"อนุทิน" เตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล 8 หน้า 1-2 ต.ค. นี้ ก่อนนับถอยหลัง 4 เดือนสู่เลือกตั้งใหม่ พร้อมลุย UN ชี้แจงประเด็นละเมิดกฎนานาชาติ เน้นนโยบายเศรษฐกิจปากท้อง ลดค่าครองชีพ เดินหน้าคนละครึ่ง ลดค่าทางด่วน และสานต่อหวยเกษียณ
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดวันที่ 1 และ 2 ตุลาคม จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณานโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และยังจะเป็นการเริ่มต้นของการนับถอย 4 เดือนไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรเลือกตั้งใหม่ด้วย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาลขึ้นอยู่กับการกำหนดของรัฐบาล หลังจากวันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐบาลจะเข้าถวายสัตย์ฯ และประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษ ก็จะแจ้งมายังสภาฯ ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะแถลงนโยบายวันใด เมื่อรัฐบาลแจ้งมาแล้วสภาฯก็จะหารือวิป 3 ฝ่ายเพื่อกำหนดวันและชั่วโมงในการอภิปราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นสัปดาห์หน้า หรือปลายสัปดาห์ ดังนั้นหากทุกอย่างพร้อมไม่มีอะไรติดขัด อาจจะเป็นวันที่ 1 - 2 ตุลาคม โดยจะใช้เวลาทั้ง 2 วันซึ่งจะเท่ากับรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงของวิปทั้ง 3 ฝ่ายอีกครั้ง
ขณะที่ ความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภานั้น มีรายงานว่า ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคงและชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติและการเยียวยา สำหรับ นโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้ จะสานต่อนโยบายหวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบ
ด้านนายอนุทิน เปิดเผยว่า หลังจากเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ จะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที โดยจะหารือเรื่องนี้ด้วยกับหลายหน่วยงาน ทั้งกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศว่าสถานะของรัฐบาล ในการไปประชุมสมัชชาใหญ่ UN จะสามารถไปได้หรือไม่ หากไปได้ก็จะสามารถไปพบปะหารือ หรือร่วมทวิภาคี โดยมีความชัดเจนตรงนั้น
“การไปเวที UN มีความจำเป็น เพราะอยู่ดีๆประเทศไทยก็หายไปจากวง UN ทั้งที่เรื่องที่คนไปร้องเรียนว่าประเทศไทยละเมิดกฎนานาชาติ ซึ่งจริงๆ แล้วเราถูกละเมิดมากกว่าจึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปพบกับประชาคมโลก และผู้นำประเทศที่จะชี้แจงให้ทราบว่าไทยไม่ได้เป็นตามที่ถูกกล่าวหามา ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นและได้เตรียมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้สแตนด์บายไว้” นายอนุทิน กล่าว