รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ย่านบางกอกน้อย เพื่อรู้จักพ่อแม่คู่หนึ่ง ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่า ลูกสาวซึ่งเรียนดีและน่าจะมีอนาคตสดใส กลับถูกโรคภัยเล่นงานถึงขั้นป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกต่อไป แม้หัวใจของผู้เป็นพ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน แต่ท้อไม่ได้ พร้อมสู้ทุกทางเพื่อลูก
“ตอนน้องเด็กๆ นี่สดใสร่าเริงมาก ชอบร้องเพลง ชอบเต้น ออกกำลังกาย ชอบช่วยเหลือคุณครู เราภูมิใจน้องมากตอนเด็กๆ”
ณัฐวุธ พวงลำเจียก คุณพ่อลูกสอง ย้อนภาพความสดใสร่าเริงของ “น้ำหวาน” ลูกสาวคนโตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัยแค่ 9 ขวบ ขณะที่คุณแม่ดารา พวงลำเจียก เล่าว่า ชีวิตครอบครัวช่วงนั้นกำลังไปได้ดี“น้องเรียนดี เป็นเด็กเรียน เขาอยากเรียนพิเศษเพิ่มเติม แม่ก็ให้เขาเรียน เขาอยากเรียนอะไร ก็ให้เขาเรียน เขาก็เป็นเด็กกิจกรรม เป็นลีด ตั้งแต่อนุบาลเรื่อยมา ครูก็รักเขา”
“ตอนนั้นพ่อกับแม่ก็ทำงาน พ่อทำงานอยู่การรถไฟฯ เป็นพนักงานขับรถไฟ ส่วนแม่ ตอนแรกแม่ทำงานที่ศาลแพ่งรัชดาฯ แล้วแม่ก็อยากกลับมาอยู่ใกล้ๆ บ้าน ก็เลยมาสอบที่ศิริราช เป็นพนักงานใน รพ.ศิริราช ทำอยู่ประมาณ 4-5 ปี แล้วไปสอบได้ที่กรมทางหลวง เป็นพนักงานราชการ”
พ่อและแม่ช่วยกันทำงาน เพื่อเก็บเงินส่งลูกเรียนให้สูงที่สุด แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน ดับฝันของพ่อแม่ และทำลายอนาคตของลูกสาวที่น่าจะสดใสให้ดับวูบลง
“ตอนนั้นน้ำหวานอายุ 9 ขวบ กำลังจะขึ้น ป.4 วันนั้นน้องเขาจะไปเรียนพิเศษ น้องเขาเป็นงูสวัดตรงหน้าอก เขากำลังจะหาย กำลังตกสะเก็ดเป็นสีดำๆ เขาขอแม่ว่า เรียนพิเศษเสร็จ หนูไปว่ายน้ำกับเพื่อนได้ไหม แม่เลยบอกว่า อย่าเพิ่งไปเลย หนูยังไม่หาย เผื่อเกิดอะไรขึ้น เขาชอบว่ายน้ำมากเลย เขาก็เลยแอบเอาชุดว่ายน้ำกับแว่นไปว่ายน้ำ กลับมาตอนเย็น เขาก็ตัวเปียกหมดเลย พอตอนเช้ามา เขาก็อ้วก ท้องเสีย กินอะไรเข้าไปก็อ้วก แม้แต่น้ำ ก็อ้วก แม่เลยพาไปคลินิกใกล้บ้าน แล้วเขาก็ให้ยาหยุดถ่ายมา”
หลังกินยาหยุดถ่าย อาการกลับแย่ลง!
“ยิ่งหยุดถ่าย น้องก็กินอะไรไม่ได้ พอหยุดถ่ายปุ๊บ น้องยิ่งกินยิ่งอ้วก จนน้องเขาไม่ไหว เราจะพาไป รพ จังหวะนั้น เขาช็อกไปก่อน พ่ออุ้มขึ้นแท็กซี่ไป รพ. น้องหยุดหายใจก่อนถึง รพ.เล็กน้อย พ่อช่วยปั๊มหัวใจ พอไปถึง รพ.หมอก็ปั๊มหัวใจ 9 นาที ปั๊มน้องขึ้นมา แล้วก็อยู่ห้องไอซียูครึ่งปีกว่า และย้ายไปอยู่ห้องปกติอีกครึ่งปี”
จากวันนั้น น้องน้ำหวานที่เคยสดใส เรียนดี เป็นเด็กกิจกรรม ก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง พูดไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ทำให้หัวใจพ่อแม่แทบแตกสลาย“รักลูกสาวมาก พ่อกับแม่ก็ปลอบใจกัน อย่าคิดมาก ยังไงลูกก็อยู่กับเรา เราต้องดูแลเขา”
หลังลูกสาวต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่เพียงทำให้แม่ต้องตัดสินใจออกจากงานประจำเพื่อมาดูแลลูก แต่ยังทำให้ฐานะครอบครัวที่เคยอยู่ได้ไม่ลำบาก กลับกลายเป็นมีหนี้ก้อนโตจากการรักษาลูก แม้ค่ารักษาส่วนหนึ่งจะเบิกได้จากสวัสดิการที่พ่อทำงานการรถไฟฯ แต่มีส่วนเกินที่ต้องจ่ายเองค่อนข้างสูง จากการรักษาใน รพ.นานปีกว่า และดูแลต่อเนื่องที่บ้านจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
“(ถาม-เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่ายในการรักษาลูกที่จ่ายเอง หมดไปเท่าไหร่?) หมดไปล้านกว่า จริงๆ (ถาม-10 ปีนี่นะ?) ใช่ (ถาม-ทุกวันนี้ก็เป็นหนี้อยู่?) เป็นสิคะ คือมันหนักมาก พ่อเขายังคิดเลยว่า นี่ถ้าเกษียณไป หนี้ไม่หมด ทำยังไง แต่เขาก็คงได้กินบำนาญ หักก็หักไป เราก็ต้องดิ้นไปเพื่อลูกเรา (ถาม-เคยคิดจะหยุดการรักษาลูกไหม?) ไม่ ไม่เคยคิดเลย จะทำให้สุด สุดๆ เลย”
สู้ทุกทาง ทำทุกอย่าง เพื่อช่วยสามีหารายได้!
“พ่อกู้เงินมาเปิดร้านขายของชำ เพราะช่วงแรกๆ หนักมาก น้องต้องหาหมอที 4 หมอ เดือนหนึ่งไปหาหมอ 4 ครั้ง กว่าจะผ่านมาถึงทุกวันนี้หนักเหมือนกัน ก่อนจะมาเปิดขายอาหารตามสั่ง เคยทำอาหารแล้วไปเข็นขายที่ถนนข้าวสาร ช่วงนั้นพ่อจะหนักมาก แทบไม่ได้นอน เพราะตอนเย็นก็ช่วยกันทำอาหาร 2 ทุ่มก็ไปส่งแม่ ตี 1 ตี 2 ก็ต้องไปรับแม่ (ถาม-ทำไมถึงเลิกไม่ไปขายแล้ว?) เพราะน้องก็โตเป็นสาวแล้ว เราห่วงเขา และหน้าบ้านเรามันก็ไม่ได้ล็อก พ่อก็กลับมาดึก แล้วตอนไปส่งเราอีก ถึงเราจะมีน้องชายคนเล็ก แต่เขาก็ยังเหมือนปกป้องยังไม่ได้ดีเท่าไหร่ เขายังเล็กอยู่”
“(ถาม-ปัจจุบันแม่ทำอะไรที่บ้านตอนนี้?) ก็เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ในไลน์แมน และดูแลน้องไปด้วย พอว่าง ก็รับจ้างทำพวงมาลัย (ถาม-ขายอาหารตั้งแต่กี่โมง?) เปิดตั้งแต่ 10 โมงครึ่งถึง 5 ทุ่มครึ่ง (ถาม-รายได้สู้กับการไปขายที่ข้าวสารได้ไหม?) มันก็สู้ไมได้ เพราะเปิดในไลน์แมนมันก็หักใช่ไหม หักค่าจีพีเอส ค่าส่งรถ ค่าส่งอะไรเยอะ แทบจะครึ่งต่อครึ่ง บางวันก็ขายดี บางวันก็ขายไม่ดี (ถาม-ผลแห่งการทำงานหนัก ตอนนี้สุขภาพแม่เป็นยังไงบ้าง?) แม่เป็นโรคเลือดจางอยู่แล้ว ก็จะวูบๆ หน่อย และเคล็ดข้อมือจากการยกของหนักตอนไปขายที่ข้าวสาร ทำให้ตอนนี้ยกของหนักไม่ได้ อุ้มน้องอาบน้ำไม่ได้ ต้องให้พ่ออุ้มแทน”
ไม่ใช่แค่พ่อแม่ที่ทุ่มเทดูแลลูกคนโตที่ป่วยติดเตียง แต่ลูกคนเล็กอย่างน้องคอนเน่ ก็รักพี่สาวมาก และพยายามช่วยดูแลเท่าที่ตัวเองพอจะทำได้“ผมก็ช่วยดูดเสลด แล้วก็นวด และป้อนข้าวพี่ด้วย (ถาม-มีอะไรอยากบอกพี่น้ำหวานไหม?) ผมอยากบอกพี่หวานว่า พี่หวานครับ ลุกขึ้นมาเร็วๆ นะครับ มาเล่นกับผมหน่อยนะครับ และพูดได้เร็วๆ ด้วยนะครับ ผมรักพี่หวานนะครับ”
สำหรับความหวังของพ่อแม่ต่ออาการป่วยของลูกสาว พ่อไม่ได้หวังอะไรมาก“แค่อยากให้น้องสื่อสารกับเราได้ ว่าเขาต้องการอะไร อยากให้เราทำอะไรให้ แค่นั้นพอ (ถาม-อยากบอกอะไรกับลูกสาวบ้าง?) พ่อคนนี้รักลูกนะ ขอให้ลูกสู้ๆ ยังไงพ่อก็จะดูแลลูกตลอดไป”
ขณะที่แม่คาดหวังว่า“อยากให้ลูกนั่งได้ ถ้าเขานั่งได้ แม่อยากพาเขานั่งรถเข็นไปเที่ยว ไปทำบุญ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบทำบุญมากที่สุด (ถาม-มีอะไรอยากบอกกับลูกไหม?) แม่รักลูกนะ หนูต้องสู้ไปกับแม่นะ แม่จะสู้ไปกับหนู น้ำหวานต้องสู้ เราจะสู้ไปด้วยกัน ทั้งครอบครัวเรา สู้ไปจนวันสุดท้ายวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่กับพ่อกับน้องจะเป็นกำลังใจให้หนู จะทำทุกอย่างให้หนูหายเร็วๆ”
หากท่านใดต้องการอุดหนุนอาหารตามสั่งของคุณแม่สั่งได้ทางไลน์แมน ร้าน “ตามสั่งเพื่อลูก”หรือหากต้องการช่วยเหลือ โอนไปได้ที่ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี นางดารา พวงลำเจียก เลขที่บัญชี 058-0-40456-0
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน“สู้สุดใจเพื่อลูก”
https://www.youtube.com/watch?v=0AE9brjtlfM
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 618 / กล่อง True ID ช่อง 19)
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos