xs
xsm
sm
md
lg

หมดความชอบธรรม 'แพทองธาร' ต้องไป นายกฯไทยใจเขมร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพทองธารวิกฤตหนัก! คลิปเสียงหลุดเจรจาฮุนเซน พาดพิงแม่ทัพภาค 2 อ่อนข้อกัมพูชา เสียงสภาปริ่มน้ำ หมดความชอบธรรมนั่งนายก แนะลาออกหรือยุบสภา คืนอำนาจประชาชน

เรียกได้ว่าเป็นช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ สำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพราะต้องเผชิญกับทั้งศึกในและศึกนอกอย่าหนักหน่วง เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย แม้ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะได้กระทรวงมหาดไทยมาบริหารเอง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับเสียงในสภาที่ปริ่มน้ำอย่างมาก อันจะนำมาซึ่งความเปราะบางได้ทุกเวลา

ศึกในที่ว่าหนักแล้ว แต่ศึกนอกนั้นกำลังจะหนักยิ่งกว่า หลังจากเจอความเจ้าเล่ห์ของ
ฮุนเซนในการออกมาเปิดเผยคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกฯไทยกับอดีตผู้นำกัมพูชาเกี่ยวกับเรื่องการเจรจาในการเปิดด่านชายแดนของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ในช่วงหนึ่งของบทสนทนา ปรากฎว่านายกฯได้มีการกล่าวพาดพิงแม่ทัพภาคที่2 ของกองทัพบกไทยในลักษณะที่ไม่เหมาะสม

"เรื่องชายแดนก็เข้าใจตรงกันว่า ทั้งท่าน ฮุน เซน และ อิ๊งค์ ก็อยากให้ 2 ประเทศสงบสุข ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังฝั่งคนที่เป็นฝั่งตรงข้างกับเรา เพราะว่าถ้าไปฟัง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังทางนั้นเสร็จ ก็ไม่อยาากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ เพราะจริง ๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลย เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

แต่ความจริงคือเราต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นก่อนที่จะปะทะกันที่ชายแดน บอกว่าให้ท่านฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าพักนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว (หัวเราะ) จริง ๆ แล้ว ถ้าท่านอยากได้อะไร ก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" คำพูดของนายกฯระหว่างสนทนากับสมเด็จฮุนเซน

แม้ว่านายกฯจะออกมาแถลงข่าวชี้แจงเป็นการด่วนพร้อมกับแสดงความไม่พอใจกับการเสียมารยาทของกัมพูชา แต่ต้องยอมรับว่าเวลานี้นายกรัฐมนตรีของไทยหมดความชอบธรรมในการจะดำรงตำแหน่งต่อไปอีกแล้ว โดยจากบทสนทนาที่เกิดขึ้นนอกจากจะเนื้อหาที่พาดพิงแม่ทัพภาคที่2แล้วยังมีลักษณะของการอ่อนข้อให้กับทางกัมพูชามากจนเกินไป

จริงอยู่ที่นายกฯอาจจะอ้างว่าการสนทนาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีความเป็นทางการอย่างที่นายกฯใช้ภาษาอังกฤษคำว่า "Private Conversation" แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพราะการพูดไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งของผู้นำประเทศ อาจผูกพันกับประเทศไปโดยปริยาย

นายกฯแพทองธาร ไม่ได้เป็นนายกฯคนแรกที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งกับกัมพูชา ย้อนกลับไปดูสมัยทักษิณ ชินวัตร ก็เจอมาแล้วแต่สามารถใช้ไม้แข็งทางการทูตจนผ่านสถานการณ์มาได้ หรือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็มีข้อพิพาทเช่นกันในเรื่องการพยายามข้อส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน (ทักษิณ ชินวัตร) แต่ก็เลือกที่จะฟังทีมงานที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงและกองทัพเป็นหลัก เพื่อไม่ให้ไทยเพลี้ยงพล้ำในเกมการเมืองระหว่างประเทศ หรือแม้แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอีกรัฐบาลที่ต้องเผชิญกับกัมพูชาเช่นกันจากกรณีที่ศาลโลกตีความคำพิพากษาคดีเขาพระวิหาร

'ยิ่งลักษณ์' ที่เวลานั้นเป็นมือใหม่ทางการเมือง ก็พอรู้ทิศทางลมว่าในยามคับขันแบบนั้นฝ่ายการเมืองที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญใยนทางปฏิบัติหรือข้อกฎหมาย ก็ถอยออกมาเพื่อให้ฝ่ายข้าราชการประจำของกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้นำ ดังได้เห็นบทบาทนำของ วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเวลานั้น โดยฝ่ายการเมืองเลือกที่จะอยู่ในสถานะฝ่ายสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเท่านั้น

ทว่าแพทองธารในวันนี้กลับทำในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไร้เดียงสาเกินไป ชะล่าใจและประมาทเกินไป อีกทั้งคำพูดของนายกฯไทยหลายครั้ง ก็วนเวียนอยู่กับการพยายามรักษาสถานะทางการเมืองของตัวเองเป็นสำคัญอีกด้วย

ดังนั้น หากยังเหลืออะไรที่นายกฯคนนี้จะทำให้คนไทยได้บ้าง ก็คงจะเป็นการลาออกหรือยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกผู้นำคนใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตย

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกอดเก้าอี้นายกฯเอาไว้ ทั้งๆที่ขาดความชอบธรรมไปแล้ว อย่าปล่อยให้การเมืองไทยมีช่องโหว้ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงได้อีก
กำลังโหลดความคิดเห็น