ทรัมป์กลับลำ! สหรัฐถล่มอิหร่านหลังอิสราเอล-อิหร่านปะทะเดือด ทรัมป์เคยประกาศ "ไม่ก่อสงคราม" แต่กลับสั่งโจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน โลกประณามทรัมป์ผิดคำพูด หลายชาติประท้วงการกระทำสหรัฐ
จากศึกดวลขีปนาวุธและโดรนพิฆาตระหว่างอิสราเอลกับมหาอำนาจตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน ซึ่งเปิดฉากมาตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 โดยเป้าหมายเบื้องต้นของอิสราเอลคือโรงงานนิวเคลียร์และที่ตั้งทางทหารของอิหร่าน
ขณะเดียวกัน ฝ่ายอิหร่านก็ตอบโต้อิสราเอลอย่างทันทีทันควัน ด้วยขีปนาวุธและโดรนติดอาวุธ โดยถล่มกรุงเทลอาวีฟและเยรูซาเล็ม ซึ่งกองทัพยิวเคยประกาศว่า สามารถปกป้องน่านฟ้าด้วยระบบต่อต้านขีปนาวุธ ที่เรียกว่า “ไอออนโดม “ หรือหลังคาเหล็กคลุมเหนือฟ้าแผ่นดินอิสราเอลได้แบบ 100 %
แต่ในสถานการณ์จริง ขีปนาวุธของอิหร่านก็สามารถเจาะผ่านไอออนโดมเข้ามาได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ อิสราเอลได้รับความเสียหายจากการโจมตี โดยในเบื้องต้นมีการยอมรับเป็นทางการว่า มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บมากกว่า 90 กว่าขณะที่ฝ่ายอิหร่านออกมายอมรับ หลังถูกอิสราเอลโจมตีต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ว่า มีชาวอิหร่านเสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บกว่า 300 คน
แม้ในช่วงแรก ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาจะออกมาแสดงท่าที อย่างชัดเจนว่า ไม่ได้สนับสนุนให้อิสราเอลโจมตีอิหร่าน และยังคงมุ่งมั่นที่จะเจรจากับอิหร่านในการยุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านต่อไปเพื่อสันติภาพ ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงของผู้นำสหรัฐ ในช่วงที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ว่า สหรัฐจะใช้ความพยายามในการยุติสงครามในทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะระหว่าง รัสเซียกับยูเครน และสหรัฐอเมริกาจะไม่ก่อสงครามกับชาติใด
ทั้งนี้ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social ของเขา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน หลังสงครามขีปนาวุธดำเนินมาได้ 72 ชั่วโมง ระบุว่า “เราจะบรรลุถึงสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านในเร็ววันนี้ และกำลังมีการโทรศัพท์พูดคุยและการพบปะเจรจาเกิดขึ้น”
แต่แล้วเมื่อถึงวันที่ 22 มิถุนายน (เวลา 9 โมงเช้าในประเทศไทย) ผู้นำสหรัฐกลับอนุมัติให้กองทัพเปิดปฏิบัติการที่มีชื่อรหัสว่า Midnight Hummer หรือปฏิบัติการ “ค้อนเที่ยงคืน” ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนแบบ B2 บินตรงจากสหรัฐอเมริกาสู่อิหร่าน ใช้ระยะเวลาเดินทาง 16 ชั่วโมง
ทั้งนี้เป้าหมายที่ถูกโจมตี คือฐานนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่าน 3 แห่ง แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากระเบิดแบบบังเกอร์บลาสเตอร์ น้ำหนัก 30,000 ปอนด์ ซึ่งสามารถเจาะทะลวงเป้าหมายใต้ดินได้ลึกกว่า 80 เมตร
ทั้งนี้ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้การใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ 14 ลูก ขีปนาวุธโทมาฮอว์กมากกว่า 24 ลูก และมีอากาศยานทางทหารเข้าร่วมมากกว่า 125 ลำ โดยโจมตีโครงการนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยพอร์โดว นันซ์ และอิสฟาฮาน เมื่อเวลาประมาณ 18.40 น. ตามเวลาตะวันออก ก่อนที่เครื่องบินทุกลำจะออกจากน่านฟ้าของอิหร่านอย่างปลอดภัยเมื่อเวลา 19.00 น.
อย่างไรก็ตาม อิหร่านได้ตอบโต้การโจมตีดังกล่าว ด้วยการยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอลทันที รวมทั้งยังได้ประกาศกร้าวว่าจะโจมตีฐานทัพของสหรัฐ ในทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งจะปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของชาติต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ สวมหมวกสีแดงที่ปักอักษรตัวย่อ MAGA หรือ Make America Great Again ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่า การโจมตีประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เครื่องบินทุกลำกำลังเดินทางกลับบ้านขอแสดงความยินดีกับนักรบอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ของเราไม่มีกองกำลังของชาติใดในโลกที่จะทำเช่นนี้ได้
และนี่คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับสหรัฐอเมริกาอิสราเอลและโลก ซึ่งอิหร่านจะต้องตกลงที่จะยุติสงครามครั้งนี้ในทันที มิฉะนั้นจะเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงและให้ผลเด็ดขาดยิ่งกว่าปฏิบัติการ Midnight Hummer
แต่สิ่งที่พีคที่สุดก็คือ ความหมายของคำแถลงดังกล่าวถูกตีความว่า ทรัมป์ขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ต่ออิหร่าน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาทรัมป์มีท่าทีเอนเอียงกลับไปกลับมา โดยในตอนแรกเขาร้องขอให้อิสราเอลหยุดข่มขู่กองทัพอิหร่าน เพราะการใช้กำลังทหารจะทำให้การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ต้องหยุดชะงักลง แต่เมื่ออิสราเอลลงมือโจมตีอิหร่านทรัมป์กลับสรรเสริญว่าการโจมตีครั้งนี้ “ยอดเยี่ยม” และขู่สำทับด้วยว่า “เดี๋ยวยังจะมีมาอีก อิหร่านจะเจอมากกว่านี้” ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ จะกลับลำอีกครั้งว่า การโจมตีของอิสราเอลอาจช่วยกดดันให้อิหร่านยอมทำข้อตกลงนิวเคลียร์ครั้งใหม่ได้
ปฏิกิริยาที่ตามมาหลังปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐ ผู้คนหลายประเทศออกมาประท้วงแสดงความต่อต้านการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ โดยชาวอินเดียในรัฐเวสต์ เบงกอลรวมตัวเดินขบวนประท้วง พร้อมกับจุดไฟเผาหุ่นจำลองของผู้นำสหรัฐฯ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อการตัดสินใจครั้งนี้
เช่นเดียวกับผู้ประท้วงอีกหลายร้อยคนในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งของอิหร่าน และยังมีชาวญี่ปุ่นหลายสิบคนรวมตัวประท้วงบริเวณด้านหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียว พร้อมกับถือป้ายข้อความต่าง ๆ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการโจมตีที่เกิดขึ้น
ในท้ายที่สุด โลกได้ประจักษ์แล้วว่า การตัดสินใจของทรัมป์สวนทางกับสิ่งที่เขาเคยกล่าวว่า สหรัฐจะยุติสงครามในทุกภูมิภาค และอเมริกันจะไม่ก่อสงครามกับชาติใด ทั้งหมดเป็นเพียงคำพูดที่เลื่อนลอยและไม่สามารถปฏิบัติได้จริง