“จตุพร” จัดชุดใหญ่ให้ 2 พรรคการเมืองที่เรียงหน้ากล่าวหาผู้ชมนุมรวมพลังแผ่นดินกวักมือเรียกรัฐประหาร ซัดคนเพื่อไทยตัวดี ปากอ้างเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้เป็นแค่นักผลประโยชน์ ใจยิ่งกว่าเผด็จการหลายเท่า ส่วนพรรคส้มเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมถอนตัว เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน ย้ำไม่มีประชาชนคนไหนไปกวักมือเรียกกองทัพให้ออกมาทำรัฐประหารได้ ซัดกลับ ปชน.ไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มที่เพื่อต้านรัฐประหาร ปากบอกจะโรยเกลือ “อุ๊งอิ๊งค์” หลังซักฟอก เอาเข้าจริงเหลือแต่สารส้ม ไม่เช่นนั้นประชาชนก็ไม่ต้องเหนื่อย ไม่แปลกใจ ครม.ใหม่มี “จึงรุ่งเรืองกิจ” 2 คน
วันนี้(1 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ รร.รัตนโกสินทร์ มีการแถลงข่าวของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สืบเนื่องจากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน แถลงว่า ปรากฏการณ์รุ้ง 2 ชั้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบัดนี้ได้สําแดงให้เห็นแล้วในคดีเรื่องคลิปที่ประธานวุฒิสภายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฯ ได้มีมติเอกฉันท์รับเรื่องไว้พิจารณาด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 0 แปลความว่าจะถอดถอนนายกรัฐมนตรี ประการที่ 2 ต้องบอกว่ารุ้งกินอุ๊งอิ๊งค์ เพราะมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
นายจตุพรกล่าวต่อว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่มวลชนมากันจำนวนมากโดยธรรมชาติไม่มีการไปขนมา ทำให้คนจาก 2 ส่วนนั่งไม่ติด จะเห็นได้ว่าในระหว่างที่เรารณรงค์ให้คนไปวันที่ 28 นั้นกล่าวหาโดยตลอดว่าจะเป็นการปูทางให้กับการรัฐประหาร
“เราแถลงกันที่นี่กันทุกครั้งว่าไม่เอาการรัฐประหาร มีภารกิจเพียงแค่ 3 ข้อนายกลาออก พรรคร่วมถอนตัว ปกป้องอธิปไตยของชาติ คําพูดของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลก็เป็นลักษณะการตัดพ้อต่อว่า ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นมติของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่เอาการรัฐประหาร และไม่เอาอุ๊งอิ๊งค์เฉกเช่นเดียวกัน”
“เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวอร์รูมของรัฐบาล และคาดไม่ถึงจะมีวอร์รูมฝ่ายค้านด้วยฝ่ายค้าน นี่ขยัน มากกว่า เที่ยงคืนออกแถลงการณ์ ส่วนรัฐบาลเมื่อวานนี้คนในรัฐบาลเนี่ยครับ ทีวีพยายามจะนัดมาเจอเนี่ยไม่กล้าเจอกันสักราย แต่ได้เจอกับฝ่ายค้าน
“รอบนี้นะครับ เขาได้ควานหากันว่าจากเรื่องคลิปจนกระทั่งรวมพลังแผ่นดินเพื่อปกป้องอธิปไตยนั้น มันไม่มีช่องว่างที่จะมาสวนเลย คุณสนธิก็ประมาณว่าเดินไปมือไปโดนแก้วตกไป ไอ้พวกนี้ดีใจใหญ่ ต้านรัฐประหารๆๆ
“ผมอยากบอกไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าคุณรังเกียจการรัฐประหารตามที่คุณประกาศนั่น คุณไปรับเสียง สว.152 เสียงที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งเอาไว้มาโหวตให้เศรษฐา ทวีสินได้ยังไง คุณไปเอาพรรครวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ แล้วภูมิใจไทยมาร่วม แล้ววันนี้ยังออกมาด่าประชาธิปัตย์เรื่องบอยคอตการเลือกตั้ง แต่ก็เอาไว้ในรัฐบาล
“คนในพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่ว่าตั้งแต่ที่ปรึกษานายกฯ มาเนี่ยลืมมองไปที่คณะรัฐมนตรีว่า บัดนี้คนที่เขากล่าวหาทั้งหมด นั่นนะมาจากการตระบัดสัตย์ข้ามขั้วทรยศต่อสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชนนั้น ล้วนอยู่ในรัฐบาลทั้งสิ้น เกลียดเผด็จการก็นอนอยู่กอดอยู่กับเผด็จการ เกลียดการรัฐประหารก็เอาสิ่งที่คณะรัฐประหารเค้าส่งมามอบให้
“ผมรู้จักคนเหล่านี้ดี วันเวลาการดํารงตําแหน่งตั้งแต่ไทยรักไทย จนกระทั่งพรรคเพื่อไทย ก่อนการรัฐประหารเนี่ย ฯพณฯ ท่านเพ่นพ่านเต็มพรรคเต็มทําเนียบหมด พอรัฐประหารหายหัวหมด ทุกคนเหมือนกัน ผมนับหัวได้ เพราะพวกนี้ไม่เคยออกมาต่อต้านการรัฐประหาร ปี 2557 ถ้าไม่ไปสมคบสยบยอมหักหลัง เอาประชาชนออกจากที่ชุมนุมเพื่อแลกเปลี่ยนกับการออกนอกประเทศคุณจะหนีคดีจํานําข้าวได้
“เพราะฉะนั้นอย่ามาอวดอ้างการเป็นนักประชาธิปไตย คุณก็แค่นักผลประโยชน์ แต่ปากประชาธิปไตย ใจคุณหนักกว่าเผด็จการหลายเท่านะ ผมจะบอกให้”
นายจตุพรกล่าวต่อว่า ส่วนพรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาชน ตนไม่แปลกใจเลยว่าทําไมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์1/2 จึงมีคนตระกูลจึงรุ่งเรื่องกิจถึง 2 คน ประเด็นต่อมาก็คือว่าการ ที่คุณออกแถลงการณ์และให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้ประชาชนถอนตัวจากการชุมนุม ซึ่งเกิดมาตนก็เพิ่งเคยเห็นข้อเรียกร้องแบบนี้ กล่าวหาว่านี่คือการปูทางการรัฐประหาร
“ผมอยากจะบอกความไปยังพรรคประชาชนว่า พวกผมจัดชุมนุมพวกผมรับผิดชอบ ไม่ยุให้คนอื่นไปชุมนุมแล้วตัวเองไม่รับผิดชอบ การจะรัฐประหารนั้นไม่มีใครสามารถกวักมือให้ทหาร ไปเดินหน้าเดินกองทัพ แล้วบอกว่า ออกมารัฐประหารเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครทําได้หรอก
“แต่การรัฐประหารมันเกิดจากอะไรครับ ลองไปดูเหตุผลเดิมๆ เกิดจากรัฐบาลทุจริตฉ้อฉล เกิดจากการแทรกแซงองค์กรอิสระ เกิดจากการสร้างความแตกแยก เกิดจากการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือแม้กระทั่งเรื่องการขายชาติก็ตาม ไม่มีประชาชนคนใดเขาจะเรียกร้องการรัฐประหารได้ และข้อเท็จจริงบนเวทีก็ไม่มีการเรียกร้องการรัฐประหาร นั่นคือการกระทําของรัฐบาลที่ไปทุจริตฉ้อฉล และก็มีพฤติกรรมที่ผมเรียงตามลําดับนะ
“แล้วถามว่าพรรคฝ่ายค้านจะทําอย่างไรได้บ้าง เพื่อจะหยุดยั้งการรัฐประหารหนึ่ง พรรคฝ่ายค้านต้องทําหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน มีอยู่ 3 กรณีที่เข้าข่ายน่าสงสัยตรงข้างหน้าเนี่ยนะครับ เจอกันผมก็พูดในรายการ ในเมื่อคุณอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นหลบเลี่ยงภาษีตั๋วพีเอ็น คุณได้อภิปรายเรื่องการรุกที่ที่เขาใหญ่ คุณได้อภิปรายถึงการโกงที่วัดสนามกอล์ฟอัลไพน์ คุณได้อธิบายว่ายุทธการต่อไปนี้นั้นจะโรยเกลือ ปรากฏว่าไม่มีเกลือ เหลือแต่สารส้ม
“ถ้าคุณไปยื่นนั้น 3 เรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมของผู้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยข้อหาที่หลบเลี่ยงภาษีตามที่คุณอภิปรายเรื่องตั๋วพีเอ็น เรื่องโกงที่หลว งโกงที่วัด คุณอุ๊งอิ๊งค์เนี่ยนะครับไปก่อนที่จะมีโอกาสคุยโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซน
“แต่คุณไม่ทํา คุณเคยอธิบายว่าไม่ต้องการใช้หอกทมิฬแทงทมิฬ ไม่ต้องการใช้รัฐธรรมนูญปี 60 แต่คุณไปใช้เรื่องนี้กับศักดิ์สยาม ชิดชอบ แล้วเพิ่งไปใช้กับพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ก่อนหน้านั้นก็ใช้กับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วนะครับ คุณอ้างว่าเป็นประเด็นเรื่องการทุจริต ไม่ใช่เรื่องจริยธรรม แต่ผมบอกว่าเลี่ยงภาษีเนี่ยไม่ใช่การทุจริต โกงที่วัด รุกที่หลวงเนี่ยไม่ทุจริตเหรอ ก็ทุจริต ก็ไม่ยื่น คนอื่นยื่นทุกคนยกเว้นอุ๊งอิ๊งค์ไม่ยึ่น
“ถ้าคุณได้ทําหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ปิดประตูการรัฐประหารโดยสิ้นเชิง คุณอุ๊งอิ๊งค์เธอไม่มีโอกาสที่จะไปพูดโทรศัพท์กับสมเด็จฮุนเซน แต่เพราะพรรคประชาชนไม่ทําหน้าที่ ไม่โรยเกลือตามคําประกาศ แต่ไปโรยสารส้มแทน ตามที่ผมบอก
“ประเด็นต่อมา เมื่อมีปรากฏการณ์คลิปหลุด วุฒิสภาร้องไปยังประธานวุฒิ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านพรรคภูมิใจไทยเขาเสนอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในประเด็นเรื่องความมั่นคงของชาติ จากกรณีคลิปหลุดและพฤติกรรม ต่างๆ แต่พรรคประชาชนยังไม่เห็นชอบด้วยจนกระทั่งถึงบัดนี้
“ถามจริงๆ คุณเป็นฝ่ายไหนกันแน่ รัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ถ้าคุณทําหน้าที่พรรคฝ่ายค้านภาคประชาชนก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับคุณ แต่เขาออกมาปกป้องอธิปไตยเรียกร้องให้นายกลาออก พรรคร่วมถอนตัว คุณดันมาเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมถอนตัวจากที่ชุมนุม
“ผมบอกเรื่องนี้เพื่อให้คุณไปทบทวน คุณอย่ามาใส่ความประชาชนว่าเขาเรียกร้องการรัฐประหาร แล้วผมวาดหวังว่าบรรดาแกนนําที่ออกเรียงหน้ามาแถลงข่าวถ้ามีรัฐประหารเกิดขึ้น ขอให้พรรคประชาชนได้แถลงการณ์ประกาศนําทัพประชาชนสู้กับคณะรัฐประหาร จะไม่หนีแม้แต่เพียงคนเดียว ส่วนพรรคเพื่อไทยไม่ต้องไปร้องขอกับเขา เพราะเขาหนีตลอดชีวิตอยู่แล้ว
“ดังนั้น โดยสรุปความก็คือว่าเรื่องการกล่าวหาการชุมนุม ความจริงไม่มีเรื่องอื่นใดเลย เรื่องคุณสนธิซึ่งก็ไม่ได้เรียกร้องการรัฐประหาร อย่างที่ผมบอก ตัดพ้อต่อว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มันเป็นอย่างนั้น” นายจตุพรกล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวจะเอาอย่างไรต่อนั้น นายจตุพรกล่าวว่า คปท.(เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล และคณะกองทัพธรรม ศปปศ. ได้ตั้งเวทีที่สะพานชมัยมรุเชฐ อยู่ติดประชิดทําเนียบรัฐบาล เป็นทัพหน้า มาเป็นแรมปีแล้ว มีการปราศรัยและเคลื่อนไหวไปตามจุดต่างๆ ทุกวัน และคอยประคับประคองสถานการณ์กว่าชุดใหญ่จะได้รวมตัวกัน เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัดสามารถไปร่วมชุมนุมได้ทุกวันที่สะพานชมัยมรุเชฐ ตลอดระยะเวลา และสามารถร่วมบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายในการชุมนุมได้ เพื่อรักษาให้เป็นทัพหน้าเอาไว้
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ต่อไปนี้เราอาจจะมีเวทีขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หลังจากทัพหน้าตึงเอาไว้ และอาจจะเลือกจังหวัดที่มีความพร้อมจัดเวทีในต่างจังหวัดเราจัดทัพใหญ่ไป ในระหว่างนี้ถ้าเกิดสถานการณ์ที่ฉับพลันในกรุงเทพมหานครเราก็จะมีการปรึกษาและแถลงข่าวนัดหมายกันเป็นระยะๆ และคาดหมายกันว่าจะจัดเวทีใหญ่กันแบบสุดๆ อีกรอบ วางไว้ปลายๆ เดือนสิงหาคม ยกเว้นว่ารัฐบาลหาเรื่องก่อน ทําไมนานขนาดนั้น ไม่นานเลย ระหว่างทางนี้ทุกวัน คปท. กองทัพ ศปปศ.ยังตรึงไว้ให้ คณะเราก็เรียกตามมาได้ตลอดเวลา
นายจตุพรกล่าวปฏิทินถัดจากนี้ ผลที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธารยุติปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย จะมาทําหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทน แต่ในคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้มีหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการรับเรื่องเพิ่มเติมกรณีที่ประธานวุฒิสภาร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญกรณีของนายภูมิธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมใช้อำนาจแทรกแซงในคดีฮั้ว สว. ซึ่งคําสั่งศาลรัฐธรรมนูญก็คือรับพิจารณาเพื่อรอวันวินิจฉัยต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 กรณีโยกงบประมาณที่เตรียมไว้จ่ายดอกเบี้ยแต่เอาไปใช้ในโครงการแจกเงินหมื่น 35,000 ล้านบาท ซึ่งมีการยื่นไว้ที่ ป.ป.ช.บัดนี้เกือบครบ 60 วันแล้ว วันพรุ่งนี้ คณะของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ (ทนายนกเขา) นายสมชาย แสวงการ อาจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก พลเรือเอก พจุณ ตามประทีป จะไปตามความคืบหน้าที่ ป.ป.ช.ซึ่งที่จริงหน้าที่ของ ป.ป.ช.น่าจะจบแล้ว เพียงแค่ไปส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาเพียงแค่ 15 วันหลังจากรับเรื่อง คดีนี้มีโทษอยู่ 3 โทษ จากบุคคล 3 ส่วนด้วยกัน 1.คณะรัฐมนตรี 2.สส.บวกกับกรรมาธิการ 3.วุฒิสภา โทษคือ 1.ให้พ้นจากตําแหน่ง 2.ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 3.ต้องชดใช้เงิน 35,000 ล้านภายใน 20 ปี เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งในส่วนของภาคประชาชนได้สําแดงพลังกันอย่างครบถ้วน
นายจุพร กล่าวอีกว่า วันนี้ สาระหลักๆ อยู่ที่ท่านอาจารย์ปานเทพ พัวพงษืพันธ์ ที่ได้อธิบายเรื่องการบริจาคที่มากถึง 50,000 รายชื่อ 30 ล้านบาท สำหรับการชุมนุมทางการเมืองวันเดียวพี่น้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะรู้ว่าเหลือเงินเท่าไหร่มอบให้กับกองทัพภาคที่ 2 หมด เป็นปรากฏการณ์ไม่เคยเห็นการบริจา เร็วที่ไหนในทาง การเมืองมากขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะนี่เป็นวาระของบ้านเมือง เป็นวาระของความรักชาติ จึงได้สร้างปรากฏการณ์กันใหม่
“ผมเรียนกับพี่น้องนะครับว่าเราอาจจะมีนะครับ ในกรุงเทพฯ นอกจากสะพานชมัยฯ อาจจะเป็นหอประชุมใหญ่-เล็ก ธรรมศาสตร์ หรืออาจจะเป็นจุดอื่นใดนะครับ หรือแม้กระทั่งต่างจังหวัด เราจะได้อธิบายให้พี่น้องได้รับทราบตามลําดับ
“แต่ผมเรียนกับพี่น้องว่าสถานการณ์มาถึงขนาดนี้ถ้าโดยประสบการณ์นะครับ ปรากฏกาณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณอุ๊งอิ๊งค์วันนี้ หลังจากประชาชนสําแดงพลัง 3 วันนั้น หลังจากนี้มีแต่สาละวันเตี้ยลง ไม่มีอะไรจะดีไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามถ้าทําไม่ดีกับชาติบ้านเมือง ไม่ว่าใครก็ตาม ประเทศนี้มีพระสยามเทวาธิราช มีพระแม่ธรณี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และพระแก้วมรกต มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมือง ไม่มีใครปล่อยให้บ้านเมืองไทยนั้น ใครจะไปขายชาติ ทรยศชาติ ปรากฏนี้นะครับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้สําแดงแล้ว แล้วเราก็คงจะได้นัดหมายกันเต่อไป” นายจตุพรกล่าว