xs
xsm
sm
md
lg

ร้อง อสส.ยื่นศาล รธน. หยุดบ่อนทำลาย 'วุฒิสภา' พบกลุ่มการเมืองฮั้ว สว.รุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ร้อง อสส.ยื่นศาล รธน. หยุดบ่อนทำลาย 'วุฒิสภา' พบกลุ่มการเมืองฮั้ว สว.รุนแรง

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สำคัญแม้จะไม่ได้อยู่ในกระแสมากนัก แต่อาจมีผลต่อทิศทางของการเมืองไทยในอนาคต ภายหลังนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ โดยเนื้อหาในคำร้องดังกล่าวสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

ข้าพเจ้า ดร. ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน อาชีพทนายความ ขอใช้สิทธิและหน้าทีตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 50 "บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

มาตรา 49 "บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้

ผู้ใดทราบว่ามีการกระทำตามวรรคหนึ่ง ย่อมมีสิทธิร้องต่อ อัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกกระทำดังกล่าวได้"

ด้วยปรากฎพยานหลักฐานตามคำร้องของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญ ตามข่าวสารที่ปรากฎในสื่อมวลชน อีกทั้งพยานหลักฐานที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ทำการสืบสวนสอบสวน ทั้งยังตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมบุคลในขบวนการ 12,000 คน มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และภูมิสารสนเทศ การสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานสรุปได้ว่ามีการคิดสูตรดำเนินการสรุปขั้นตอน ดังนี้

1.การวางแผนเบื้องต้น พรรคภูมิใจไทยและคณะบุคคล ใช้จังหวัดเล็กที่มีฐานเสียงแน่นและการแข่งขันน้อย จัดเตรียมคนสมัครจากทุกกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ในทุกอำเภอ โดยมีรายชื่อสมาชิกวุฒิสภาเป้าหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว สนับสนุนผู้สมัครโดยใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท แยกให้ผู้สมัครระดับอำเภอคนละ 15,000 บาท ผู้สมัครบางคนถูกหักหัวคิวและทำหน้าที่เป็นเครื่องมือไม่ได้หวังเป็นส.ว.

2.การคัดเลือกและการเงิน จัดทำโพฮั้วให้กลุ่มพลีชีพ เลือกเป้าหมายแรก คือ ส.ว. 140 คน แต่สุดท้ายได้ถึง 138 คน และสำรองอีก 2 คน โดยคัดเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัดระดับประเทศ คนที่หลุดจากรอบอำเภอไปสู่รอบจังหวัดได้ 50,000 บาท และหากเข้ารอบประเทศได้เพิ่มอีก 100,000 บาท มีการจ่ายเงินสดล่วงหน้า 20,000 ที่เหลือจ่านภายหลังเลือกเสร็จ

3.การดำเนินการระดับระเทศ นำผู้สมัครมาพักโรงแรมที่อยู่นอกกทม.เพื่อหลบการตรวจสอบ มีการซักซ้อมเลือกโดยให้เขียนเบอร์ผู้สมัครเป้าหมายในแบบฟอร์ม สว.3 แล้วนำเข้าไปในคูหา เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง สั่งห้ามนำแบบฟอร์มเข้าคูหาก็เปลี่ยนวิธีเป็นเขียนลงมือหรือแอบนำเข้าไป

พฤติการณ์การกระทำของคณะบุคคลดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่ง อำนาจนิติบัญญัติ โดยการฉ้อฉลให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่อยู่ในอาณัติของพรรคภูมิใจไทย ที่จะทำให้มีอำนาจในการควบคุมการบริหารกิจการบ้านเมือง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ จึงเป็นการกระทำที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ส่งผลกระทบเป็นการบั่นทอนทำลายหลักการพื้นฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของที่ยังอยู่ให้เสื่อมโทรมหรือต้องสิ้นสลายไป ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ 3 วุฒิสภา

กล่าวคือ การควบคุมสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นองค์กรนิติบัญญัติและในรัฐธรรมูญฉบับมีความมุ่งหมายให้วุฒิสภามีหน้าที่เปลี่ยนแลงไปจากเดิมที่เคยถือว่าวุฒิสภา เป็นสภาพี่เลี้ยง โดยมุ่งหมายให้วุฒิสภา เป็นองค์กรที่จะประสานความคิดเห็นจากบุคคลหลากหลายอาชีพ โดยไม่อยู่ใต้อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมือง เพื่อให้การตรากฎหมายได้รับพิจารณาจากแง่มุมต่างๆ ทั้งเป็นการทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองได้โดยตรงและอย่างมีผลต่อการบริหารกิจการบ้านเมือง

จากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่ผู้ร้องได้นำเสนอมาโดยลำดับข้างต้น จะเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า พรรคภูมิใจไทยและคณะบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์การกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ ที่ส่งผลกระทบเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญและสั่นคลอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้เสื่อมโทรมหรือต้องสิ้นสลายไป เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ เป็นการกระทำใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 49 เป็นบทบัญญัติที่วางหลักการเพื่อพิทักษ์ปหกป้อง การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงบัญญัติให้กลไกป้องระบอบการปกครองจากการถูกบั่นทอนบ่อนทำลาย พฤติการณ์การกระทำของพรรคภูมิใจไทยและคณะบุคคล จึงเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครอง เป็นภัยร้ายแรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ และเป็นคดีที่ประขาชนและสื่อมวลชนทุกฝ่ายให้ความสนใจ มีผลกระทบเป็นวงกว้าง ประกอบกับคดีนี้ มีประจักษ์พยานหลักฐานข้อเท็จจริง ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รวบรวม และกล่าวโทษแก่ผู้กระทำความผิด เพื่อเป็นการปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผู้ร้องจึงขอใช้สิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญยื่นคำร้องให้ อัยการสูงสุด ได้โปรดพิจารณาดำเนินการส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น