ฝ่ายค้านขึงพืด ถล่มหนักงบ 69 งบลับ-งบกลาง-งบสภา ไม่รอด
การเมืองสัปดาห์นี้ กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เพราะจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญฯ ระหว่าง 28-31 พ.ค.
ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ในช่วงวันที่ 29 พ.ค.ไปจนถึง 31 พ.ค. ที่จะเป็นการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระแรก ซึ่งวิปรัฐบาลให้เวลาอภิปราย 29-31 พ.ค.
ตอนนี้ แม้ต่อให้ จะมีปัญหาภายในระหว่าง”ขั้วแดง-ทักษิณ”กับ”ขั้วน้ำเงิน”ผ่านคดีฮั้วสว. จะระอุ แต่มันก็ยังไม่แตกหักถึงขั้น ทำให้ส.ส.รัฐบาลโดยเฉพาะภูมิใจไทย คิดสั้น โหวตคว่ำร่างพรบ.งบฯ 69 ที่หากไม่ผ่านสภาฯ นายกฯต้องยุบสภาฯสถานเดียว ดังนั้น โหวตร่างพรบ.งบฯ 31 พ.ค. สถานการณ์ดูแล้ว ยังไง ผ่านฉลุย
เพราะงบในส่วนของกระทรวงที่ดูแลรับผิดชอบโดยรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ก็ติดอันดับต้นๆ กระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบมากที่สุดในปี 2569 สิบอันดับแรก ไล่เรียงมาเลยทั้งกระทรวงศึกษาธิการ-มหาดไทย-อุดมศึกษาฯ และแรงงาน แล้วแบบนี้ ภูมิใจไทย จะไปโหวตคว่ำร่างพรบ.งบฯ ไปเพื่ออะไร เพราะเค้กก้อนใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว จะเตะโต๊ะให้ล้ม ไปเพื่ออะไร ภูมิใจไทย ไม่โง่ คิดสั้น
นอกจากจะไม่มีส.ส.รัฐบาล งดออกเสียงหรือโหวตไม่เห็นชอบแล้ว ที่ได้เห็นชัวร์ๆ คือ จะมี ส.ส.งูเห่า ฝ่ายค้าน เลื้อยกลางสภาฯ ให้เห็นอีก ไม่เชื่อคอยดู เพราะตอนนี้ อายุสภาฯ เหลือไม่ถึงสองปีแล้ว งูเห่า ไม่ต้องกลัวอะไร ถ้าใจมันรักจะไปอยู่พรรคอื่น ที่ดูแลดีกว่า
โดยเวที อภิปรายงบปี 2569 คาดว่า จะเข้มข้นพอควร ถ้าส.ส.ฝ่ายค้าน ทำการบ้านมาดี ก็อาจได้เห็น อะไรเด็ดๆ กลางสภาฯ เพราะต้องไม่ลืมว่า เวทีอภิปรายงบ เป็นเวทีแจ้งเกิดนักการเมืองดังๆ มาแล้วมากมาย รอบนี้ พรรคประชาชน จัดส.ส.ไว้อภิปรายถึง 40 คน ทั้งรุ่นใหญ่-รุ่นกลาง-รุ่นใหม่ เรียกว่าจัดเต็ม
สำหรับงบ 69 สแกนกันจะๆ พบว่า รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตั้งมาไว้ 3,780,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จำนวน 27,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 โดยวงเงินดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9
ส่วนงบสิบอันดับแรกที่ได้รับการจัดสรรมากสุด เรียงลำดับได้ดังนี้
1.งบกลาง จำนวน 632,968 ล้านบาท แต่พบว่า ปีนี้ ลดลงจากปี 2568 ไป 209,032 ล้านบาท
2.กระทรวงการคลัง จำนวน 397,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,197 ล้านบาท
3.กระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 355,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,333 ล้านบาท
4.กระทรวงมหาดไทย จำนวน 301,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,852 ล้านบาท
5.กระทรวงกลาโหม จำนวน 204,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,713 ล้านบาท
6.กระทรวงคมนาคม จำนวน 200,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,403 ล้านบาท
7.กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 177,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,673 ล้านบาท
8.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จำนวน 140,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,058 ล้านบาท
9.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 130,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,483 ล้านบาท
10.กระทรวงแรงงาน จำนวน 68,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5 ล้านบาท
ขอ”เก็งข้อสอบ”ว่า งบที่จะถูก”กระชวกหนักๆ”ก็จะมีเช่น งบของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะงบปรับปรุง-ซ่อมแซม-ต่อเติมต่างๆ ของรัฐสภาที่พรรคประชาชน เตรียมข้อมูลไว้อภิปราย ถล่มเพื่อโยงไปถึง วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ และพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพราน รองประธานสภาฯ จากเพื่อไทย ในลักษณะตั้งงบฟุ่มเฟือย ไม่มีความจำเป็นและตั้งงบไว้สูงหลายรายการ
นอกนั้นที่โดนแน่ๆ ก็เช่น งบกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะงบจัดซื้ออาวุธ งบลับ รวมถึงงบของกระทรวงใหญ่ๆ เช่น มหาดไทย และงบกลาง ที่เป็นอำนาจของครม.และนายกฯในการจัดสรรไปใช้ในโอกาสต่างๆ รอบนี้ ยังไง งบกลาง ไม่รอดแน่
และที่จะโดนอภิปรายหนักอีกงบ ก็คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้าน ที่เดิมทีจะเอาไปแจกประชาชนคนละหมื่นบาท-ดิจิทัลวอลเล็ต เฟสสาม -เฟสสี่ แต่เมื่อรัฐบาลเลื่อนออกไป ฝ่ายค้าน ก็ต้องไล่ถลุงชำแหละให้หนัก ว่าคำประกาศ เลือกเพื่อไทย เป็นรัฐบาล มีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มันแค่คำโกหก ตอนนี้ คนไทยบักโกรกกันถ้วนหน้า งานนี้ แพทองธาร เละกลางสภาฯ แน่
สภาสูงสีน้ำเงิน รอสัญญาณโหวต 3 ป.ป.ช.
นอกจากสภาฯ ถกงบ 69 แล้ว สภาสูง -วุฒิสภา ก็ประชุมสว.ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ประชุมน้อยกว่า สส.ที่ประชุมกันสี่วัน แต่ของสว.เอาแค่สองวันพอ แต่วาระประชุมเข้มข้นตลอด โดยเฉพาะการประชุมวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.
ซึ่งมีวาระร้อนคือการพิจารณารายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.ใหม่สามคน ซึ่งผ่านการคัดเลือกมาจาก คณะกรรมการสรรหาฯ
เพราะก่อนหน้านี้ ที่พวกสว.กลุ่มอิสระ นำโดย นันทนา นันทวโรภาส ออกมาปั่นราคาตัวเอง บอกว่าจะล่าชื่อสว.อย่างน้อย 20คนส่งศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งด่วนไม่ให้สว.โหวตเลือกป.ป.ช.และไม่ให้ตั้งกมธ.สามัญพิจารณาตรวจสอบประวัติฯ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.และตุลาการศาลรธน.ที่จะโหวตกันศุกร์นี้ 30พ.ค.
แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์ สว.กลุ่มนี้ เดินล่าชื่อสว.ทั่วตึกวุฒิสภา จนขาขวิด เที่ยวไล่โทรศัพท์ขอลายเซ็นสว.ที่ไม่ได้เป็นพวกสว.สีน้ำเงินหลายคน แต่ถูกปฏิเสธ ไม่ก็ไม่รับสาย เพราะรู้ว่าจะมาขอให้ร่วมลงชื่อ จนสุดท้ายได้มาแค่ราวๆ 12 ชื่อ
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กลุ่มนี้ ไม่มีพลัง ขนาดพวกเดียวกันที่เคยเกาะกลุ่มกันมาร่วม 20 คนอย่างต่ำ ตอนนี้ วงแตกหมด เพราะรับเจ๊ไม่ได้ ทำเอา นันทนา เสียราคาไปเยอะ
เมื่อไม่สามารถส่งศาล รธน.ได้ มันก็ไม่มีคนขวางทาง สว.สีน้ำเงินได้ ดังนั้น 30 พ.ค.นี้ ลุยโหวต ป.ป.ช.แน่นอน
ท่ามกลางข่าวว่าโผยังไม่นิ่ง ยังไม่รู้จะผ่านหมดสามชื่อหรือจะมีบางชื่อไม่ผ่าน ตามข่าวที่ลือก่อนหน้านี้ แต่ช่วงหลังก็มีข่าวว่า ทั้งสามชื่อมีสัญญาณตอบรับระดับหนึ่ง จากซอยรางน้ำแล้ว แต่ให้ชัวร์ๆ จะให้ผ่านหมดสามคนหรือผ่านแค่บางคน ต้องรอช่วงค่ำๆ วันที่ 29 พ.ค.หรือตอนเจ็ดโมงเช้า วันศุกร์ที่ 30 พ.ค. รับรอง รู้แน่ ว่าสามชื่อที่ส่งมา คือ ประกอบ ลีละเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา -เพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการภาค 2 -ประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินบริษัท จัสมิน อินเตอร์ เนชั่นแนลฯ
ทั้งสามคนจะได้เข้าไปคุมคดีสำคัญๆ ในตึก ป.ป.ช.ที่สนามบินน้ำหรือไม่ เพราะคนที่จะไฟเขียว ให้ สว.สีน้ำเงินโหวตอย่างไร จะส่งสัญญาณมาจากซอยรางน้ำ ไปที่ สว.สีน้ำเงิน ไม่เกินแปดโมงเช้า 30 พ.ค.