xs
xsm
sm
md
lg

นักสู้แขนเดียว! “ป้าหนูเล็ก” แม้แขนขาพิการ ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา สู้ขายกล้วยทอดหารายได้ ไม่อยากเป็นภาระใคร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อรู้จัก “ป้าหนูเล็ก” ป้าหัวใจแกร่งที่แม้เกิดมาร่างกายพิการทั้งแขนและขา ก็ฮึดสู้ด้วยแขนข้างเดียวที่มี ทั้งช่วยเหลือตัวเอง และทำงานหารายได้ เพื่อไม่เป็นภาระใคร และไม่อยากให้คนรอบข้างต้องเหนื่อยกับตนเอง



“พ่อแม่บอกว่า ถึงจะพิการแค่ไหน พ่อแม่ก็รัก อย่าน้อยใจนะ ออกมาเป็นยังไง คือเป็นลูกแล้ว ก็ต้องรักเสมอกัน”

ป้าหนูเล็ก (บุญมี ศรีสุพรรณ) กับวัย 58 ในวันนี้ ถ่ายทอดคำพูดของพ่อแม่ที่ทำให้เธอไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เกิดมาพร้อมกับความพิการทั้งแขนและขา ทั้งที่ในบรรดาลูก 7 คนของพ่อแม่ มีเธอเพียงคนเดียวที่ร่างกายผิดปกติ


สู้ชีวิตตั้งแต่เด็ก!

ความพิการที่มาตั้งแต่เกิด ไม่ได้ทำให้ป้าหนูเล็กนั่งงอมืองอเท้าหรือเป็นภาระของพ่อแม่พี่น้อง เพราะเธอใจสู้ตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แค่พยายามช่วยเหลือตัวเอง แต่อะไรที่พอจะทำเพื่อครอบครัวได้ ป้าหนูเล็กพร้อมทำทันที


ป้าจำเนียร ศรีสุพรรณ พี่สาวของป้าหนูเล็ก เล่าว่า“แม้ครอบครัวจน แต่พ่อแม่ไม่เคยปล่อยให้ลูกอดอยาก มีลูก 7 คน ทุกคนช่วยกันหมด และป้าหนูเล็กเขาก็ พอโตขึ้นมาหน่อย เราไปทำนา เขาก็ทำกับข้าวไว้รอบ้าง ผักรอบๆ บ้านนี่ ก็เก็บมาทำกิน”


ขณะที่ป้าหนูเล็กย้อนภาพในวัยเด็กว่า“พอป้าจำความได้ ป้าก็พยายามซักผ้าด้วยตัวเองๆ ถูบ้าน ทำกับข้าว (ถาม-แล้วร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตบ้างไหม?) ไม่เลย มันเหมือนเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติสร้างมา ป้าก็เอารองเท้าใส่ที่มือ แล้วป้าก็กระตึ้บๆ ของป้าไป พืชผักตามริมรั้วเรานี่ ก็เก็บมาต้มบ้าง ตำพริกบ้าง คือป้ามีความคิดตั้งแต่นั้นเลยว่า เราต้องไม่เป็นภาระใคร เราจะทำให้ทุกคนไม่เหนื่อยกับเรา เสื้อผ้าใครใส่มา ทำไร่ทำนา ป้าก็ซัก ตากไว้ให้ทุกคน เช้ามา เขาจะได้มีใส่ไป คือถ้าเขาจะมานั่งซัก มันก็มืดค่ำแล้ว ป้าอยู่บ้าน ป้าก็ทำ”


ขอบคุณคนที่เคยดูถูก!

แม้ความพิการไม่ได้บั่นทอนกำลังใจในการใช้ชีวิตของป้าหนูเล็ก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาป้าเคยถูกดูแคลนเรื่องสภาพร่างกายและการไม่รู้หนังสือ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ป้าถอดใจ ตรงกันข้าม เธอรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ที่ช่วยเป็นแรงผลักให้เธอลุกขึ้นสู้ จนสามารถอ่านออกเขียนได้ แม้ไม่มีโอกาสเข้าโรงเรียน


“เคยมีคนดูถูกป้าว่า สภาพแบบนี้นะ ชีวิตไม่มีความเจริญ ชีวิตนี้ไม่มีวันอ่านออกเขียนได้ ตรงนั้นเป็นแรงบันดาลใจที่ป้ามานะทำ อ่านหนังสือได้ เขียนได้ ฉันต้องทำให้ได้ ไม่ต้องไปโรงเรียนฉันก็ทำได้ พอน้องกลับมาจากโรงเรียน เขามานั่งทำการบ้าน ป้าก็ขอดูอ่านกับเขา สระอา มานะ มานี ประมาณนี้ ป้าไม่เคืองคนที่ดูถูกเราเลย ขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ดูถูก ป้าก็คงเอื่อยเฉื่อย ไม่สนใจ ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ป้าอ่านหนังสือได้ เขียนหนังสือได้”


ป้าหนูเล็กไม่เพียงมานะพยายามจนอ่านออกเขียนได้ แต่ป้ายังช่วยเลี้ยงหลานและทำงานส่งหลานเรียนจนจบปริญญาได้อีกด้วย“แต่ก่อนป้าขายของ มีตังค์ อย่างหลานไปโรงเรียน ป้าก็ให้เขา คือให้ด้วยใจ ให้เปล่านะ ไม่ต้องมายืมมาทวงคืน เราให้เขาได้”


ขณะที่ป้าจำเนียรเล่าว่า“ตอนนั้นป้าหนูเล็กอยู่กับพี่สาวอีกคน อยู่กับพ่อ และเขาก็เลี้ยงหลานๆ ลูกของพี่ชาย จบปริญญากันหมด แล้วเขาก็ไปมีครอบครัวของใครของเขา ที่จริงป้าจำเนียรก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ พอพี่สาวเสีย หลานออกจากบ้านหมด ป้าก็เลยต้องกลับมาอยู่ดูแลเขา”


“ตอนนั้นป้าก็พอมีทุนจากการทำงานที่กรุงเทพฯ ก็มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดข้าวขาหมูที่นี่ร่วมกับน้องสาวอีกคนที่เขามีครอบครัวอยู่กรุงเทพฯ ช่วงแรกก็ขายดี ดีมาก ส่วนป้าหนูเล็กก็ขายของฝาก”


แม้ช่วงนั้นกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวจะไปได้ดี แต่แล้ว สถานการณ์โควิดก็ทำทุกอย่างพัง มีอันต้องเลิกกิจการในที่สุด!“พอมันมีโควิด เราก็เลยต้องจบตรงนั้นไป แล้วน้องสาวเขาเลยกลับไปอยู่กับครอบครัวเขาที่กรุงเทพฯ เขาห่วงลูกเขา เขาไม่ยอมกลับมา ทีนี้เราก็ต้องอยู่กันสองพี่น้อง ป้าก็เริ่มอายุเยอะเนอะ ขาก็ไม่ค่อยดี ก็เลยต้องหยุดขาย ก็มาขายแค่กล้วยทอดไป ปลูกผักปลูกพริกไปตามประสา”


เมื่อไม่มีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวแล้ว อาชีพเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ ขายกล้วยทอด ซึ่งป้าหนูเล็กได้แรงบันดาลใจจากวัยเด็ก“ด้วยความที่พ่อแม่มีลูกเยอะ เวลาซื้อกล้วยทอดมา ก็แบ่งกันกินได้น้อย คนละ 2-3 ชิ้น ลูก 7 คน ไม่อิ่ม ป้าเลยตั้งใจว่า โตขึ้นฉันจะทำกล้วยทอด ถ้าขายได้จะขาย กินอิ่มด้วย ป้าเลยมาเป็นแม่ค้ากล้วยทอดได้ (ถาม-แล้วอย่างทำอาหารหรือทำอะไร เราไปฝึกฝนหรือเอาสูตรมาจากไหน?) ฝึกฝนด้วยหนังสือ สมัยก่อนมีวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องหนึ่ง วันนี้มีทำอาหาร เขาบอกสูตรการทำ เราก็จดๆๆ ไว้ บางอย่างเราก็มาปรับปรุงเอา”


แม้กล้วยทอดจะเคยสร้างรายได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ทุนเริ่มร่อยหรอ ประกอบกับปัญหาสุขภาพของพี่สาว ก็ทำให้ป้าหนูเล็กและพี่สาวต้องขายบ้างหยุดบ้าง“ด้วยความไม่ค่อยพร้อม ทุนไม่มี พี่สาวก็ขาไม่ดี คือทุนตอนนี้มีแค่เงินเบี้ยยังชีพ (ถาม-ถ้าเปิดร้าน ป้าหนูเล็กคิดว่าจะขายได้ไหม มีลูกค้าไหม?) ก็ขายได้ ลูกค้าป้าก็เยอะอยู่ แต่ตอนนี้ทุนไม่มี ก็ต้องอยู่ในบ้านเงียบๆ ทำสวนไป (ถาม-เท่ากับทุกวันนี้ใช้เบี้ยยังชีพ?) ค่ะ 800 บัตรประชารัฐ 300 เราก็ไปกดข้าวสารมา น้ำมันมา น้ำปลามา คือเอาตรงนี้หลักๆ ไว้ก่อน พวกผักเราก็เก็บตามรั้วบ้านเรา (ถาม-ถ้าสมมุติว่ามีทุน คิดว่ากำลังยังสู้ไหวไหม?) ไหว ไหวแน่ๆ 58 ยังสู้”


“(ถาม-เกือบ 60 ปีกับชีวิตที่ต้องพิการตั้งแต่กำเนิดและต้องต่อสู้กับความยากลำบาก ป้าเคยท้อแท้ไหม?) บางครั้งก็เหนื่อย แต่ถ้าเรามานั่งเหนื่อย มันมีอะไรดีขึ้นไหม เราต้องสู้สิ เราต้องสู้ มานั่งเหนื่อยมันก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องอย่าท้อ เราต้องสู้ต่อไป”


หากท่านใดต้องการช่วยเหลือป้าหนูเล็กให้มีทุนขายของ โอนไปได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี น.ส.จำเนียร ศรีสุพรรณ เลขที่บัญชี 373-0-53676-4


คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน“แขนเดียวยังสู้”
https://www.youtube.com/watch?v=rphIcXZu6AU


ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)

หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos








กำลังโหลดความคิดเห็น