พศ.สั่งวัดทำบัญชี! โทษหนักหากละเลย ผบช.ก.ยันข่าวฉาวไม่ใช่สมเด็จ แต่พระต่างจังหวัดยศสูงกว่าคดีกอล์ฟ โยงเงินสร้างศาสนสถานร้อยล้าน-ดูแลผู้หญิง
นับตั้งแต่เกิดข่าวฉาวระหว่างพระชั้นผู้ใหญ่กับสีกากอล์ฟ ต้องยอมรับว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐที่โดนทัวร์ลงมากที่สุด โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการทำงานที่ล่าช้า ซึ่งล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โพสต์ข้อความระบุว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอเน้นย้ำให้เจ้าอาวาสวัดทุกวัด เร่งดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคม ที่ 495/2568 เรื่อง แนวปฏิบัติการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร การเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด และแนวทางการจัดทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย รายงานเงินคงเหลือของวัด หรือ ระบบบัญชีมาตรฐานของวัด
1. กำหนดแนวปฏิบัติในการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร การเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคาร และการเก็บรักษาบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด ดังนี้ การเปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร ให้เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดที่วัดตั้งอยู่เท่านั้น ระบุชื่อบัญชีเงินฝากธนาคารว่า "เงินของวัด.........." หรือ "วัด........" เท่านั้น ห้ามมีคำว่าโดย........ (บุคคลใดบุคคลหนึ่ง) ต่อท้ายชื่อวัด ระบุชื่อผู้มีอำนาจลงนามถอนเงิน หรือสั่งจ่ายเช็ค จากบัญชีเงินฝากธนาคารของวัดอย่างน้อยสาม รูป/คน ประกอบด้วย 1.เจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายสงฆ์ 2.ไวยาวัจกรที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาส และ 3.บุคคลที่เจ้าอาวาสเห็นสมควร โดยเงื่อนไขการถอนเงิน หรือสั่งจ่ายเช็ค ให้กำหนดผู้มีอำนาจลงนามจำนวนสองในสามรูป/คน โดยมีเจ้าอาวาสลงนามถอนเงินหรือสั่งจ่ายเช็คด้วยทุกครั้ง
ที่สำคัญการถอนเงินฝากธนาคารของวัด ให้ใช้การถอนเงินโดยใช้ใบถอนเงินของธนาคาร และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเท่านั้น ให้มีการจัดทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่ายของวัด และรายงานเงินคงเหลือของวัดหรือ ระบบบัญชีมาตรฐานของวัด วัดทุกวัดต้องจัดทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่ายของวัดและบันทึกบัญชีทุกครั้งที่มีรายการรับและรายการจ่าย พร้อมให้สรุปเป็นรายเดือน และรวบรวมบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่ายของวัดเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน (เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม) ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดแล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป
นอกจากนี้ ให้วัดทุกวัดพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) มาใช้สำหรับรองรับข้อมูลการรับบริจาคตามความเหมาะสมของวัด ให้เจ้าอาวาสปฏิบัติตามมติฉบับนี้ และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ กำกับ กำชับ ติดตาม และดูแลเจ้าอาวาสในเขตปกครอง ให้บริหารศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย พระราชบัญญัติ กฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบ มติ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามย่อมมีความผิดฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการและมีโทษได้
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางข่าวลือที่ว่ามีพระชั้นสมณศักดิ์สูงรูปหนึ่งมีส่วนพัวพันกับสีกากอล์ฟ ปรากฎว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่า เป็นคนละคดีกับสีกากอล์ฟ แต่มีความน่ากังวลไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามานาน และขณะนี้เริ่มมีหลักฐานชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ สามารถลงรายละเอียดได้แล้ว
“พระสงฆ์รูปนี้มียศสูงกว่าพระในคดีสีกากอล์ฟ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับระดับสมณศักดิ์ หรือยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ระดับใด การตรวจสอบทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบพฤติกรรมน่าสงสัยหลายประการ อาทิ การดึงเงินจากวัดหลายแห่งรวมกัน นับร้อยล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ที่ดำเนินการมานานกว่า 10 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ นอกจากนี้เงินบางส่วนยังถูกโอนไปเพื่อดูแลผู้หญิง และนำไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งถือเป็นการเข้าข่ายความผิดทั้งในเรื่องผู้หญิงและเรื่องเงิน แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดบัญชีปลายทาง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
รอง ผบช.ก. ระบุว่า สำหรับกระแสข่าวลือพาดพิงถึงพระชั้นผู้ใหญ่บางรูปในกรุงเทพฯ นั้น ยืนยันว่าข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นพระผู้ใหญ่ที่อยู่ในต่างจังหวัด ตามที่ได้รับข้อมูลมาพบเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ที่สูงกว่าชั้นเทพ ซึ่งอาจจะเป็นชั้นธรรม ชั้นพรหม ชั้นสมเด็จ แต่มีคนนำไปตีความเลยเถิด แต่ในต่างจังหวัดจะรู้ว่าเป็นพระที่มียศขนาดไหน
“พระที่ถูกร้องเรียนนั้นก็เป็นพระที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับจังหวัดเกี่ยวกับการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสม นำเงินบริจาคของญาติโยมสร้างพทุธสถานหลายปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท อย่างไรก็ตาม กังวลว่าสังคมจะเกิดความสับสน และขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับพระที่โลกออนไลน์กำลังพูดถึง” รอง ผบช.ก.กล่าว