ยกฟ้อง! 'ครูชัยยศ' พ้นคดีอาหารกลางวันเด็ก ศาลชี้ขาดเจตนาบริสุทธิ์ หลังถูก ป.ป.ช. ชี้มูลผิดมาตรา 157 ครูผู้เสียสละเคยถูกปลดขายโรตี สู้คดีจนชนะ คาดกลับรับราชการอีกครั้ง
จากกรณีสะเทือนใจผู้คนในสังคมเมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายชัยยศ สุขต้อ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ จากการลงนามตรวจรับการจัดซื้อพัสดุเพื่อประกอบอาหารให้แก่นักเรียนชั้นอนุบาลและชั้นประถมเมื่อปี 2566 จนเป็นข่าวโด่งดังที่ทำให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ครูชัยยศ
โดยเฉพาะบรรดาศิษย์เก่าซึ่งเคยเป็นเด็กยากจนที่ได้รับการอุ้มชูช่วยเหลือจากครูชัยยศจนมีอนาคตและคุณภาพชีวิตที่ดีในปัจจุบัน ได้ร่วมกันยื่นหนังสือและให้กำลังใจครูชัยยศซึ่งโดนพิษร้ายแรงจากการชี้มูลของ ปปช. ความผิดมาตรา 157 จนถูกปลดออกจากราชการ
ต้องมาขายโรตีหาเลี้ยงชีพ สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็น รวมทั้งคนไทยทั้งประเทศที่รับรู้เรื่องราวผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์
ในที่สุดวันที่ลูกศิษย์และครูชัยยศรอคอยก็มาถึงเมื่อศาลอาญาคดีทุจริตภาค 5 มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ให้ยกฟ้องครูชัยยศตามข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. โดยให้เหตุผลว่า
ผู้ถูกฟ้องที่ 4 คือ ครูชัยยศขาดเจตนาที่จะทุจริต
ย้อนหลังไปยังเรื่องราวที่เกิดขึ้นต้นเหตุมาจากการที่โรงเรียนบ้านยางเปาที่ครูชัยยศรับราชการได้รับเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันสัปดาห์ละ 60,000 บาท เพื่อจัดหาอาหารให้กับเด็กนักเรียนระดับอนุบาลและระดับประถมเท่านั้น
แต่เนื่องจากทางโรงเรียนมีเด็กนักเรียนชั้นมัธยมซึ่งเป็นนักเรียนกินนอนและส่วนใหญ่เป็นเด็กชาวเขาที่ผู้ปกครองมีฐานะยากจน
การจัดซื้อของสดเพื่อนำมาประกอบเป็นอาหารจัดเลี้ยงจึงเผื่อแผ่มาสำหรับเด็กชั้นมัธยมด้วย
ทั้งนี้ในการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งตามระเบียบพัสดุระบุว่าต้องจ้างเอกชนดำเนินการบุคลากรโรงเรียนไม่สามารถกระทำได้ด้วยตนเอง
และในกระบวนการดังกล่าว ครูชัยยศเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะกรรมการตรวจรับซึ่งต้องลงนามเพื่อนำวัตถุดิบเหล่านั้นไปประกอบอาหารทั้งที่ในขั้นตอนการจัดซื้อ ครูชัยยศไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
โดยในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า มีผู้ร้องเรียนว่าอาหารในโครงการไม่ได้มาตรฐานและเมื่อ ป.ป.ช. ลงลึกในรายละเอียดการใช้เงินของโรงเรียนพบว่า มีการจ้างคนไปซื้อวัตถุดิบสัปดาห์ละ 2,000 บาท จ้างแม่ครัววันละ 300 บาท จัดซื้อวัตถุดิบสัปดาห์ละ 45,000 บาท แต่ไม่มีการทำสัญญาจ้างผู้ประกอบการตามระเบียบ และมียอดเงินอีก 10,000 บาท ที่อ้างว่าซื้อจากร้านค้าเจ้าประจำแต่ไม่มีใบเสร็จมาแสดง
ป.ป.ช. พิจารณาแล้วจึงชี้มูลความผิดผู้ที่อยู่ในโครงการอาหารกลางวัน รวมทั้งครูชัยยศด้วยในฐานะที่เป็นผู้ลงนามตรวจรับวัตถุดิบ
หลังมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ครูชัยยศได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งและยังคงยืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ของตนเองมาโดยตลอด พร้อมทั้งใช้เอกสารที่ยื่นต่อศาลปกครองต่อสู้คดีในชั้นศาลจนนำไปสู่การตัดสินยกฟ้องในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูว่า ป.ป.ช. จะยื่นอุธรณ์คำพากษาของศาลชั้นต้นหรือไม่หากภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีคำตัดสินครูชัยยศพ่อพระของเด็ก ๆ ด้อยโอกาสก็จะพ้นพงหนามอย่างสมบูรณ์และจะได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง
ครูชัยยศเปิดเผยว่า
“ขอขอบคุณที่ศาลให้ความเป็นธรรม ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะถือเป็นบาดแผลในใจที่ยากจะลบเลือน
แต่ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 2 ปีก่อนเกษียณอายุราชการ ก็จะขอกลับไปทำหน้าที่ครูที่โรงเรียนยางเปาเช่นเดิม
ในกรณีของครูชัยยศอาจกล่าวได้ว่าเป็นไปตามคำกล่าวที่ว่า “คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้” และมันไม่อาจเปรียบเทียบได้จากกรณีตึก สตง. ถล่มที่กลืนกินชีวิตผู้คนไปกว่า 80 คน ซึ่งจนบัดนี้ ปปช. ยังสอบสวนไม่เสร็จและข้าราชการ สตง. ที่รับผิดชอบตั้งแต่ผู้ว่าฯ จนถึงผู้ปฏิบัติงานยังคงกินอิ่มนอนหลับ ท่ามกลางข้อสงสัยของสังคมไทยที่หน่วยงานแห่งนี้ได้รับรางวัล ซื่อสัตย์สุจริตอันดับ 1 ของประเทศ จาก ป.ป.ช.จนเป็นข่าวโด่งดังเมื่อกลางปีที่ผ่านมา