ทิ้ง 12 ล้าน พาเมียซวย ผอ.ป.ป.ช.โดนซุกทรัพย์สิน แถมข้อหาร่ำรวยผิดปกติ
คดีเงินหล่น 12 ล้านบาท แถวกองขยะ ที่คอนโด เมืองทองธานี กำลังส่งกลิ่นเน่าเหม็น ของการทุจริตในวงราชการ อย่างน่าตื่นตะลึง
ส่อเค้าจะเป็นการทุจริต ของคนในองค์กรปราบปรามการทุจริตอย่าง ป.ป.ช. พูดง่ายๆ คนปราบโกงดันโกงซะเอง
เจ้าของเงินเป็นฟ่อนๆ 12 ล้าน ออกมาแสดงตัวยอมรับ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เรียบร้อยแล้ว เป็นทนายความนาม นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ให้การอ้างกับตำรวจว่า เป็นเงินที่เขาเก็บหอมรอมริบ จากอาชีพทนายความ รวมกับรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชน รวมถึงการเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษาประจำ กสทช.
แต่ต้องบอกว่าข้ออ้างของ นายทวีวัฒน์ ฟังไม่เนียน เอาซะเลย เนื่องจากนายทวีวัฒน์ ไม่เคยยื่นเสียภาษีจากการได้เงิน 12 ล้านบาทดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้น ก็พบว่า นายทวีวัฒน์ เคยแจ้ง เสียภาษีรายได้ แค่ 1 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
ประเด็นที่น่าคิดที่สุดก็คือ คนมีอาชีพระดับทนายความ ทำไมถึงเก็บเงินสดเป็นฟ่อน 12 ล้าน แทนที่จะไปฝากธนาคาร แบบคนปกติทั่วไป เขาทำกัน
นายทวิวัฒน์ เก็บเงินสดใส่กล่อง ซุกคอนโดฯ แบบนี้ จะไม่ให้สังคมและตำรวจ คิดได้อย่างไร ว่าเป็นเงินสกปรก ที่ได้มาจากงานอะไรสักอย่าง
เมื่อตรวจสอบประวัติการทำงาน ก็พบว่า นายทวีวัฒน์ เป็นอนุกรรมการไต่สวน ใน ป.ป.ช. มาแล้วหลายคดี
โดยคนที่ดึงตัวนายทวีวัฒน์มา ทำงานให้กับ ป.ป.ช. คือพลเอกบุณยวัจน์ เครือหงส์ กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งตอนนี้ หมดวาระไปแล้ว
แต่แม้ลูกพี่หมดวาระไป แต่ลูกน้องอย่างนายทวีวัฒน์ ก็ยังมีบทบาทอยู่ใน ป.ป.ช. โดยตอนนี้ เป็นอนุกรรมการสอบสวน คดีร่ำรวยผิดปกติของนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. แถมนายทวีวัฒน์ ยังมีภรรยาซึ่ง จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย มีตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการ สถาบันการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สัญญาธรรมศักดิ์ ชื่อ นางสาววิศรา รัตนสมัย
ทั้งนี้ หน้าที่การงานของนางสาววิศรา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ สอบสวนคดีทุจริตใดๆ ทั้งสิ้น ของ ป.ป.ช. แต่ก็มีตำแหน่งสูงถึงระดับที่ต้อง ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ในทุกๆ 3 ปี
ปรากฏว่า นางสาววิศรา ยี่นบัญชีทรัพย์สิน มาแล้ว 3 ครั้ง คือเมื่อปี 2561 ,2564 และ 2567 แต่ละครั้งไม่เคยมี เงิน 12 ล้านของ นายทวีศักดิ์ ผู้เป็นสามี แสดงในรายการบัญชีทรัพย์สินเลย
งานนี้จึงตรงกับวลีที่ว่า "คนจะซวยช่วยไม่ได้" ความสะเพร่าของผัว ที่ทำเงินหล่น 12 ล้าน กำลังส่งผลให้คนเป็นเมีย ต้องโดนคดีอาญา และถูกออกจากราชการ
เนื่องจากข้าราชการที่แสดง บัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ถือว่ามีความผิดร้ายแรง และจะโดนคดีอาญา ข้อหาร่ำรวยผิดปกติ หากเขาไม่สามารถแจกแจงที่มาของเงินสด 12 ล้าน ให้น่าเชื่อถือได้ จะซ้ำรอยคดีอดีตรองเลขาธิการป.ป.ช.ที่ไม่แจ้งทรัพย์สินภรรยาหลายร้อยล้านบาทเมื่อหลายปีก่อน
ผอ.อุ้ย หรือวิศรา คงจะเจอคดีปกปิดทรัพย์สินในไม่นานนี้ เพราะในกลางเดือนมิถุนายนนี้ จะถึงรอบการพิจารณาตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินในรอบปี2567 ที่ผอ.อุ้ยยื่นไป เรียกว่าเป็นจังหวะพอดิบพอดีและช่างบังเอิญ จะซวยอะไรขนาดนี้
เรื่องราวซับซ้อนของผัวเมียคู่นี้ นับว่าน่าเศร้า คนเป็นข้าราชการ ในองค์กรปราบโกง กลับมีพฤติกรรมส่อเค้าเป็นคนโกงเสียเองเช่นนี้ เป็นเรื่องที่สังคม ยากจะทำใจยอมรับ
ขณะที่นายทวีศักดิ์เอง จะโดนคดีหนีภาษี เนื่องจากที่ผ่านมา อ้างว่ารายได้แค่ล้านเศษ ในเมื่อมีรายได้จากอาชีพว่าความแค่นิดเดียว เพราะฉะนั้น เงินสด 12 ล้านของเขา ก็น่าจะได้มาในช่วง ที่ทำงานใน ก.ส.ท.ช. หรือไม่ก็ ป.ป.ช. หรือไม่ก็จากทั้ง 2 แห่ง
โดยเฉพาะ องค์กรปราบโกงอย่าง ป.ป.ช. ที่ผ่านมาก็มีข้อครหา ถึงความ "เน่าใน" หลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ การตัดสินคดีนาฬิกายืมเพื่อน
หรือตอนคดีบิ๊กโจ๊ก ก็มีอนุกรรมการไต่สวน ของ ป.ป.ช. ต้องมาโดนคดีอาญาเสียเอง ข้อหาช่วยตกแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จให้กับบิ๊กโจ๊ก
จะเห็นว่า คนเป็นอนุกรรมการไต่สวน ก็เป็นเหมือนฟันเฟืองสำคัญ ในการปราบทุจริต
หากฟันเฟืองทำงานอย่างบิดเบี้ยว ข้าราชการหรือนักการเมือง ที่โดนคดีทุจริต จะลอยนวลไปดื้อๆ โดยคดีไม่ไปถึงกรรมการ ป ป.ช. ชุดใหญ่
ตำแหน่งอนุกรรมการไต่สวน จึงเป็นแหล่งซ่องสุมทำมาหากิน แบบรวยเงียบ