"สม รังสี" แฉ "ฮุนเซน" รับเงิน 4 แสนล้านบาทต่อปี จากแก๊งหลอกลวงออนไลน์! ชี้โจมตีไทยเพื่อกลบเกลื่อนผลประโยชน์ส่วนตัว หวั่นเครือข่ายมาเฟียจีนเทาชายแดนไทย-กัมพูชาถูกทำลาย
ฮุนเซน สมเด็จจากนรก เปิดศึกสาวไส้ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และแพทองธาร ชินวัตร เพราะอะไร? คนที่ออกมาวิเคราะห์ ประสาคู่ปรับตัวฉกาจ รู้เช่นเห็นชาติ ฮุนเซนเป็นอย่างดี ก็คือนาย สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้าน ของกัมพูชา
นายสม รังสี ออกแถลงการณ์ ล่าสุดมาจากประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งเขาลี้ภัยอำนาจเถื่อน ของฮุนเซน ระบุว่า การกระทำของฮุน เซน ไม่ได้มาจากความรักชาติอะไรเลย แต่เป็นเรื่องส่วนตัวและหวังผลทางการเมือง
จากความกังวลว่าระบอบฮุน ที่ปกครองกัมพูชา จะล่มสลาย จึงเปิดฉากโจมตี คนในระบอบทักษิณ เพื่อ ปลุกกระแสชาตินิยม เรียกคะแนนเสียงจากประชาชน
แถลงการณ์ของนายสม รังสี ชี้ว่า วิธีการนี้ ไม่ใช่เทคนิคใหม่ เพราะฮุนเซนเคยทำมาก่อนแล้ว ในเหตุการณ์จลาจล เมื่อปี 2547 และกรณีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2554
ฮุน เซน เลือกที่จะโกรธแค้น ไทย ประณามไทยอย่างดุเดือด แต่เลือกที่จะเงียบ ไม่พูดถึงประเด็นชายแดนกับเวียดนาม เพราะเวียดนามเป็นผู้ค้ำจุนกัมพูชามาอย่างยาวนาน
นายสม รังสี ระบุว่า ฮุนเซน มีท่าทีที่รุนแรงต่อไทย เพราะนโยบายปราบปรามและปิดด่านของไทย กลายเป็นภัยคุกคามต่อแก๊งอาชญากร ที่เชื่อมโยงกับมาเฟียจีนเทา ซึ่งใช้บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา เป็นฐานที่มั่นและมันส่งผลต่อรายได้ของฮุน เซน กระทบฐานอำนาจของฮุนเซน
นายสม รังสี มองว่า แก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญของระบอบการปกครองในพนมเปญ พร้อมยกสถิติว่า การหลอกลวงออนไลน์น่าจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 400,000 ล้านบาทต่อปี ตัวเลขนี้ เทียบเท่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีประเทศกัมพูชาเลยทีเดียว ที่สำคัญ เครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าว ยังปกป้องตัวละครการเมืองที่สำคัญของรัฐกัมพูชา รวมถึงสมาชิกครอบครัวของฮุน เซน
หลังจากแหล่งทุนดั้งเดิม เช่น การหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและที่ดินหมดสิ้นลง จากการทุจริตอย่างเป็นระบบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบอบฮุนแห่งกัมพูชา จึงหันมาพึ่งพาแก๊งสแกมเมอร์มากขึ้น
ผู้นำฝ่ายค้านของกัมพูชา สรุปว่า ฮุน เซน ไม่ได้ทำอะไรเพื่ออธิปไตยของกัมพูชา แต่กำลังทำเพื่อรักษาเครือข่ายทางการเงินจากการทุจริต เพื่อให้ระบอบฮุนของเขาอยู่ได้ต่อไป
พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติ สนับสนุนการทำลายเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะกระทบต่อสถานะของการเมือง ของผู้ยิ่งใหญ่แห่งกัมพูชาหรือไม่
