xs
xsm
sm
md
lg

เหตุการณ์ ‘บ้านหนองหญ้าแก้ว’ ไทยต้องเด็ดขาด จัดการผู้บุกรุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปะทะบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยย้ำเด็ดขาดจัดการบุกรุก ชาวบ้านกัมพูชาล้ำแดนสระแก้ว จุดชนวนพิพาทพรมแดนเรื้อรัง กองทัพไทยเผยหลักฐานยันอธิปไตย ไทยต้องมั่นคงปกป้องดินแดน

เหตุปะทะระหว่างชาวบ้านกัมพูชากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านเตรยจัน ตำบลห้า อำเภอโอจโร จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สะท้อนปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างเด็ดขาด แม้จะมีการเจรจาและข้อตกลงในระดับทวิภาคีมานับสิบปี แต่สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่ไว้วางใจ

ปัญหาข้อพิพาทในพื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดจากความล้มเหลวในการปักปันเขตแดนอย่างชัดเจนระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้วที่ถือเป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิครอบครองมาช้านาน แม้จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อปี 2543

ที่กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายงดเว้นการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ในเขตที่ยังไม่มีข้อสรุป แต่ฝ่ายกัมพูชากลับปล่อยให้ชาวบ้านจากจังหวัดบันเตียเมียนเจยเข้ามารุกล้ำพื้นที่ในเขตแดนของไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปลูกที่อยู่อาศัยและทำกิน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงที่มีผลผูกพันทั้งสองประเทศอย่างชัดเจน

ในความพยายามสร้างความเข้าใจและหลักฐานยืนยันอธิปไตยของไทย กองทัพบกได้เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศที่แสดงแนวพรมแดนตามที่ไทยอ้างสิทธิไว้ด้วยเส้นสีน้ำเงิน และเปรียบเทียบกับแนวพรมแดนที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างโดยใช้เส้นสีแดง ข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทำงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนบริเวณจังหวัดสระแก้ว ซึ่งดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายน 2549 ถึงพฤษภาคม 2550 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลไกร่วมในนาม “คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม” หรือ JBC ที่จัดตั้งขึ้นโดยทั้งสองประเทศ เพื่อหาทางยุติข้อพิพาทชายแดนอย่างสันติ

แผนที่และข้อมูลทางเทคนิคเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุปะทะนั้นอยู่ในเขตแดนไทยอย่างถูกต้องตามหลักการทางภูมิศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ

เมื่อพิจารณาจากภาพรวม นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ฝ่ายไทยควรใช้ความเด็ดขาดในการปกป้องอธิปไตยของตนเองอย่างเหมาะสม หลังจากอดทนต่อการรุกล้ำมาเป็นเวลานาน การแสดงจุดยืนอย่างมั่นคงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยั่วยุหรือก้าวร้าว หากแต่เป็นการยืนยันในสิทธิของไทยที่มีอยู่โดยชอบธรรม ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ เอกสาร และข้อกฎหมายระหว่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน ความชอบธรรมของฝ่ายกัมพูชากลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานว่าฝ่ายตรงข้ามพยายามใช้ประชาชนเป็นโล่ห์มนุษย์ในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างสิ้นเชิง การปล่อยให้ชาวบ้านตกอยู่ในสภาพเสี่ยงเช่นนี้ ถือเป็นการนำประชาชนมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง มากกว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาพรมแดนร่วมกัน

แม้สถานการณ์ในพื้นที่จะตึงเครียดและเต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ไม่ใช่ปล่อยให้สถานการณ์ถูกบิดเบือนโดยกลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์จากความขัดแย้ง

ในเวลาเดียวกัน ไทยควรเดินหน้าด้วยหลักการของความมั่นคงและหลักนิติธรรม โดยไม่ปล่อยให้การรุกล้ำกลายเป็นความเคยชิน และไม่ลดระดับความสำคัญของการรักษาอธิปไตยเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระยะสั้น เพราะหากไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนในวันนี้ พรมแดนของไทยอาจถูกท้าทายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันหน้า

เหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้วคือบททดสอบครั้งสำคัญของรัฐบาลไทยในการบริหารจัดการความขัดแย้งระหว่างประเทศที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ การดำเนินการอย่างรอบคอบแต่ชัดเจนจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาสิทธิของไทยและการแสวงหาทางออกอย่างสันติในระดับภูมิภาค โดยมีประชาชนทั้งสองฝั่งเป็นผู้รับผลกระทบที่สมควรได้รับความคุ้มครอง ไม่ใช่กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น