่
เเปลว่าสภาพในวันนี้เเพทองธารคือ สิ้นทุกสถานะบนเวทีการเมืองตลอดชีพ เพราะเธอขาดคุณสมบัติอันชัดเเจ้งหลายมาตรา เเละหลากกฎหมาย
ปัญหาที่สังคมต้องถาม ก็คือ “เธอเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อหลายวันก่อนหรือไม่”


