xs
xsm
sm
md
lg

คมนาคม เร่งงานด่วน 4 เดือน ควบคู่วางโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐมนตรีคมนาคม ประกาศเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ย้ำเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ ผลักดันไทย สู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายและทิศทางการทำงานของกระทรวงคมนาคม ภายใต้แนวคิด “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน วางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สู่ศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาค”โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายด้านคมนาคมขนส่งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง “ทางบก ทางราง ทางน้ำ และ ทางอากาศ” โดยแบ่งแผนในการดำเนินการออกเป็น 3 ส่วน สำคัญ 

ส่วนที่ 1 : การแก้ปัญหาเร่งด่วนเพื่อลดภาระประชาชน
โดยสิ่งแรกที่กระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินการ คือ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนทันที โดยการขยายมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ทั้งสายสีแดงและสายสีม่วง ไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ควบคู่กับการเข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยในทุกโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในทุกโครงการเพื่อสร้างความปลอดภัยอันสูงสุดต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน พร้อมยกระดับคุณภาพการบริการระบบคมนาคมทั้งระบบทั้ง “ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ” ให้เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ และจากสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัด กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมาย การกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และ กรมเจ้าท่า เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง พร้อมเปิดเส้นทางและ กำจัดสิ่งกีดขวาง เพื่อการอำนวยความสะดวกต่อพี่น้องประชาชน

ส่วนที่ 2 : การเร่งดำเนินโครงการโดยทันที
กระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าเชิงรุกและผลักดันโครงการสำคัญ เพื่อการการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในปี 2569 โดย นายพิพัฒน์ระบุว่า ผมได้มอบหมายกรมทางหลวงในการเปิดใช้ถนนพระราม 2 โดยกำหนดเปิดเป็น 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ทางต่างระดับบางขุนเทียน–เอกชัย เป็นระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ภายในเดินตุลาคม 2568 และ ระยะที่ 2 เอกชัย ไปถึงบ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.3 กิโลเมตร โดยเร่งการเปิดใช้บริการให้ทันก่อนเทศกาลสงกรานต์ ปี 2569
และเส้นทางเอกชัย–บ้านแพ้วก่อนสงกรานต์ 2569 เปิดใช้มอเตอร์เวย์สาย M81 (บางใหญ่–กาญจนบุรี) ในเดือนตุลาคม 2568 และ สาย M6 (บางปะอิน–โคราช) ต้นปี 2569รวมถึงการเปิดสะพานมิตรภาพไทย–ลาวแห่งที่ 5 ที่จังหวัดบึงกาฬ–บอลิคำไซ นอกจากนี้ยังผลักดันรถไฟทางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ชุมพร–สุราษฎร์ธานี สุราษฎร์ธานี–หาดใหญ่ และหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาจราจรติดขัดในจังหวัดภูเก็ตด้วยโครงการทางพิเศษกะทู้–ป่าตอง และถนนแนวใหม่บ้านเมืองใหม่–สนามบินภูเก็ต อีกทั้งยังส่งเสริมในการนำรถเมล์ไฟฟ้า (EV Bus) มาใช้เพื่อทดแทนรถร้อน ซึ่งนำมาสู่การยกระดับการบริการและลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

ส่วนที่ 3 : การวางรากฐานคมนาคมสำหรับอนาคต
ในระยะยาว กระทรวงคมนาคมจะเดินหน้าปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับอนาคต โดยมีโครงการสำคัญ เช่น โครงการ LANDBRIDGE ที่จะเชื่อมการคมนาคมทางราง ถนน ท่อ และ ท่าเรือ เพื่อยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ตลอดจนการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ อาทิ ขอนแก่น–หนองคาย บ้านไผ่–มุกดาหาร–นครพนม และเด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ รวมถึง รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–โคราช ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีม่วง พร้อมเร่งรัดการต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงทั้งฝั่งเหนือและตะวันตก ขณะเดียวกันจะเพิ่มศักยภาพสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และเชียงใหม่ เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารและการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และสะพานเชื่อมทะเลสาบสงขลา เพื่อลดเวลาการเดินทางระหว่างจังหวัด นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงกฎหมายด้านคมนาคมให้ทันสมัย รองรับเทคโนโลยีและบริการรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น

นายพิพัฒน์ ย้ำว่า นโยบายคมนาคมในยุครัฐบาลนี้ จะพัฒนาระบบคมนาคมเพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชน และ ยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก เพื่อการเติบโตของเศษฐกิจของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ด้าน นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยคมนาคม กล่าวว่า พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย ขับเคลื่อนนโยบายด้านคมนาคมให้เกิดผลในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุด ซึ่งทุกโครงการที่วางแผนไว้ ต้องทำได้จริง และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนจริง




กำลังโหลดความคิดเห็น