รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.ชลบุรี เพื่อรู้จักสองพี่น้องยอดกตัญญู ทั้งเรียน ทั้งทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัวหลังสูญเสียพ่อและแม่ไป แม้มีผู้ใจบุญพร้อมรับไปอุปการะ แต่หะดิสและใบเตยกลับเลือกที่จะอยู่ดูแลยายที่เขารัก ทั้งที่รู้ว่าหนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก
“ตอนแรกพ่อเขาป่วย ก็เสียไป แม่เขาก็ทำมาหากิน ยายด้วย ช่วยกันดูหลาน มีตังค์บ้างไม่มีบ้าง กู้เขาบ้าง ก็ลงทุนให้ไปขายลูกชิ้น แล้วยายก็ห่อขนม ห่อข้าวต้มมัดให้เด็กๆ 4 คนไปช่วยกันเดินขาย แม่เขาไปขายลูกชิ้นคนเดียว ขายไป ร่างกายเขาไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคประจำตัว ครั้งแรกป่วยอยู่ 2-3 เดือน ก็กลับมาทำงานได้ ทำได้ไม่เท่าไหร่ ก็ป่วยอีก ก็ไปเลย ยายก็ต้องดูแลหลาน 4 คน”
“ยายแจ๋ว สวัสดี” ย้อนเหตุการณ์การป่วยเสียชีวิตของลูกเขยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และลูกสาวเมื่อ 6 เดือนก่อน จนทำให้หลานๆ ทั้ง 4 คนอยู่ในความดูแลของยายตั้งแต่นั้นมา โดยหลานทั้งสี่ ประกอบด้วย หะดิส วัย 15 , ใบเตย 13 , บัวตอง 10 และมีนา 7 ขวบ
ซึ่งช่วงที่พ่อและแม่ป่วย ลูกๆ โดยเฉพาะหะดิสและใบเตยได้พยายามช่วยทำงานหารายได้ โดย “ใบเตย” ชิดตรีญา สวัสดี เล่าว่า“หลังจากพ่อเสีย หนูกับพี่หะดิสก็ไปรับจ้างทำงานที่ร้าน 20 บาท ตั้งแต่ 8 โมงถึง 6 โมงเย็น ช่วงนั้นปิดเทอม (ถาม-รายได้วันละเท่าไหร่?) 100 บาทค่ะ พอแม่ป่วย ต้องแยกกันทำงาน ตอนที่หนูทำงานร้าน 20 พี่ก็ไปเดินขายของริมทะเล (สัตหีบ จ.ชลบุรี)”
ด้าน “หะดิส” สุเทพ สวัสดี เล่าว่า“ช่วงที่แม่เริ่มป่วยไปขายของไม่ได้ แม่ก็ทำของให้ผมไปเดินขายชายละเท มีทอดมัน ขนมจีบ ข้าวต้มมัด (ถาม-เดินไปไกลไหมจากบ้านพัก?) ประมาณ 2 กม. (ถาม-ขายตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง?) ขายตั้งแต่ประมาณ 6 โมง ถึง 4 ทุ่ม”
หลังหลานๆ ไร้ทั้งพ่อและแม่ ยายแจ๋วไม่เพียงต้องดูแลหลานๆ แต่ยายยังฝืนสังขารที่ไม่แข็งแรงทำงานหารายได้ด้วยการรับจ้างดูแลผู้ป่วย “สุขภาพยายตอนนี้ก็ไม่ค่อยดี มีโรคหัวใจและกระดูกเสื่อม สันหลัง และเข่า ขาก็ปวด บางทีเดินไป ถ้าดังโป๊ะ จะเดินไม่ได้ ต้องหยุดก่อน ถ้าไม่มีไม้เท้าก็จะล้ม ต้องใช้ไม้เท้า (ถาม-หมอบอกเป็นอะไร?) หัวเข่ามันผุหมดแล้ว เขาจะผ่า ก็ไม่ได้ผ่า ถ้าผ่าก็ดูแลคนป่วยไม่ได้ เดี๋ยวขาดรายได้ เลยไม่ได้ผ่า”
หลังสูญเสียพ่อแม่ ชีวิตของสี่พี่น้องเหมือนเคว้งคว้าง ไม่รู้อนาคตว่าจะอยู่อย่างไรให้มีรายได้เลี้ยงตัวเอง เพราะยายก็เริ่มจะทำงานไม่ไหว การจะทำมาหาเลี้ยงหลานถึง 4 คน จึงเป็นไปไม่ได้ โชคดีที่มีผู้ใหญ่ใจดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ ฝีกอาชีพให้หะดิสและใบเตย พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับค้าขายเพื่อมีรายได้เลี้ยงน้องๆ
“ช่วงเดือนแรกที่แม่เสีย ผมและน้องๆ ก็อยู่บ้าน ยายเป็นคนทำให้กิน หาของให้กิน พอผ่านไปเดือนหนึ่ง ก็มีผู้ใหญ่ใจดี ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ให้น้องสาวเขามาสอนสูตรขายโรตี เขาให้สูตรและสอนวิธีทำโรตี และให้รถเข็น และลงทุนให้ด้วย (ถาม-ยากไหมสำหรับเด็กอายุ 14-15 ต้องมาหัดทำโรตี?) ยากนิดหนึ่ง ต้องฝึกตี และฝึกผสมแป้ง (ถาม-แล้วไปขายที่ไหน?) ที่หน้าร้านครัวมุสลิม (ถาม-แล้วเราต้องเสียค่าเช่าที่ไหม?) ไม่ต้องเสีย (ถาม-เงินที่เราขายโรตีได้ เอาไปทำอะไรตอนนั้น?) เอาไปให้ยายเก็บไว้”
การต้องเรียนด้วยทำงานด้วยจนถึงมืดค่ำ กว่าจะได้พักผ่อนก็ดึกดื่น แม้เหนื่อยและนอนไม่พอ แต่หะดิสและใบเตยไม่เคยถอดใจ เพราะสิ่งที่ทำ เพื่อแลกกับรายได้ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ท่ามกลางความยากลำบากในการเป็นเสาหลักหารายได้เพื่อดูแลน้องๆ ในที่สุด ได้มีผู้ใจบุญยื่นมือช่วยเหลืออีกครั้ง โดยพร้อมรับสี่พี่น้องไปอุปการะและส่งเสียให้เรียน แต่หะดิสและใบเตยตัดสินใจขออยู่ดูแลยาย ซึ่งยายกำลังจะลาออกจากงาน เพราะฝืนสังขารเพื่อทำงานไม่ไหวแล้ว
ยายแจ๋วยอมรับว่า แม้ไม่อยากให้หลานๆ ต้องแยกกัน แต่กลัวหลานจะลำบากภายหน้า จึงยอมให้ผู้ใจบุญรับไปอุปการะส่งเสียให้เรียนสูงๆ“(ถาม-ยายรู้สึกยังไงที่ยังเหลือหลาน 2 คน หะดิสกับใบเตยตัดสินใจไม่ไป จะอยู่ดูแลยาย?) ยายก็สงสารหลาน แต่ก็ดีใจว่าหลานรักยาย”
ขณะที่ใบเตยและหะดิสอดรู้สึกเสียใจไม่ได้ที่น้อง 2 คนต้องแยกไป“พอรู้ว่าน้องไปดี อยู่ดี ก็ดีใจกับน้อง (ถาม-เหตุผลที่ใบเตยกับหะดิสเลือกที่จะไม่ไป?) อยากอยู่กับยาย และหาเงินเพื่อเลี้ยงยาย”
ขณะที่น้องสาว 2 คนไปมีชีวิตใหม่ที่สบายขึ้นกับผู้ใจบุญที่รับอุปการะ แต่หะดิสและใบเตยกลับเลือกที่จะอยู่สู้กับความลำบากทำงานหาเงิน เพื่อดูแลยายในวัยชราที่สังขารเริ่มอ่อนล้าทำงานไม่ไหว ซึ่งยายแจ๋วยอมรับว่า อดห่วงหะดิสและใบเตยไม่ได้ว่า จะทำงานทันกินหรือไม่ เพราะต้องเรียนด้วย“(ถาม-ยายคิดว่าชีวิตหลังออกจากงาน ความเป็นอยู่จะเป็นยังไง?) ก็คงต้องลำบาก หลานทำกินทันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะหลานก็ยังตัวน้อย ต้องไปโรงเรียน ไปโรงเรียนไกล ตอนนี้กลับมา กว่าจะมาถึงก็จะเย็นจะค่ำ กว่าจะทำแป้ง กว่าจะได้ไปขาย 6 โมง ทุ่ม ทันกินหรือเปล่ายังไม่รู้”
แม้ต้องเรียนด้วยทำงานด้วย แต่หะดิสและใบเตยก็มีผลการเรียนที่ดีมาก แต่หากถามถึงเป้าหมายในอนาคต น้องไม่กล้าหวังว่าจะเรียนสูงได้แค่ไหน เพราะอยากทำงานหารายได้เพื่อซื้อบ้านให้ยายอยู่มากกว่า“(ถาม-ผลการเรียนเป็นยังไงบ้าง?) หนูได้เกรดเฉลี่ย 3.89 ส่วนพี่หะดิส ได้ 3.39 (ถาม-มีเป้าหมายไหมอยากเรียนสูงถึงระดับไหน?) ไม่มีค่ะ หนูยังไม่รู้ว่าหนูจะได้เรียนถึงไหน เพราะหนูตั้งใจจะขายของ และซื้อบ้านให้ยายอยู่มากกว่า ไม่อยากให้ยายอยู่บ้านเช่า หนูคิดแค่ช่วงนี้ก่อน แต่อนาคตหนูยังไม่รู้เลย ว่าหนูจะเรียนถึงไหน”
ไม่ว่าชีวิตหลังจากนี้จะต้องเหนื่อยหนักจากการเรียนด้วย และทำงานไปด้วยมากแค่ไหน สองพี่น้องพร้อมสู้เพื่อยายที่พวกเขารักเหมือนแม่“หนูรักยายเหมือนแม่คนหนึ่ง เพราะยายเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เด็กๆ อยากให้ยายอยู่กับหนูไปนานๆ อยากให้ยายสบาย อยากสร้างบ้านให้ยายอยู่”
หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุนการศึกษาให้น้องหะดิสและใบเตย สามารถโอนไปได้ที่ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี ด.ช.สุเทพ สวัสดี เลขที่บัญชี 197-8-64906-4
คลิกชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “กตัญญูสู้เพื่อยาย”
https://www.youtube.com/watch?v=wzWcrZUEXFc
ติดตามรับชมรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (กล่อง IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง AIS Play Box ช่อง 615 / กล่อง True ID ช่อง 19)
หรือรับชมรายการย้อนหลังได้ที่เพจ ฅนจริงใจไม่ท้อ https://web.facebook.com/KonJingJaimaitor/
หรือยูทูบฅนจริงใจไม่ท้อ https://www.youtube.com/channel/UCsb4sLqdHs35km4uQ_tOCjQ/videos