จับตา ความล่าช้าในการประกาศผลการประมูลบัตรประจำตัวประชาชน กว่า 20 ล้านบัตรสำหรับงบประมาณปี ๒๕๖๘ ส่อเค้าความไม่ชอบมาพากล
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ ๓/๒๕๖๘ จำนวน ๒๐,๐๖๗,๙๐๒ บัตร ตามประกาศ กรมการปกครองลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
มีบริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาทั้งหมด ๔ บริษัทดังนี้
๑.บริษัท ทอปปังเอจ (ประเทศไทย) จำกัด
๒.บริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวรีตี้ พริ้นติ้ง จำกัด
๓.บริษัท ดีแซด การ์ด (ไทยแลนด์) จำกัด
๔.บริษัท พลัส เทค อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน)
ได้มีการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๘ และทุกบริษัทได้นำส่งเอกสารเพิ่มเติมและบัตรตัวอย่างสำหรับการทดสอบทางด้านเทคนิคในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๘ และทุกบริษัทผ่านการทดสอบเสร็จสิ้นในวันพฤหัสที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๘
จนถึงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ซึ่งล่วงเลยมาถึง ๕๐ วันแล้วยังไม่มีการประกาศผลของการประกวดราคาตามประกาศดังกล่าวแต่อย่างใด
มีข้อสังเกตว่า หนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ มีแห่งหนึ่งได้เคยเข้ามาร่วมประมูลโครงการจัดซื้อบัตรประจำตัวประชาชน ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ ๒/๒๕๖๗ จำนวน ๘,๕๐๓,๔๒๖ บัตร ตามประกาศ กรมการปกครองลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ โดยชนะการประกวดราคาที่ ๑๓.๓๒ บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งปวง ในวันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๗
แต่ปรากฏว่าในการจัดซื้อเร่งด่วนแบบคัดเลือกจำนวน ๒,๒๐๐,๐๐๐ บัตรเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยใช้ไอซีชิปรวมทั้งวัสดุชนิดเดียวกันกับการประมูลเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ ได้รับการคัดเลือกด้วยราคาทั้งสิ้น ๔๐,๗๐๐,๐๐๐ บาท (สี่สิบล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งปวง คิดเป็นบัตรละ ๑๘.๕๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้น ๕.๑๘ บาทต่อบัตร หรือคิดเป็น ๓๘.๘ เปอร์เซ็นจากการเสนอราคาเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๗ ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมสินค้าชนิดเดียวกันคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ ทำไมราคาถึงต่างกันมากขนาดนั้น และกำหนดระยะเวลาการส่งของที่รวดเร็วมาก ทั้งจำนวน ๒.๒ ล้านบัตรภายในเวลาเพียง ๒๐ วันหลังจากการเซ็นสัญญาเท่านั้น
จากข้อเท็จจริงและข้อสังเกตดังกล่าวข้างต้น ทำให้คิดไปได้ว่า เหตุผลที่ยังไม่ได้มีการประกาศผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ ๓/๒๕๖๘ จำนวน ๒๐,๐๖๗,๙๐๒ บัตร ตามประกาศ กรมการปกครองลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในครั้งนี้ น่าจะมีความไม่ชอบมาพากล และไม่เป็นประโยชน์กับทางราชการ อย่างน่าเคลือบแคลงสงสัย