AMRO ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 68 ขยายตัว 2.2% และ 1.9 % ในปี 69 โดยสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และใช้นโยบายการคลัง ช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจงอย่างต่อเนื่อง
คณะผู้แทนจาก ASEAN+3 Macroeconomic Research Office (AMRO) นำโดย Mr. Yasuto Watanabe ผู้อำนวยการ และ Mr. Dong He หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ เข้าพบคณะผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เพื่อรายงานผลการสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีสาระสำคัญสรุป ดังนี้
AMRO ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.2 % ในปี 2568 และ 1.9 % ในปี 2569 โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เศรษฐกิจเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีตามการส่งออกซึ่งเร่งตัวขึ้นก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวต่อเนื่องของภาคเอกชน ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านสำคัญเพื่อสนับสนุนการเติบโตในอนาคต รวมถึงการปรับยุทธศาสตร์การใช้จ่ายภาครัฐไปสู่การลงทุน และการขยายการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และศูนย์ข้อมูล สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ 0.5 % ในปี 2568 และ 0.8 % ในปี 2569 จากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ
ด้านนโยบายการเงิน AMRO ประเมินว่า ท่าทีผ่อนคลายในปัจจุบันยังเหมาะสม และอาจผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ หากอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี การใช้มาตรการทางการเงินควรรักษาสมดุลระหว่าง การบริหารจัดการความเปราะบางจากหนี้ปัจจุบัน และการส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อใหม่แก่ธุรกิจที่มีศักยภาพ
สำหรับนโยบายการคลัง AMRO มีข้อเสนอแนะให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจงอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งดำเนินการเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณในระยะปานกลางเพื่อรักษาความยั่งยืนทางการคลัง
AMRO เห็นว่า นโยบายเชิงโครงสร้างจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ประเทศปรับตัวและเสริมศักยภาพการเติบโตในระยะยาว โดยควรเร่งการปฏิรูปด้านนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการขยายโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีคุณภาพจะเป็นกลไกหลักในการพัฒนาทักษะแรงงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเชื่อมโยงธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างทั่วถึง ยกระดับประสิทธิภาพของภาคอุตสาหกรรมและบริการ โดยเฉพาะยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และบริการดิจิทัล รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของไทยในเวทีโลก