รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.อ่างทอง เพื่อรู้จัก “ย่าพรสวรรค์” ที่ไม่เพียงฐานะยากจน แต่ยังต้องดูแลหลานพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีก 1 คน แม้เรี่ยวแรงคุณย่าเริ่มอ่อนล้า แต่สู้ทุกทางเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงหลานพิการ
แม้เป็นคนอ่างทอง แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของ “ย่าพรสวรรค์ สาดชัยภูมิ” ก่อนหน้านี้อยู่ที่ชัยภูมิหลังแต่งงานไปมีครอบครัวที่นั่น ซึ่งชีวิตของย่าค่อนข้างลำบากมาตลอด“อยู่ที่ชัยภูมิก็ทำนา หาของขาย หาไข่มดแดงบ้าง ผักหวานป่าบ้าง ส่วนใหญ่กินข้าวกับกล้วย กล้วยจิ้มน้ำปลา พอมีหลาน หนักกว่าเก่า บางทีไม่ได้กินอะไร บางทีก็อด”
ย่าไม่เคยคิดว่า ลูกวัยใสจะรีบมีหลานมาให้เลี้ยง ทั้งที่อยู่ในวัยเริ่มทำงาน ก่อนจะมีอันเลิกรากับภรรยาและทิ้งลูกไว้ให้ย่าโดยไม่ส่งเสีย“ตอนนั้นลูกชายทำงานอยู่กรุงเทพฯ มาช่วยเกี่ยวข้าว เกี่ยวข้าวเสร็จ ก็กลับไปทำงานต่อ ไปไม่ถึงเดือน โทรมาบอกว่า แม่ ได้หลานแล้วนะ ย่าบอก ถ้าหลานจริงๆ ก็พามา เขาก็พามาหมดทั้งแม่ทั้งลูก มาอยู่ได้ 3-4 วัน ลูกร้องทั้งคืน แม่มันก็ไม่เอาลูก นอนกอดสามีตัวกลมเลย พัดลมก็เปิด ไม่เอาอะไรห่มหน้าอกลูก พอย่าบอก เดี๋ยวหลานปอดบวมเด้อ อากาศเย็น ผ้าผ่อนไม่ปิด ลูกสะใภ้บอก มันลูกหนู ไม่ใช่ลูกแม่...”
หลังจากนั้น ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก็ทิ้งหลานไว้ให้ย่าเลี้ยง ไม่เท่านั้นยังขโมยทองของแม่ไปด้วย“มีทองสองสลึง มันลักเอาไปด้วย เอาไปขาย ลูกสะใภ้ ลูกชายก็เข้าข้างเมียมัน เลี้ยงหมูตัวหนึ่ง ซื้อทองไว้ เมื่อก่อนทองบาทละ 6,000 ซื้อ 50 สตางค์ เก็บไว้ให้ลูก เผื่อแต่งเมีย สุดท้าย ไม่ได้แต่ง มันเอาไปหมดเลย มันไปขายทอง ส่งเงินซื้อนมให้ลูกมันกิน (ถาม-เขาบอกไหมทำไมไม่เอาลูกไป?) เขาจะไปทำงานไง (ถาม-หลังจากนั้นเขาส่งเสียอีกไหม?) แค่ผ้าผืนเดียว ยังไม่เคยซื้อให้ลูกมันเลย (ถาม-แล้วไม่ติดต่อบ้างหรือ?) ติดต่อได้ครั้งเดียว ตอน 6 เดือน แม่มันเลิกกับพ่อมันแล้ว เขาทะเลาะกันแล้วก็เลิกกันเลย”
สงสารหลาน “พิการซ้ำซ้อน”!
“ตอนแรกไม่รู้ มารู้ตอน 6 เดือน มันไม่คว่ำ ไม่หงาย ไม่พลิกตัว ผิดสังเกต ก็พาไปหาหมอ ไปตรวจ เลยรู้ว่าพิการซ้ำซ้อน แต่ก่อนขามันพันกันแบบนี้เลย (ถาม-ในวันที่รู้ว่าหลานพิการ คิดยังไงบ้าง?) ไม่ได้คิดยังไงหรอก สงสาร เลี้ยงมันมาไม่เคยว่าสักคำ รักมัน”
ย่าใช้ชีวิตอยู่ที่ชัยภูมิ 30 ปี หลังสามีเสียชีวิต จึงตัดสินใจกลับมาตั้งรกรากอยู่ที่อ่างทองบ้านเกิดอีกครั้งพร้อมกับ “น้องตาล” หลานพิการคนนี้“(ถาม-หลังจากมาอยู่ที่นี่ เราทำอาชีพอะไรตอนนั้น?) ก็แบบนี้แหละ หาฟืนเผาถ่าน นาไร่ไม่มี เวลาไปหาฟืน ก็เอาหลานขึ้นรถพ่วงข้างไปด้วย แล้วข้อยก็เอาฟืนไว้ข้างๆ ให้คนนั่งกลาง”
ถึงวันนี้ ย่าใช้ชีวิตอยู่ที่อ่างทองมา 7-8 ปีแล้ว ขณะที่หลานตอนนี้อายุ 16 ปี มีภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ย่าต้องดูแลทุกอย่าง“หลานเดินไม่ได้ ต้องอุ้มอย่างเดียว พูดไม่ได้ กินเองไม่ได้ ต้องป้อน ให้กินข้าวอ่อนๆ ไม่ค่อยเคี้ยว อมแล้วก็กลืน ขับถ่ายเองไม่ได้ ต้องสวนตลอด (ถาม-ทุกวันนี้หลานมีปัญหาสุขภาพอะไรไหม? มี ต้องกินยาเรื่อย โรคไอ พวกหืดหอบ และโรคเกร็ง ชัก”
ส่วนย่าในวัย 69 ที่ร่างกายเริ่มอ่อนล้าลงทุกวัน แต่ยังต้องใช้กำลังในการอุ้มหลานวันละหลายรอบ เช่น อุ้มจากที่นอนมานั่งเก้าอี้บ้าง อุ้มเข้าห้องน้ำบ้าง อุ้มขึ้นรถพ่วงเพื่อไป รพ.บ้าง หรือไปเก็บขวดบ้าง เรียกว่าไปไหนต้องไปด้วยกัน ไม่ทิ้งหลานไว้ข้างหลัง
ไม่ใช่แค่สังขารของย่าที่เริ่มร่วงโรย แม้แต่รถพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์คู่กายที่ย่าใช้มา 20 กว่าปีแล้ว ยังสู้งานแทบไม่ไหว แต่ละวันขับไป ต้องได้เข็นได้ซ่อมแทบทุกครั้ง อะไรซ่อมได้ ย่าก็พยายามซ่อมเอง เช่น เปลี่ยนหัวเทียน เป็นต้น
ทุกวันนี้ย่าหาเลี้ยงหลานด้วยการเก็บขวด-เก็บผักขาย เช่น ใบขี้เหล็ก ซึ่งเมื่อก่อนย่าต้องปีนต้นขี้เหล็กข้างทาง แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีต้นขี้เหล็กข้างทางแล้ว ประกอบกับวัยที่ไม่เอื้อให้ปีนป่ายเหมือนเมื่อก่อน ย่าจึงหันมาปลูกต้นขี้เหล็กที่บ้าน และพยายามตัดไม่ให้ต้นสูง เพื่อง่ายต่อการเก็บ
“(ถาม-พูดถึงความเป็นอยู่เราขัดสนไหม?) ขาด แต่เราก็ค่อยเป็นค่อยไป เก็บเล็กเก็บน้อย พอได้เงินคนแก่ปุ๊บ ก็ไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้เรียบร้อย เหลือนั่นก็ซื้อให้หลาน ซื้อนม (ถาม-แล้วเวลาเงินขาดมือ เอาอะไรกินอะไรใช้?) บางทีเราก็ซื้อเตรียมไว้ ปลากระป๋องบ้าง ซื้อเก็บไว้ เราก็กินเล็กกินน้อยไป นอกนั้นก็ไว้ให้หลาน อย่างน้อยก็ซื้อไก่ หมูสับใส่ถุง ถุงละ 80 เวลานั่นก็เอามาผัดให้หลานทีละหน่อยๆ ก็ใส่ตู้ไว้ ส่วนย่าก็น้ำพริกกับปลาแดก ใส่พริกผง มะนาวบีบ ผงชูรสหน่อย หาผักต้มนิดหนึ่ง ก็อิ่มแล้วคนแก่”
ในวันที่โรคภัยเริ่มถามหา แต่ย่าแทบไม่มีโอกาสได้หาหมอเพื่อรักษาตัวอย่างจริงจัง“อยากไปหาหมอ ไม่ได้ไปสักทีย่า ทั้งตะคริว ทั้งไขมัน เป็นโรคหัวใจ เป็นหลายโรค บางทีขับรถออกไป บางทีหลับไปเฉย ข้อยว่าสมองข้อยไปเยอะ บางทีลุกขึ้นมา มันปวดไปหมดเลย ชา สมองนี่เบลอ คิดอะไรไม่ค่อยออก อยากตรวจสมองว่าเป็นยังไง”
ย่าห่วงหลาน ไม่อยากเป็นอะไรไปก่อนหลาน!
“(ถาม-ที่ย่าห่วงทุกวันนี้คือถ้าเกิดวันหนึ่งเราไม่อยู่ หลานจะอยู่ยังไง?) อยู่ยังไง กินยังไง ไม่มีใครเอาหรอก พี่น้องเราไม่มีใครเอา แค่เงินบาทเดียว ยังไม่เคยใส่มือเลย อยู่ใครอยู่มัน (ถาม-ถ้าเลือกได้จะให้ใครไปก่อน?) ก็ไม่อยากให้ใครไปสักคนหรอก ถ้ามันไปก่อน เราก็ต้องเครียด ห่วงมันรักมันเนอะ”
“(ถาม-ย่าคาดหวังอะไรกับการเลี้ยงดูหลานบ้าง?) ไม่คาดหวังอะไรเลย อยากให้แกเดินได้ พูดได้ แกจะได้ไปไหนได้ไง (ถาม-ย่าเคยคิดว่าหลานเป็นภาระสำหรับเราไหม?) ไม่เคยเลย ไม่เคยคิด ไปไหนก็เอาไปด้วย ให้ลำบากยังไง ข้อยก็ต้องเอาไป ไม่เคยทิ้งหลาน ตายเป็นตาย (ถาม-ถ้าวันหนึ่งย่าล้มลงหรืออุ้มน้องไม่ได้ ป้อนข้าวไม่ได้ ทำยังไง?) ก็ต้องพยายาม ต้องเอาจนได้ ต้องสู้ สู้เต็มร้อย ไม่สู้ไม่ได้ เลี้ยงหลานแบบนี้ ทิ้งได้เหรอ เขาคือหัวใจของเรา ทิ้งเขาไม่ได้”
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือเพื่อให้คุณย่าได้รถพ่วงข้างคันใหม่ไว้ทำมาหากินและดูแลหลานแทนคันเก่าที่ต้องขับไปซ่อมไป สามารถโอนไปได้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ชื่อบัญชี นางพรสวรรค์ สาดชัยภูมิ เพื่อ ด.ญ.ทัตพิชา ชูนาม เลขที่บัญชี 0200-3714-7426
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “ย่าจะไม่ทิ้งหนู”
https://www.youtube.com/watch?v=uDrT4u7EMjE
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos