ฟอกเงินผ่านวัด ภัยร้ายวงการสงฆ์ พระผู้ใหญ่อ้าแขนรับ คนสีเทา-บิ๊กตำรวจแห่ทำบุญอื้อ สร้างวัตถุมงคล-บริจาคบังหน้า กฎหมายสงฆ์ล้าหลังเปิดช่องโกง พศ.เองก็ฉาวโฉ่
วิกฤตพุทธศาสนา จากความชั่วช้าของสีกากอล์ฟ และสมีเฒ่าทั้งหลายที่ตกหล่มราคะ มั่วสตรีกับสตังค์จนเสียพระ กำลังกลายเป็นจังหวะ ในการยกเครื่ององค์กรสงฆ์ เช่นแก้กฎหมายให้ทันสมัย เท่าทัน เล่ห์เหลี่ยม ความรอบจัด ของบรรดาหลวงตา หลวงพี่ ทั้งหลาย
เพราะมีการเปรยมาจาก ทางมหาเถรฯ แล้วว่า กฎหมายสงฆ์ไทย มีความล้าสมัยจริงๆ หลังจากใช้มานานร่วม 50 ปีแล้ว ได้เวลาอัพเกรดเสียที
แต่ก่อนที่จะปรับปรุงกฎหมายใดๆ ทางฝ่ายปกครองสงฆ์ ก็ควรรู้เท่าทันความสกปรกของวัดและพระให้รอบด้านจริงๆ เพื่อจะได้อุดรอยรั่วให้อยู่หมด
ประเด็นน่าสนใจ ซึ่งมีการ ถกเถียงพูดคุย กันบ่อยในระยะหลังก็คือ วัด กลับกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน ของเหล่าอาชญากรคนสีเทา และข้าราชการจอมทุจริตทั้งหลาย
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงหลัง พวกบิ๊กตำรวจ ชอบแห่ไปทำบุญใหญ่ ตามวัดต่างๆ กันมากมายเป็นพิเศษ
ทั้งที่แต่ละคน ก็มีประวัติเประเปื้อนมอมแมม ไม่น่าจะสนใจการเข้าวัดเข้าวา แต่ทำไม กลับขนเงินจำนวนมหาศาล ไปทำบุญกับวัด กันทุกปี
ขณะที่การฟอกเงินผ่านวัด ด้วยฝีมือคนสีเทา ก็มีวิธีการเช่น ไปติดต่อเจ้าอาวาส เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดสร้างวัตถุมงคล โดยตกลงแบ่งรายได้จากการให้เช่าวัตถุมงคลคนละครึ่ง
แค่นี้เอง ก็จะเป็นการฟอกเงินค้ายาเสพติด หรือเว็บพนันออนไลน์ ให้กลาย เป็นเงินสะอาด ได้จากการสร้างวัตถุมงคล
หรือแค่นำเงินสดมาบริจาคให้วัด เพื่อให้วัดออกใบอนุโมทนาบัตร ก็สามารถรับรองเงินดังกล่าวว่า เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้แล้ว เนื่องจากเราไม่มีระบบตรวจสอบ อันเข้มงวดกับเงินวัดเหล่านี้
เพราะสถานะของวัด ไม่ใช่นิติบุคคลเชิงธุรกิจ การบังคับใช้กฎหมายทางภาษี หรือการเงิน จึงไม่มีความเข้มงวด เปิดช่องให้ลักลอบฟอกเงิน ผ่านวัดได้โครมๆ
มีตัวเลขน่าอนาถว่า จากวัดทั้งหมดทั่วประเทศซึ่งมีอยู่กว่า 41,000 แห่ง แต่มีวัดส่งบัญชี หรือรายงานทางการเงิน ไม่ถึง 20,000 แห่ง
และในบรรดาบัญชีเงินวัด ไม่ถึง 20,000 แห่งนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. ก็ไม่ได้สนใจตรวจดูอีกต่างหาก แต่พศ.กลับเป็นต้นตอทุจริตคอรัปชั่น กันอย่างปากมัน จนผู้อำนวยการพศ.สองคนคือนายพนม ศรศิลป์ และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ กับเจ้าหน้าที่พศ.อีกหลายคน ถูกศาลลงโทษจำคุก และกำลังโดนดำเนินคดีอยู่ตอนนี้เพราะโกงเงินวัด หรือคดีเงินทอนวัด เพราะประชาชนคนนอก ไม่สามารถเข้าถึง ตัวเลขทำบัญชีของวัดได้
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ เหล่าคนสีเทา บิ๊กข้าราชการ และหลวงพ่อหลวงตา สมคบกัน ฟอกเงิน โดยไร้การตรวจสอบ ที่ผ่านมา มีวัดแห่งหนึ่ง ตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนักว่า น่าจะเป็นแหล่งฟอกเงิน โดยเพจ CSI LA แฉว่า วัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม ถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินจากเว็บพนันของนักการเมืองกลุ่ม “วัยรุ่นสร้างตัว” แห่งกาฬสินธุ์ จนวัดป่าที่เคยเงียบเหวาวังเวง กลายเป็นวัดที่ร่ำรวย เป็นพันล้าน ในเวลาอันรวดเร็ว
มีการซื้อไม้แพงๆ จากต่างประเทศ มาทำเป็นสิ่งปลูกสร้างในวัด อันตระการตา ซึ่งประเด็นการกล่าวหานี้ ทางเจ้าอาวาส ก็โต้ตอบว่าไม่จริง อ้างตรรกะของตนว่า คนบาปที่ไหนจะมาทำบุญ เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่ยุคนี้ คนบาป ก็สามารถสวมจีวร ไต่เต้า เป็นพระผู้ใหญ่ ถลุงเงินวัดไปกับสีกาและการพนันกันเยอะแยะไป แค่คนบาปจะเอาเงินสกปรก มาฟอกผ่านวัด ถือเป็นเรื่องเด็กๆ