ปรอดหัวโขนหลุดบัญชีคุ้มครอง! อธิบดีกรมอุทยานฯ ไฟเขียวเปิดทางค้านกเสรี สร้างความผิดหวังให้นักอนุรักษ์ หวั่นสูญพันธุ์ ชี้มาตรการป้องกันล่านกป่าเป็นแค่ปาหี่ ขาดความจริงจังเอาผิดคนขายนกผิดกฎหมาย
โลกคู่ขนานซึ่งไปกันไม่ได้เลย ระหว่างคนรักนก 2 ฝ่าย ได้มาถึงจุดที่ว่า รู้ผู้ชนะแล้ว
นั่นคือฝ่ายที่ต้องการให้ปลดล็อค นกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก ให้หลุดจากสถานภาพสัตว์ป่าคุ้มครอง กำลังมีแต้มต่อเหนือฝ่ายต่อต้าน
เพื่อว่าจะได้เกิดภาวะ ใครใคร่เลี้ยง เลี้ยง ใครใคร่ขาย ขาย ใครใคร่จับ จับ นกปรอดหัวโขนได้ตามอำเภอใจ ไม่ต้องกลัวถูกตำรวจซิวอย่างที่ผ่านมา
เรื่องนี้ต้องบอกว่าสร้างความเจ็บปวดใจให้กับฝ่ายอนุรักษ์นกเป็นอย่างมาก เพราะนกปรอดหัวโขน อาจ สูญพันธุ์จากธรรมชาติก็คราวนี้
ที่เจ็บปวดเป็น 2 เท่า ก็คือ คนที่น่าจะเป็นหัวหอกแข็งกล้าในการอนุรักษ์สัตว์ป่า อย่างอธิบดีกรมอุทยาน กลับมีสภาพหัวอ่อนปวกเปียก ยอมโอนอ่อนให้กับแรงบีบของนักการเมือง
เนื่องจากฝ่ายที่ต้องการค้านกเสรี ผลักดันนโยบายนี้ ผ่านนักการเมืองอย่างเป็นระบบ โดยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายเฉลิม พุ่มไม้ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เรียกประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 1 ประจำปี 2568
แล้วมีมติเห็นชอบในหลักการ ที่จะปลดล็อก นกปรอดหัวโขน พ้นจากบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ซะอย่างนั้น
โดยนายอรรถพล และนายเฉลิม ถือเป็นเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของฝ่ายอนุรักษ์ ลองเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ยังไม่คิดจะต่อต้าน การทำลายสายพันธุ์นกทางอ้อม อย่างการค้านก หายนะของนกป่า ก็มองเห็นอยู่รำไร
ทั้งนี้ มติที่ประชุมดังกล่าว ระบุแนวทางไว้ด้วยว่าต้อง "กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการล่านกปรอดหัวโขนในธรรมชาติ และมาตรการป้องกันนกปรอดหัวโขนในกรงเลี้ยงหลุดเข้าสู่ธรรมชาติ"
ฟังเลิศหรูดูดี แต่ในโลกเป็นจริง มันเป็นตลกร้ายชัดๆ คนในแวดวงอนุรักษ์ธรรมชาติ ต่างก็รู้ดีว่า สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ
เพราะที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ มีความหย่อนยานในการปราบปรามขบวนการค้าขายนกผิดกฎหมาย มาโดยตลอด
ขนาดมีประชาชนส่งเบาะแสร้องเรียน ตรงเข้าไปที่หน่วยงาน ผู้รับผิดชอบ หรือประกาศตามเพจใหญ่ๆ คนเห็นกันทั้งเมือง ก็ แทบไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากกรมอุทยานฯ
กรมอุทยานฯ ปล่อยให้มีการประกาศ ขายนกป่ากันตามเฟซบุ๊ก ตามอัธยาศัย ไม่ยักรู้สึกว่าถูกคนพวกนี้ตบหน้า
พอทั่นอธิบดีจะวางมาตรการ จับกุมคนจับนกป่า หรือตรวจสอบนกหลุดจากกรง ก่อนการปลดล็อก มันจึงคล้ายปาหี่ แค่กำหนดไว้เป็นตัวหนังสือ พอเป็นพิธี
เพราะบุคลากรของกรมอุทยาน ไม่มีความพร้อมที่จะทำตาม คำสั่งนี้ แล้วยิ่งทุกคนมองเห็นแนวทางว่า ผู้ใหญ่ในกรม เลือกที่จะปลดล็อก คงจะยิ่งไม่มีเจ้าหน้าที่หน้าไหนกล้าขวางทาง
องค์กรอนุรักษ์ที่ออกโรงต่อต้าน จะมีชัดๆ ก็แค่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร แต่ไม่มีองค์กรต่างๆ มารวมพล แบบร่วมด้วยช่วยกัน
ลีลาอ่อนระทวยของนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยาน ชวนให้นึกถึง "ทราย สก๊อต" ขึ้นมา ครามครัน
การบริหารอำนาจ อธิบดีกรมอุทยาน ในเรื่อง นกปรอดหัวโขน มันก็คล้าย การบริหารรายได้ ของอุทยานทางทะเลอันดามัน ยังไงยังงั้น
ถ้า "ทราย สก๊อต" สนใจเรื่อง อนุรักษ์นกละก็ ไม่แคล้ว อธิบดีกรมอุทยานฯ โดนเขาจัดหนักอีก