ดร.ศักดิ์ชัย ธนบดีจิรพงศ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการหล่อหลอมโลหะด้วยเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า ชี้แจงกรณีนายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. ระบุข้อมูลคลาดเคลื่อนกรณีเหล็ก IF พร้อมยืนยันโรงงานไทยผลิตตามมาตรฐาน มอก.–EIA ทุกขั้นตอน ไม่พบปัญหาคุณภาพ และเตือนหากยกเลิกระบบ IF อาจเกิดการผูกขาด–เหล็กขาดตลาด–ราคาพุ่ง
กรณีที่นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมเเห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวว่าผลการศึกษาของคณะทำงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ศึกษาเเละรวบรวมข้อมูล/ถอดบทเรียนจากประเทศจีนเพื่อใช้เเก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(มอก.)เหล็กเส้นซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)กำลังทบทวนเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตเหล็กเส้นกลม/เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อย หลังพลปัญหาคุณภาพเหล็กเส้นที่ผลิตด้วยกระบวนการInduction Furnace(IF)เเละเหตุเเผ่นดินไหวรุนเเรงในกทม. เเละยังเสนอให้รัฐบาลกำหนดว่าในอนาคตการผลิตเหล็กของไทยต้องมาจากระบบ BOF เเละ EAF เท่านั้น
นายบัณฑูรย์ยังระบุว่าตอนนี้ไทยผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างปีละสามล้านตัน เเละปี2567เหล็กเส้นIFที่มีราคาขายต่ำสุดครองส่วนเเบ่งการตลาด1.6ล้านตันเเต่เหล็กเส้นที่ผลิตด้วยกระบวนการElectric Arc Furnace(EAF)มี1.2ล้านตันเเละนำเข้าในส่วนที่เหลือ0.3ล้านตัน เเละยังพบว่ารัฐบาลจีนสั่งยุติโรงงานที่ผลิตเหล็กIFไปเเล้วเพราะคุณภาพสิ่งก่อสร้างที่ใช้เหล็กIFที่เกิดอุบัติเหตุ้เละยังมีปัญหาการผลิตที่กระทบสิ่งเเวดล้อม
ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลทบทวนการผลิตเหล็กIFเพื่อวางมาตรฐานเหล็กเส้นของไทยขึ้นมาใหม่นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ดร.ศักดิ์ชัย ธนบดีจิรพงศ์ นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการหล่อหลอมโลหะด้วยเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า ซึ่งเป็นสมาชิกของส.อ.ท.กล่าวว่า ขอชี้เเจงว่า ข้อมูลที่นายบัณฑูรย์ระบุนัันคลาดเคลื่อนในหลายประเด็นเเละอาจทำให้สังคมสับสนได้ อีกทั้งนายบัณฑูรย์ยังไม่ได้หารือกับตนหรือเเจ้งกับประธานส.อ.ท.ในเรื่องนี้ ซึ่งหากจะดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวของนายบัณฑูรย์นั้น ต้องนำวาระนี้เข้าสู่วาระการประชุมของส.อ.ท.เเละเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องใช้สิทธิชี้เเจงเพื่อความเป็นธรรม เพราะมันกระทบกับผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นIFในไทยที่กระบวนการผลิตมีมาตรฐานหลายราย
ดร.ศักดิ์ชัยกล่าวว่า กว่ายี่สิบปีที่ผ่านมาการก่อสร้างในไทยใช้เหล็กIF เป็นหลัก ซึ่งกระบวนการผลิตนั้นมีกฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรมเเละกฎหมายสิ่งเเวดล้อมบังคับใช้เหมือนกันทุกระบบกระบวนการผลิตเหล็กคุมด้วยEIAทุกประการและผลิตสินค้าเพื่อให้ได้รับตรา มอก.เเละสมอ.จะสุ่มตรวจเหล็กโรงงานIFเป็นประจำเหมือนกับEFทุกกรณี ก่อนที่นำไปใช้ในงานก่อสร้างทุกครั้ง วิศวกรหน้างานหรือผู้ควบคุมงานจะสุ่ม เหล็กส่งตรวจ ทุกล็อก หากพบเหล็กเส้นมีปัญหาไม่ได้คุณภาพ เหล็กเส้นเหล่านั้นจะโดนตีกลับทั้งหมด อีกทั้งโรงงานที่ผลิตเหล็กเส้นล็อตดังกล่าวต้องรับผิดชอบเเละรับโทษตามกฎหมายทุกประการ
ดร.ศักดิ์ชัยกล่าวว่า ยืนยันว่าผู้ผลิตเหล็กIFที่เป็นสมาชิกของสมาคมหลายรายปรับปรุงคุณภาพการผลิตตามกฎหมายทุกประการ หากใครฝ่าฝืนกฎหมายมีบทลงโทษรุนเเรง เชื่อว่าผู้ประกอบการจำนวนมากไม่กล้าเสี่ยงทำผิดกฎหมายเเน่นอน
“ดังนั้นสิ่งที่นายบัณฑูรย์เสนอขึ้นมานั้น พิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบเเล้วหรือไม่ เช่น การอ้างผลการศึกษาของจีนในเรื่องเลิกผลิตเหล็กเส้นIFนั้น ข้อเท็จจริงคือรัฐบาลจีนสั่งยกเลิกโรงงานขนาดเล็กบางเเห่งที่กระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน เเละรัฐบาลจีนมีการให้งบปรับปรุงหากจะดำเนินการผลิตต่อเพื่อให้ได้มาตรฐานหรือให้เปลี่ยนไปทำกิจกรรมธุรกิจการผลิตด้านอื่นโดยรัฐบาลจีนช่วยงบสนับสนุน”
ดร.ศักดิ์ชัย ให้ความเห็นว่าหากไทยจะเปลี่ยนมาใช้ระบบBOFเเละEAFเพื่อ
ผลิตเหล็กเส้นจริงตามที่นายบัณฑูรย์ระบุนั้น ถามว่าจะเกิดการผูกขาดตลาดเเละราคาเหล็กในไทยจะสูงขึ้นหรือไม่ เพราะเหล็กจะขาดตลาดจนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งการก่อสร้างส่วนใหญ่ของไทยใช้เหล็กเส้นที่ผลิตจากระบบIF เเละไม่พบปัญหา ดังนั้นการอ้างถึงอุบัติเหตุในการก่อสร้างบางโครงการตามที่นายบัณฑูรย์อ้าง เช่น อาคารสตง.ถล่มเเละระบุว่าสาเหตุหนึ่งมาจากเหล็กที่ใช้ไม่ได้มาตรฐานนั้น ทำให้เกิดความสับสน
“เหตุอาคารสตง.ถล่มนั้น เดือนมิถุนายนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเปิดเผยผลสอบข้อเท็จจริงในตอนนั้นกับสังคมว่า สาเหตุอาคารสตง. ถล่มมาจากการออกแบบ-วิธีการก่อสร้าง-ใช้ผิดสเปก เเละยืนยันวัสดุคือเหล็ก-คอนกรีตได้มาตรฐาน
รวมทั้งนายกฯยังมอบ DSI /ตำรวจสอบสวนหาคนรับผิดชอบให้ได้นั้น ตรงนี้คือสิ่งยืนยันในชั้นต้นว่านายบัณฑูรย์ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน“ดร.ศักดิ์ชัยกล่าวเเละว่าจากนี้ตนจะทำหนังสือชี้เเจงเเละขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี/รมว.อุตสาหกรรม/ประธานส.อ.ท. ในกรณีที่นายบัณฑูรย์อ้างไว้